สวัสดี​ค่ะ​ ขอสอบถามค่ะ​ คือ​ มีอะไรกับแฟนวันที่​ 22​ แล้วถุงยางหลุด​ ​ เช้าวันที่23​​ ให้แฟนซื้อยาคุมฉุกเฉินให้​ แต่แฟนซื้อยาคุมผิดเป็น​แบบ28​ เม็ดมา​ (เป็นประจำเดือนล่าสุดวันที่10 มิย)​ คำถามคือ 1.ทานยาคุมได้เลยมั้ยค​ะ​ (ไม่เคยทาน) 2.แบบนี้จะป้องกันได้มั้ย 3.หยุดทานได้เมื่อไหร่​ (มีเพศ​สัมพันธ์​ไม่บ่อย​ ทุกครั้งจะใส่ถุงยางตลอด)​

1. ทานยาคุมได้เลยมั้ยค​ะ​ (ไม่เคยทาน)
2. แบบนี้จะป้องกันได้มั้ย
3. หยุดทานได้เมื่อไหร่​ (มีเพศ​สัมพันธ์​ไม่บ่อย​ ทุกครั้งจะใส่ถุงยางตลอด)​

ขอตอบรวมกันว่ายังไม่แนะนำให้ใช้ยาคุมรายเดือนนะคะ เพราะนอกจากจะไม่สามารถคุมกำเนิดฉุกเฉินได้แล้ว ยังทำให้สับสนจากประจำเดือนที่จะเลื่อนช้าออกไปมากขึ้นค่ะ

ควรซื้อยาคุมฉุกเฉินมารับประทานให้เร็วที่สุดที่ทำได้ ยิ่งเร็วยิ่งดี อย่างช้าไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์นะคะ (การใช้ภายใน 72 ชั่วโมงแรกจะได้ผลดีกว่า 72 - 120 ชั่วโมง) โดยสามารถรับประทานแบบครบขนาดในครั้งเดียวได้ค่ะ นั่นคือ หากใช้ยี่ห้อที่มีแผงละ 2 เม็ดก็รับประทาน 2 เม็ดพร้อมกันในครั้งเดียว หรือถ้าใช้ยี่ห้อที่มีแผงละ 1 เม็ดก็รับประทานเม็ดเดียวครั้งเดียว

ถ้าไม่ตั้งครรภ์ ประจำเดือนควรจะมาตามรอบปกติเดิม หรือคลาดเคลื่อนเล็กน้อยค่ะ (ไม่ต้องสนใจว่าจะมีเลือดกะปริบกะปรอยออกมาภายใน 7 วันหลังรับประทานยาคุมฉุกเฉินหรือไม่ เพราะเป็นเพียงผลข้างเคียงจากยาที่อาจเกิดหรือไม่เกิดขึ้นก็ได้ และไม่สำคัญอะไร)

ถ้าประจำเดือนมาแล้ว และต้องการคุมกำเนิดต่อในกรณีที่คาดว่าจะมีเพศสัมพันธ์อีกเรื่อย ๆ ก็ให้รับประทานยาคุมรายเดือนภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน ซึ่งจะถือว่ามีผลคุมกำเนิดได้ตั้งแต่เม็ดแรกที่รับประทาน (แต่ถ้าผู้ถามมีเพศสัมพันธ์ไม่บ่อย และต้องการใช้ถุงยางเป็นวิธีป้องกันเหมือนเดิม ก็ไม่ต้องใช้ยาคุมรายเดือนนะคะ)

แต่ถ้าไม่มีประจำเดือน หรือกังวลว่าจะตั้งครรภ์ ควรตรวจการตั้งครรภ์ให้ชัดเจน โดยใช้ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะ ตรวจในตอนเช้าหลังตื่นนอน ปัสสาวะแรกของวัน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันค่ะ

ยาคุมแบบ 28 เม็ดที่ใช้คือยี่ห้ออะไรคะ และผู้ถามรับประทานในเวลาใดคะ

ขอบคุณสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมค่ะ

1. ผู้ถามยังสามารถรับประทานยาคุมฉุกเฉินได้ค่ะ และถ้ารีบใช้ก็น่าจะทัน 72 ชั่วโมงแรกที่มีประสิทธิภาพดีกว่า 72 - 120 ชั่วโมงด้วยนะคะ แต่ประสิทธิภาพของยาคุมฉุกเฉินไม่ได้สูงมาก แม้จะใช้ครบขนาดและทันเวลาก็ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 15 - 25% ค่ะ

ซึ่งหากผู้ถามรับความเสี่ยงดังกล่าวไม่ได้ แนะนำให้ปรึกษาสูตินรีแพทย์เพื่อพิจารณาการใส่ห่วงอนามัยชนิดหุ้มทองแดงภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งจะมีประสิทธิภาพสูงกว่ามาก โดยผู้ใช้จะมีโอกาสตั้งครรภ์เพียง 0.6 - 0.8% เท่านั้นค่ะ และยังใช้คุมกำเนิดต่อได้นาน 3 - 10 ปี ขึ้นกับรุ่นของห่วงอนามัยที่ใช้นะคะ

2. ส่วนยาคุมยาส แนะนำให้หยุดใช้ไปก่อน เพราะไม่ได้ช่วยลดความเสี่ยงของการตั้งครรภ์ดังกล่าวให้น้อยลงค่ะ

ผู้ถามไม่จำเป็นจะต้องรับประทานยาคุมยาสแล้วค่ะ

ส่วนยาคุมฉุกเฉินนั้นแนะนำให้รับประทานโดยเร็วที่สุดที่ทำได้นะคะ ยิ่งเร็วยิ่งดี เพราะการศึกษาในปัจจุบันชี้ว่ากลไกหลักที่จะมีประสิทธิภาพสูงกว่ากลไกอื่น ๆ ในการป้องกันการตั้งครรภ์ของยาคุมฉุกเฉินก็คือการชะลอไข่ตก หากยาไปชะลอไข่ตกไม่ทันและมีไข่ตกออกมาใกล้เคียงกับช่วงที่มีเพศสัมพันธ์ก็เสี่ยงที่จะป้องกันไม่ได้ผล ซึ่งในกรณีของผู้ถาม น่าจะอยู่ในช่วงที่เสี่ยงมากที่อาจมีไข่ตกค่ะ

ดังนั้น แม้ว่าการรับประทานในตอนเย็นพรุ่งนี้อาจยังทัน 72 ชั่วโมงแรก แต่ถ้าเป็นไปได้ ก็ควรรับประทานให้เร็วที่สุดแม้จะยังไม่เกินเวลานั้นก็ตามนะคะ

ตามที่แนะนำไปในความเห็นแรกนะคะว่า ถ้าไม่ตั้งครรภ์ ประจำเดือนควรจะมาตามรอบปกติเดิม หรือคลาดเคลื่อนเล็กน้อย

และไม่ต้องสนใจว่าจะมีเลือดกะปริบกะปรอยออกมาภายใน 7 วันหลังรับประทานยาคุมฉุกเฉินหรือไม่ เพราะเป็นเพียงผลข้างเคียงจากยาที่อาจเกิดหรือไม่เกิดขึ้นก็ได้ ไม่สำคัญอะไร

ดังนั้น หากประจำเดือนรอบล่าสุดของผู้ถามมาในวันที่ 10 มิถุนายน ก็ไม่แปลกที่จะยังไม่มีประจำเดือนมาในตอนนี้ค่ะ

แต่ประจำเดือนจะมาเมื่อไหร่ คงระบุแน่ชัดไม่ได้ เนื่องจากไม่ทราบว่าโดยปกติผู้ถามมีประจำเดือนมาห่างกันทุก ๆ กี่วัน (นับจากวันแรกของการมีประจำเดือนรอบหนึ่งไปหาอีกรอบหนึ่ง) และมาตรงเวลาสม่ำเสมอหรือไม่

ผู้ถามจึงต้องรอดูค่ะว่าจะมีประจำเดือนมาตามรอบปกติเดิมหรือเปล่า หรือถ้ากังวลใจมาก ก็สามารถตรวจการตั้งครรภ์ด้วยชุดทดสอบการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะ ในตอนเช้าหลังตื่นนอน ปัสสาวะแรกของวัน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันได้นะคะ

ถ้ากังวลเรื่องการตั้งครรภ์ ให้ตรวจการตั้งครรภ์ตามที่กล่าวไปข้างต้นนะคะ

แต่ถ้ากังวลเรื่องอาการปวดประจำเดือนมากผิดปกติ รวมถึงประจำเดือนที่มาไม่สม่ำเสมอ หากยังมีอาการเช่นนี้อยู่เรื่อย ๆ แนะนำให้ไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมและพิจารณาการรักษาที่เหมาะสมค่ะ