ภาวะสมองเสื่อมในผู้สูงวัย

เผยแพร่ครั้งแรก 13 มิ.ย. 2017 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 2 นาที
ภาวะสมองเสื่อมในผู้สูงวัย

ภาวะสมองเสื่อม คือ อะไร?

ภาวะสมองเสื่อมเป็นความถดถอยในการทำงานของสมองซึ่งเกิดจากการสูญเสียเซลล์สมอง โดยเริ่มจากส่วนใดส่วนหนึ่งแล้วลุกลามไปยังสมองส่วนอื่น ๆ  โดยความเสื่อมจะดำเนินอย่างช้า ๆ ค่อยเป็นค่อยไป   บางครั้งอาจใช้เวลานานนับ 10 ปี ความผิดปกติจึงจะปรากฏชัดเจน   

สาเหตุของภาวะสมองเสื่อม

ได้แก่ เรื่องของอายุและพันธุกรรม มักพบในผู้สูงอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป และมีอัตราการป่วยสูงขึ้นเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น พบว่าในผู้ที่อายุ 90 ปีขึ้นไปจะพบอัตราการเกิดโรคสูงถึงร้อยละ 50

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง

การดูแลรักษาผู้ป่วยภาวะสมองเสื่อม  

ภาวะสมองเสื่อมแบ่งได้เป็นสองประเภท ได้แก่

1. โรคสมองเสื่อมที่รักษาให้หายขาดได้

ส่วนมากมักมาจากโรคทางกาย เช่น กลุ่มที่เกิดจากหลอดเลือดสมองตีบ ซึ่งมีสาเหตุจากความดันไขมันหรือน้ำตาลในเลือดสูง สำหรับผู้ป่วยกลุ่มนี้สามารถรักษาได้โดยการรับประทานยาควบคู่ไปกับการควบคุมอาหาร และดูแลร่างกายให้แข็งแรงด้วยการออกกำลังกาย

2. โรคสมองเสื่อมที่รักษาไม่หายขาด

ซึ่งมีสาเหตุแตกต่างกันออกไป  ทำให้เกิดพยาธิสภาพบางประการในสมอง  ซึ่งเชื่อว่าเกิดจากการก่อตัวอย่างผิดปกติของโปรตีนอะไมลอยด์ในเนื้อสมอง การรักษาอาจต้องใช้ยาช่วย  แต่ยาไม่ได้ทำให้โรคหายขาดเพียงแต่ช่วยประคับประคองและยืดระยะเวลาให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีและได้รับผลกระทบจากภาวะสมองเสื่อมน้อยลง

ภาวะสมองเสื่อมนอกจากเป็นปัญหากับผู้ป่วยโดยตรงแล้วยังส่งผลกระทบอย่างมากต่อครอบครัว

คนรอบข้างและสังคม ผู้ดูแลจึงควรตระหนักในเรื่องดังต่อไปนี้

1. ต้องทำความเข้าใจและยอมรับกับภาวะสมองเสื่อมของผู้ป่วย

เนื่องจากผู้ป่วยจะมีปัญหาเรื่องความจำ และการใช้ความคิดด้านต่าง ๆ ตลอดจนการสูญเสียความสามารถในการแก้ไขปัญหาหรือการควบคุมตนเองของ จนทำให้มีการเปลี่ยนแปลงด้านบุคลิกภาพ-พฤติกรรม จนไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองในการดำเนินชีวิตประจำวันได้ และที่สำคัญต้องเข้าใจว่าอาการเหล่านั้นเกิดขึ้นสืบเนื่องจากโรคที่ผู้ป่วยเป็นไม่ใช่ผู้ป่วยแกล้งทำ

2. ให้ความรัก ดูแลด้วยความรักและความเข้าใจ

ผู้ดูแลสามารถช่วยเหลือด้านจิตใจของผู้ป่วยได้โดยการให้กำลังใจ   รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือในการทำกิจวัตรประจำวันต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหาร การขับถ่ายอย่างถูกสุขอนามัย การอาบน้ำ  สวมใส่เสื้อผ้า รวมไปถึงการดูแลผู้ป่วยเมื่อจำเป็นต้องออกนอกบ้านเพื่อไม่ให้เกิดการพลัดหลงกัน

3. รู้ขีดจำกัดของตนเอง

นอกจากการดูแลผู้ป่วยแล้วตัวผู้ดูแลเองก็ควรจะดูแลร่างกายและจิตใจของตนเองด้วย  ควรรู้ขีดความอดทน สภาพทางอารมณ์ของตัวเอง  เนื่องจากการดูแลผู้ป่วยภาวะสมองเสื่อมตลอดเวลาอาจก่อให้เกิดความเครียดหรือปัญหาทางด้านอารมณ์  บางครั้งผู้ดูแลอาจรู้สึกผิด ไม่มั่นใจในสิ่งที่ตนเองทำว่าถูกต้องหรือไม่ หากรู้สึกเหนื่อยก็ควรหยุดพักให้ผู้อื่นมาดูแลแทน เมื่อสภาพร่างกายและจิตใจพร้อมแล้วก็ค่อยกลับมาทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลใหม่


14 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
2016 Alzheimer's disease facts and figures. (2016) (https://www.alz.org/documents_custom/2016-facts-and-figures.pdf)
Roy, D. S., Arons, A., Mitchell, T. I., Pignatelli, M., Ryan T. J., & Tonegawa, S. (2016, March 24) Memory retrieval by activating engram cells in mouse models of early Alzheimer's disease [Abstract]. Nature 531, 508–512 (https://www.nature.com/articles/nature17172)

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

บทความต่อไป