การตรวจ Antimitochondrial antibody และ AMA M2 จากการเจาะเลือด ทำเพื่อช่วยวินิจฉัยโรคตับแข็งทางเดินน้ำดี (Primary biliary cholangitis: PBC) ซึ่งเป็นโรคแพ้ภูมิตัวเองชนิดหนึ่งที่ทำให้เกิดความเสียหายขึ้นที่บริเวณตับ
ชื่ออื่น: Mitochondrial antibody
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
ชื่อทางการ: Antimitochondrial antibody และ Antimitochondrial M2 antibody
จุดประสงค์การตรวจ Antimitochondrial antibody และ AMA M2
แพทย์จะตรวจ AMA หรือ AMA-M2 เพื่อช่วยวินิจฉัยโรคตับแข็งทางเดินน้ำดี (Primary biliary cholangitis: PBC) โดยการตรวจจะช่วยแยกผู้ป่วยที่เป็นโรคตับแข็งทางเดินน้ำดีออกจากโรคแพ้ภูมิตัวเองชนิดที่ทำให้ตับได้รับความเสียหาย และช่วยพยากรณ์ว่าผู้ป่วยต้องได้รับการรักษาด้วยการปลูกถ่ายตับหรือไม่
เมื่อไรที่ต้องตรวจ Antimitochondrial antibody และ AMA M2?
แพทย์จะตรวจ AMA หรือ AMA-M2 เมื่อสงสัยว่าผู้ป่วยเป็นโรคแพ้ภูมิตัวเอง เช่น โรคตับแข็งทางเดินน้ำดี ซึ่งส่งผลกระทบต่อตับ และทำให้ผู้ป่วยมีอาการดังต่อไปนี้
ผู้ป่วยที่เป็นโรคตับแข็งทางเดินน้ำดีระยะเริ่มแรกจะไม่มีอาการใดๆ แต่แพทย์สามารถตรวจพบได้จากผลตรวจ Liver panel ผิดปกติ โดยเฉพาะค่าเอนไซม์ Alkaline phosphatase (ALP) ที่ผิดปกติ
แพทย์จะตรวจ AMA หรือ AMA-M2 ควบคู่หรือหลังจากใช้วิธีตรวจอื่นๆ ที่ช่วยวินิจฉัย หรือตัดความเป็นไปได้ของสาเหตุอื่นๆ ที่ทำให้เกิดโรคตับหรือเกิดการบาดเจ็บที่ตับ เช่น
- การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ
- การใช้ยาบางชนิด
- การดื่มแอลกอฮอล์มากกว่าปกติ
- การได้รับสารพิษ
- โรคทางพันธุกรรม
- โรคเมทาบอลิก
- โรคทางระบบภูมิคุ้มกัน (Autoimmune hepatitis)
วิธีเก็บตัวอย่างเพื่อตรวจ Antimitochondrial antibody และ AMA M2
แพทย์จะตรวจ Antimitochondrial antibody และ AMA M2 จากเลือดโดยการแทงเข็มเข้าไปในเส้นเลือดดำที่แขน ซึ่งผู้เข้ารับการตรวจไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวล่วงหน้า
รายละเอียดการตรวจ Antimitochondrial antibody และ AMA M2
Antimitochondrial antibody (AMA) เป็นออโตแอนติบอดีที่สัมพันธ์กับโรคตับแข็งทางเดินน้ำดี (Primary biliary cholangitis: PBC เป็นอย่างมาก โดยโรคดังกล่าวเป็นโรคแพ้ภูมิตัวเองชนิดเรื้อรังที่สามารถทำให้เกิดการอักเสบ และเกิดแผลที่ท่อน้ำดีในตับ โรคตับแข็งทางเดินน้ำดีเป็นโรคที่ลุกลามช้า แต่สามารถทำลายโครงสร้างของตับ และทำให้ท่อน้ำดีอุดตันได้
หากท่อน้ำดีอุดตัน ก็สามารถทำให้สารที่เป็นอันตรายก่อตัวภายในตับ และอาจทำให้เกิดแผลเป็นถาวรได้ในที่สุด แพทย์สามารถตรวจพบโรคตับแข็งทางเดินน้ำดีได้บ่อยในผู้หญิงที่มีอายุระหว่าง 35-60 ปี ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโรคตับแข็งทางเดินน้ำดีประมาณ 90-95% จะมีปริมาณของ Antimitochondrial antibodies (AMA) สูงอย่างมีนัยสำคัญ
ความหมายของผลตรวจ Antimitochondrial antibody และ AMA M2
การมีระดับของ AMA หรือ AMA-M2 ในเลือดสูงสามารถบ่งชี้ได้ว่าสาเหตุที่เป็นไปได้มากที่สุดของความเสียหายที่ตับคือโรคตับแข็งทางเดินน้ำดี แต่ระดับของ AMA ไม่ได้สัมพันธ์กับความรุนแรงของอาการหรือการพยากรณ์โรค
ผลตรวจ AMA หรือ AMA-M2 ที่เป็นลบ อาจหมายถึงความเป็นไปได้ที่อาการของจะผู้ป่วยเกิดจากอย่างอื่นที่ไม่ใช่ โรคตับแข็งทางเดินน้ำดี แต่ไม่ได้ตัดความเป็นไปได้เลย เนื่องจากมีผู้ป่วยโรคตับแข็งทางเดินน้ำดี ประมาณ 5-10% ที่จะมีปริมาณของ AMA หรือ AMA-M2 ปริมาณน้อย
สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับ Antimitochondrial antibody และ AMA M2
การตรวจ AMA และ AMA-M2 เพียงอย่างเดียวไม่สามารถวินิจฉัยโรคตับแข็งทางเดินน้ำดีได้ แต่หากทำควบคู่กับการตรวจอื่นๆ ทางห้องปฏิบัติการ และพิจารณาจากอาการของผู้ป่วย แพทย์ก็สามารถใช้ AMA และ AMA-M2 วินิจฉัยโรคตับแข็งทางเดินน้ำดีได้ มีผู้ป่วยโรคตับแข็งทางเดินน้ำดีประมาณ 50% ที่ถูกตรวจพบโรคก่อนที่จะมีอาการเด่นชัด