ภาวะดีซ่าน (Jaundice)

ดีซ่าน เป็นชื่อของภาวะตัวเหลืองตาเหลือง ซึ่งเป็นอาการแสดงของโรคที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของตับ ในรายที่มีอาการรุนแรง อาจต้องรักษาโดยการถ่ายเลือด
เผยแพร่ครั้งแรก 29 พ.ค. 2019 อัปเดตล่าสุด 5 ส.ค. 2020 เวลาอ่านประมาณ 4 นาที
ภาวะดีซ่าน (Jaundice)

ดีซ่าน หมายถึง อาการที่ผิวหนังและดวงตามีสีเหลืองที่เกิดขึ้นเมื่อมีสารบิลิรูบินมากเกินไปในระบบร่างกาย ซึ่งเกิดจากการสลายของเซลล์เม็ดเลือดแดงที่หมดอายุขัยภายในตับ ภาวะนี้ไม่ใช่โรค แต่เป็นอาการแสดงของโรคซึ่งมีอยู่มากมาย การเกิดภาวะดีซ่านอาจบ่งบอกถึงปัญหาร้ายแรงของการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดแดง การทำงานของตับ ภาวะของถุงน้ำดีหรือตับอ่อน

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง

อาการของภาวะดีซ่าน

ลักษณะเฉพาะของภาวะดีซ่าน คือ ผิวหนังมีสีเหลือง และตาขาวมีสีเหลืองชัดเจน ในกรณีที่รุนแรงมากขึ้น ตาขาวอาจเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลหรือสีส้ม หากมีความผิดปกติของโรคอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ ก็อาจพบความเมื่อยล้าอย่างรุนแรง และอาเจียนหนัก

การมีผิวสีเหลืองอาจทำให้หลายคนเข้าใจผิดว่าตัวเองมีภาวะดีซ่าน แต่ความจริงแล้วอาจเป็นแค่การมีสารเบต้าแคโรทีนมากเกินไป การเกิดภาวะนี้ได้ จะต้องมีตาขาวสีเหลืองด้วย

สาเหตุของภาวะดีซ่าน

ตามปกติแล้ว เซลล์เม็ดเลือดแดงที่หมดอายุขัยจะถูกทำลายที่ตับ และจะเกิดสารบิลิรูบินที่เป็นสารสีเหลืองขึ้น หากตับไม่สามารถทำลายสารนี้ได้ ก็จะทำให้เกิดภาวะดีซ่านขึ้น บางครั้งก็อาจเกิดจากสารบิลิรูบินไม่ถูกลำเลียงไปยังระบบย่อยอาหารได้ตามปกติ จึงถูกขับออกทางอุจจาระแทน ทำให้อุจจาระมีสีที่ผิดปกติไป และในบางกรณีอาจเกิดการการที่เซลล์เม็ดเลือดแดงหมดอายุขัยพร้อมกันมากเกินไป

ภาวะดีซ่าน อาจเป็นอาการหนึ่งที่เกิดจากโรคต่อไปนี้

  • โรคตับจากแอลกอฮอล์ (Alcoholic Liver Disease) : โรคนี้ทำให้เกิดการอักเสบของตับ สาเหตุมาจากการดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณมากเป็นระยะเวลานาน อาการจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปริมาณของความเสียหายของตับ
  • โรคมะเร็งตับอ่อน (Pancreatic Cancer) : เกิดขึ้นเมื่อเซลล์ของตับอ่อนซึ่งเป็นอวัยวะต่อมไร้ท่อที่สำคัญในบริเวณด้านหลังกระเพาะอาหาร แบ่งตัวเป็นเซลล์มะเร็งและเจริญเติบโตโดยไร้การควบคุม
  • โรคธาลัสซีเมีย (Thalassemia) : เป็นโรคเลือดถ่ายทอดทางพันธุกรรมซึ่งทำให้ร่างกายสร้างฮีโมโกลบินในรูปแบบที่ผิดปกติ ความผิดปกติดังกล่าวส่งผลให้เกิดการทำลายเซลล์เม็ดเลือดแดงมากเกินซึ่งนำไปสู่ภาวะโลหิตจางตามมา
  • นิ่วในถุงน้ำดี (Gallstones) : นิ่วก่อตัวขึ้นเมื่อมีน้ำดี สารบิลิรูบินหรือสารคอเลสเตอรอลภายในของเหลวในถุงน้ำดีนั้นมีระดับสูงมากเกินไป
  • โรคตับอักเสบชนิดเอ (Hepatitis A) : การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบเอทำให้เกิดการอักเสบในตับ
  • โรคตับอักเสบชนิดบี (Hepatitis B) : การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีทำให้เกิดการอักเสบในตับ
  • โรคตับอักเสบชนิดซี (Hepatitis C) : การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีทำให้เกิดการอักเสบในตับ
  • โรคตับอักเสบชนิดดี (Hepatitis D) : การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี และไวรัสตับอักเสบดี ทำให้เกิดการอักเสบในตับ
  • โรคตับอักเสบชนิดอี (Hepatitis E) : การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบอีทำให้เกิดการอักเสบในตับ
  • โรคขาดเอนไซม์ G6PD : เป็นความผิดปกติทางพันธุกรรมส่งผลให้เอนไซม์ G6PD ดังกล่าวในเลือดมีไม่เพียงพอ ทำให้เซลล์เม็ดเลือดแดงแตกตัวและถูกทำลายก่อนเวลาอันควร นำไปสู่ภาวะโลหิตจางชนิดเม็ดเลือดแดงแตก (Hemolytic Anemia)
  • การอุดตันของท่อน้ำดี (Bile Duct Obstruction) : ส่วนใหญ่เกิดจากโรคนิ่วในถุงน้ำดี แต่อาจเกิดจากการบาดเจ็บที่ตับหรือถุงน้ำดี การอักเสบ เนื้องอก การติดเชื้อ ซีสต์หรือความเสียหายของตับก็ได้ ภาวะนี้จัดเป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ จำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน
  • โรคโลหิตจางชนิดเซลล์เม็ดแดงรูปเคียว (Sickle Cell Anemia) : เป็นโรคทางพันธุกรรมที่ทำให้เม็ดเลือดแดงมีลักษณะคล้ายเคียว หรือพระจันทร์เสี้ยว มีแนวโน้มที่จะอุดตันตามเส้นเลือดเล็กๆ จึงขัดขวางการลำเลียงออกซิเจนไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย เซลล์เม็ดเลือดแดงชนิดนี้จะถูกทำลายเร็วกว่าเซลล์เม็ดเลือดแดงที่มีรูปร่างปกติ
  • โรคมะเร็งตับ (Liver Cancer) : เกิดขึ้นเมื่อเซลล์ของตับแบ่งตัวกลายเป็นมะเร็งและเริ่มควบคุมไม่ได้
  • ภาวะตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน (Acute Pancreatitis) : มักเกิดจากโรคนิ่วในถุงน้ำดี หรือการติดสุราเรื้อรัง ภาวะนี้ถือเป็นเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์ จำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างเร่งด่วน
  • ปฏิกิริยาไม่เข้ากันของเลือดกรุ๊ป ABO : เกิดขึ้นได้ภายหลังจากการถ่ายเลือด แล้วปรากฎว่าเลือดเกิดปฏิกิริยาไม่เข้ากัน ภาวะนี้ถือเป็นเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์ จำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างเร่งด่วน
  • โรคโลหิตจางชนิดเม็ดเลือดแดงแตกจากการแพ้ภูมิตัวเอง (Idiopathic Autoimmune Hemolytic Anemia) : เกิดขึ้นเมื่อร่างกายเริ่มทำลายเซลล์เม็ดเลือดแดงในอัตราเร็วกว่าการผลิต ภาวะนี้จัดเป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ จำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน
  • โรคไวล์ (Weil’s Disease) : เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียกลุ่มเลปโตสไปโรซีสและส่งผลกระทบต่อไต ตับ ปอด หรือสมอง
  • อาการไม่พึงประสงค์จากการได้รับยาเกินขนาด เช่น ยาพาราเซตามอล

ภาวะดีซ่านยังเกิดขึ้นบ่อยในทารกแรกเกิด (New born jaundice) โดยเฉพาะในทารกที่เกิดก่อนกำหนด เพราะตับยังพัฒนาได้ไม่เต็มที่ ภาวะนี้เป็นที่รู้จักกันในชื่อ ภาวะดีซ่านจากนมแม่ (Breast milk jaundice) โดยทั่วไปแล้วไม่มีอันตรายใดๆ และจะหายไปได้เองในเวลาไม่นาน

การวินิจฉัยภาวะดีซ่าน

แพทย์จะตรวจเลือดก่อนเพื่อหาสาเหตุของภาวะดีซ่าน และอาจตรวจเพิ่มเติมอื่นๆ เพราะการตรวจเลือดอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะตรวจระดับสารบิลลิรูบินทั้งหมดในร่างกาย แต่สามารถตรวจสอบตัวชี้วัดของโรคอื่นๆ ได้ เช่น เชื้อไวรัสตับอักเสบ

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง

การตรวจเพิ่มเติมอื่นๆ ได้แก่

  • การตรวจวัดการทำงานของตับ (Liver Function Tests) : เป็นชุดการตรวจเลือดที่วัดระดับของโปรตีนและเอนไซม์บางชนิดที่ตับสร้างขึ้นเมื่อตับมีสุขภาพดีทำงานได้เต็มที่ รวมถึงสารหรือเอนไซม์ที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อเกิดความผิดปกติขึ้นที่ตับ
  • การตรวจนับเซลล์เม็ดเลือด (CBC) : เพื่อตรวจสอบว่าเป็นโรคโลหิตจางชนิดเม็ดเลือดแดงแตกหรือไม่
  • การถ่ายภาพรังสี : การทำอัลตราซาวด์ช่องท้องโดยใช้คลื่นเสียงความถี่สูงเพื่อสร้างภาพอวัยวะภายใน หรือการทำเอกซเรย์คอมพิวเตอร์
  • การตัดตรวจชิ้นเนื้อจากตับ : มีการผ่าตัดเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อจากตับเพื่อนำมาทดสอบและตรวจดูด้วยกล้องจุลทรรศน์

ส่วนความรุนแรงของอาการดีซ่านในทารกแรกเกิด จะได้รับการประเมินโดยการตรวจร่างกายร่วมกับการตรวจเลือดด้วยการจิ้มนิ้วเท้าของทารก

การรักษาภาวะดีซ่าน

การรักษาภาวะดีซ่าน มักจะขึ้นอยู่กับสาเหตุที่เกิดขึ้น หากสามารถรักษาสาเหตุของโรคให้ทุเลาลง อาการตัวเหลืองตาเหลืองก็จะค่อยๆ หายไปด้วย แต่ถ้ามีอาการดีซ่านที่รุนแรงมาก ก็อาจต้องมีการถ่ายเลือดเพื่อกำจัดสารบิลิรูบินออกไป

ส่วนการรักษาอาการนี้ในเด็กทารก หากพบว่าเด็กเป็นดีซ่านระดับปานกลาง จะได้รับการรักษาด้วยการเข้าตู้ส่องไฟ (Phototherapy) ในโรงพยาบาลหรือที่บ้าน เพื่อช่วยกำจัดสารบิลิรูบินส่วนเกิน ซึ่งอาจจะพบว่าเด็กถ่ายบ่อยขึ้น และมีอุจจาระเป็นสีเขียว เพราะมีการกำจัดสารนี้ออกจากร่างกาย

ที่มาของข้อมูล

Kristeen Moore, What’s causing my yellow skin? (https://www.healthline.com/health/jaundice-yellow-skin), July 18, 2016.


22 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
Jaundice: Causes, symptoms, and treatments. Medical News Today. (https://www.medicalnewstoday.com/articles/165749)
Does My Baby Have Jaundice? What Are the Treatments?. WebMD. (https://www.webmd.com/parenting/baby/digestive-diseases-jaundice#1)

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

บทความต่อไป