ผลประโยชน์การดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย (hospice care benefit) ใช้อย่างไร และครอบคลุมอะไรบ้าง

เผยแพร่ครั้งแรก 6 ต.ค. 2017 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 5 นาที
ผลประโยชน์การดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย (hospice care benefit) ใช้อย่างไร และครอบคลุมอะไรบ้าง

ผลประโยชน์การดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย เป็นส่วนพิเศษของการประกันสุขภาพที่จ่ายให้สำหรับการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย หากคุณหรือคนที่คุณรักมีประกันสุขภาพ และกำลังพิจารณาขอรับการดูแลระยะสุดท้ายแล้ว นี่ก็เป็นสิ่งที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายและผลประโยชน์ของการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย

ไม่ใช่ว่าทุกคนจะขอรับการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายได้ คุณต้องมีคุณสมบัติด้วย การจะมีคุณสมบัติที่เหมาะสม คุณต้องมีช่วงเวลาที่คาดว่าจะมีชีวิตอยู่ (life expectancy) น้อยกว่าหกเดือน และคุณต้องยินยอมที่จะหยุดการรักษาเพื่อให้หายขาดจากโรค และเลือกการรักษาที่มุ่งให้คุณรู้สึกสุขสบายและคงคุณภาพชีวิตของคุณให้ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นได้

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง

หากคุณมีประกันสุขภาพและเลือกองค์กรการดูแลระยะสุดท้ายที่ได้รับการรับรองจากทางประกันให้เป็นผู้ให้การดูแลคุณ ค่าใช้จ่ายจะได้รับการจ่ายจากผลประโยชน์การดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย

ผลประโยชน์การดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายครอบคลุมอะไรบ้าง

ผลประโยชน์การดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายครอบคลุมการดูแลทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับโรคระยะสุดท้ายของคุณ และจำเป็นต้องใช้เพื่อให้คุณรู้สึกสุขสบาย ซึ่งจ่ายให้สำหรับ

  • -แพทย์ผู้ให้การดูแลระยะสุดท้ายและพยาบาล
  • -ยาที่จำเป็นต้องใช้เพื่อให้คุณรู้สึกสุขสบายและควบคุมหรือป้องกันอาการของคุณ
  • -อุปกรณ์ช่วยสำหรับการดูแลระยะสุดท้ายที่บ้าน ที่ช่วยในการอาบน้ำและเปลี่ยนผ้าปูเตียง
  • -อุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น เก้าอี้รถเข็นหรือเตียงโรงพยาบาลที่จำเป็นเพื่อให้คุณสุขสบาย
  • -นักสังคมสงเคราะห์เพื่อช่วยให้คุณจัดการสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างเป็นลำดับ และช่วยให้คุณและครอบครัวจัดการกับความยุ่งยากทางอารมณ์และความเศร้า
  • -การดูแลผู้ป่วยชั่วคราวระยะสั้นเพื่อให้ผู้ดูแลของคุณได้พัก
  • -การบำบัดด้านการพูด กิจกรรมบำบัด และกายภาพบำบัดที่จำเป็นเพื่อให้คุณสุขสบาย หรือสอนให้คุณจัดการกับความเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นในร่างกายของคุณ
  • -บริการด้านอาหารหากจำเป็น
  • -การให้คำปรึกษาด้านความเศร้าสำหรับคุณและคนที่คุณรัก
  • -การเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลหากจำเป็น สำหรับการจัดการในระยะวิกฤติที่ผ่านการเห็นชอบจากกลุ่มผู้ดูแลระยะสุดท้ายแล้ว และการรับการดูแลที่โรงพยาบาลหรือศูนย์การดูแลที่ติดต่อกับองค์กรการดูแลระยะสุดท้ายของคุณ
  • -สิ่งอื่น ๆ ที่กลุ่มผู้ดูแลของคุณเห็นว่าจำเป็นและช่วยให้คุณสุขสบาย รวมทั้งจำกัดอาการของความเจ็บป่วยระยะสุดท้ายของคุณ

อะไรที่ผลประโยชน์การดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายไม่ครอบคลุม

ผลประโยชน์การดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายไม่ครอบคลุมอะไรก็ตามที่มุ่งไปยังการทำให้โรคระยะสุดท้ายของคุณหายขาด ตัวอย่างเช่น ผลประโยชน์ดังกล่าวอาจครอบคลุมค่าใช้จ่ายสำหรับการฉายแสงที่มีเป้าหมายในการทำให้ก้อนเนื้อร้ายที่กดไขสันหลังของคุณและทำให้เจ็บปวดหดเล็กลง แต่จะไม่ครอบคลุมการรักษาโดยการฉายแสงที่มุ่งให้โรคของคุณหายขาด ประเด็นสำคัญคืออะไรก็ตามที่การรักษานั้นทำเพื่อควบคุมอาการของคุณเพื่อให้คุณรู้สึกสุขสบายจะอยู่ในความคุ้มครอง หรืออะไรก็ตามที่การรักษานั้นมุ่งไปยังการทำให้โรคระยะสุดท้ายของคุณหายขาดจะไม่อยู่ในความคุ้มครอง

ผลประโยชน์ดังกล่าวไม่ได้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายสำหรับห้องพักและที่พัก ซึ่งอาจไม่เป็นปัญหาหากคุณอยู่ที่บ้าน แต่หากคุณอยู่ในสถานดูแล ศูนย์ที่ให้ความช่วยเหลือในการใช้ชีวิต ศูนย์ให้การดูแล ศูนย์ให้การดูแลระยะสุดท้าย คุณจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายด้านที่พักและการดูแลเหล่านี้เอง หากเป็นที่ชัดเจนว่าคุณจำเป็นต้องอยู่ที่สถานดูแล ศูนย์ให้ความช่วยเหลือในการใช้ชีวิต หรือศูนย์ให้การดูแลระยะสุดท้าย แต่ไม่สามารถรับภาระค่าใช้จ่ายได้ องค์กรการดูแลระยะสุดท้ายบางองค์กรจะใช้เงินบริจาคการกุศลเพื่อช่วยคุณเรื่องค่าใช้จ่ายเหล่านี้

การช่วยเหลือดังกล่าวมักพิจารณากันเป็นราย ๆ ไป ดังนั้นหากคุณคาดว่านี่จะเป็นปัญหาสำหรับคุณ สอบถามเกี่ยวกับว่าคุณจะเลือกองค์กรให้การดูแลแห่งไหน

บริการห้องฉุกเฉินและรถพยาบาลจะไม่อยู่ในความครอบคลุมของผลประโยชน์การดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย จนกว่ากลุ่มผู้ดูแลของคุณจะเห็นว่ามีความจำเป็น และเกี่ยวข้องกับความเจ็บป่วยระยุดท้ายของคุณ และจัดการให้คุณได้รับบริการดังกล่าว

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

อะไรบ้างที่คุณต้องจ่าย

คุณจะมีส่วนร่วมจ่าย (copay)เล็กน้อยเป็นเงิน 5 ดอลลาร์ สำหรับค่ายา ถึงแม้ว่าองค์กรการดูแลระยะสุดท้ายบางแห่งจะยกเลิกส่วนร่วมจ่ายดังกล่าวให้ คุณจะยังมีประกันภัยร่วม (coinsurance) 5% สำหรับการดูแลผู้ป่วยชั่วคราวระยะสั้นใด ๆ ก็ตาม แต่จะไม่มากเกินกว่า 12% ต่อวัน คุณจะต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรก (deductibe) สำหรับประกันสุขภาพแบบ B และประกันภัยร่วมสำหรับการให้บริการทางการแพทย์ใด ๆ ที่คุณได้รับจากแพทย์ที่ไม่ได้ทำงานให้กับองค์กรการดูแลระยะสุดท้ายของคุณ คุณจำเป็นจะต้องจ่ายเบี้ยประกันสุขภาพใด ๆ ที่คุณจ่ายอยู่ก่อนที่จะตกลงรับการดูแลระยะสุดท้ายต่อไป ตัวอย่างเช่น หากคุณจ่ายเบี้ยประกันของประกันภัยสุขภาพแบบ B หรือเบี้ยประกันสำหรับประกัน medigap คุณก็ยังคงต้องจ่ายเบี้ยประกันเหล่านี้ต่อไป

จะขอรับผลประโยชน์การดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายได้อย่างไร

ผู้รับการประกันสุขภาพเท่านั้นที่จะขอรับผลประโยชน์การดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายได้ เมื่อคุณเลือกที่จะเข้ารับการดูแลระยะสุดท้าย ส่วนหนึ่งของกระบวนการขอเข้ารับการดูแลจะเป็นการเปลี่ยนจากแผนการประกันสุขภาพปัจจุบันไปเป็นผลประโยชน์การดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย เจ้าหน้าที่ผู้ช่วยให้คุณเข้ารับการดูแลดังกล่าวจะช่วยในการขอรับผลประโยชน์การดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายของคุณด้วย

ผลประโยชน์การดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายทำงานอย่างไร

ผลประโยชน์การดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายเป็นส่วนหนึ่งของการประกันสุขภาพ Medicare แบบ A เมื่อคุณตกลงรับการดูแลระยะสุดท้าย ไม่ว่าคุณจะมีประกันสุขภาพแบบดั้งเดิมหรือแบบ advantage คุณก็จะได้รับการเปลี่ยนเป็นแบบดั้งเดิมโดยอัตโนมัติ ซึ่งประกันสุขภาพแบบดั้งเดิมจะจ่ายให้กับองค์กรให้การดูแลระยะสุดท้ายของคุณเป็นจำนวนหนึ่งในแต่ละวัน อัตราการจ่ายเงินในแต่ละวันนี้เรียกว่าอัตราการจ่ายรายวัน (per-diem rate)

องค์กรให้การดูแลระยะสุดท้ายจะจ่ายสำหรับการดูแลระยะสุดท้ายที่จำเป็นของคุณทั้งหมดจากอัตราการจ่ายรายวันดังกล่าว ซึ่งจะได้เงินนี้ทุกวันไม่ว่าผู้ให้การดูแลระยะสุดท้ายหรือผู้ให้การดูแลที่บ้านของคุณจะไปพบคุณในวันนั้นหรือไม่

องค์กรให้การดูแลระยะสุดท้ายทำหน้าที่คล้าย ๆ กับ HMO ในแง่ที่ว่าคุณได้รับอนุญาตให้ได้รับบริการทางสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับความเจ็บป่วยระยะสุดท้ายของคุณจากองค์กรดังกล่าวเท่านั้น หรือจากผู้ให้บริการทางสุขภาพรายอื่นที่ได้ทำสัญญาด้วย ตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการการให้ออกซิเจนที่บ้านและเตียงโรงพยาบาล คุณจะไม่สามารถรับอุปกรณ์ดังกล่าวจากผู้ให้บริการอุปกรณ์ทางการแพทย์ใด ๆ ที่คุณเลือก แต่คุณต้องรับอุปกรณ์ดังกล่าวจากผู้ให้บริการอุปกรณ์ที่ทางองค์กรของคุณทำสัญญาร่วม และทางผู้ให้การดูแลระยะสุดท้ายของคุณต้องเห็นด้วยว่าคุณจำเป็นต้องใช้สิ่งเหล่านี้

คุณอาจยังได้รับการบริการด้านการดูแลสุขภาพที่ไม่สัมพันธ์กับความเจ็บป่วยระยะสุดท้ายจากผู้ให้บริการที่ไม่ใช่การดูแลในระยะสุดท้าย ตัวอย่างเช่น หากโรคระยะสุดท้ายของคุณคือมะเร็ง คุณอาจยังคงไปพบแพทย์โรคหัวใจของคุณเพื่อรับการรักษาภาวะหัวใจเต้นไม่สม่ำเสมอได้ต่อไป เนื่องจากไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเจ็บป่วยระยะสุดท้ายของคุณ ซึ่งทางประกันการดูแลระยะสุดท้ายจะไม่ได้จ่ายให้สำหรับแพทย์โรคหัวใจเนื่องจากอยู่นอกเหนือการจ่ายเงินรายวัน การไปพบแพทย์โรคหัวใจไม่ได้เกี่ยวข้องกับความเจ็บป่วยระยะสุดท้ายของคุณ อย่างไรก็ตาม ประกันสุขภาพ Medicare แบบ B ดั้งเดิมจะจ่ายให้กับการไปพบแพทย์โรคหัวใจเช่นเดียวกับก่อนหน้านี้

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ศูนย์ดูแลและฟื้นฟูผู้ป่วย-ผู้สูงอายุวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 495 ลดสูงสุด 51%

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!

ในตัวอย่างอีกแบบ หากการเจ็บป่วยระยะสุดท้ายของคุณคือภาวะความดันหลอดเลือดในปอดสูง (pulmonary hypertension) และคุณจำเป็นต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเนื่องจากคุณหกล้มและสะโพกหัก ประกันสุขภาพ Medicare แบบ A ดั้งเดิมจะจ่ายให้สำหรับการรักษาตัวในโรงพยาบาลที่เกี่ยวกับสะโพกของคุณ และประกันสุขภาพ Medicare แบบ B ดั้งเดิมจะจ่ายให้สำหรับค่ารักษาของแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับสะโพกของคุณ ด้วยรูปแบบนี้ การดูแลระยะสุดท้ายและประกันสุขภาพจึงทำงานร่วมกันเพื่อจัดการกับค่าใช้จ่ายโรคระยะสุดท้ายของคุณ (ด้วยผลประโยชน์การดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย) เช่นเดียวกับที่ค่าใช้จ่ายด้านการดูแลสุขภาพที่ไม่เกี่ยวข้องกับความเจ็บป่วยระยะสุดท้ายของคุณ (ด้วยประกันสุขภาพ Medicare แบบ Aและ B)

จะเกิดอะไรขึ้นหากคุณเปลี่ยนใจเกี่ยวกับการดูแลระยะสุดท้ายหลังจากที่เริ่มผลประโยชน์การดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายไปแล้ว

หากคุณเปลี่ยนใจเกี่ยวกับการดูแลระยะสุดท้ายที่คุณได้ตกลงไปแล้ว คุณอาจเพิกถอนผลประโยชน์การดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายและกลับไปที่ประกันสุขภาพดั้งเดิม

หากคุณต้องการรับบริการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายต่อไป แต่เปลี่ยนใจเกี่ยวกับองค์กรการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายที่คุณได้เลือกไปแล้ว คุณอาจเปลี่ยนเป็นองค์กรอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม คุณไม่สามารถเปลี่ยนองค์กรการดูแลเมื่อใดก็ได้ตามที่คุณต้องการ คุณอาจเปลี่ยนได้ครั้งหนึ่งระหว่างช่วง 90 วันแรกของการดูแลของคุณ อีกครั้งหนึ่งระหว่างช่วง 90 วันถัดมาของการดูแล และเปลี่ยนได้ทุก ๆ 60 วันถัดไปต่อจากนี้ หวังว่าคุณจะเลือกองค์กรการดูแลระยะสุดท้ายที่คุณพึงพอใจและไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนนะ


3 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
Palliative Care: Benefits, Barriers, and Best Practices. American Academy of Family Physicians (AAFP). (https://www.aafp.org/afp/2013/1215/p807.html)
Hospice care: Comforting the terminally ill. Mayo Clinic. (https://www.mayoclinic.org/healthy-lifestyle/end-of-life/in-depth/hospice-care/art-20048050)
Hospice Care. National Center for Biotechnology Information. (https://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK537296/)

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

บทความต่อไป