ภาวะแท้งบุตร ถือเป็นส่วนหนึ่งของวงจรการมีลูกทั่วไปที่เกิดขึ้นกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิด รวมถึงมนุษย์ การทำความเข้าใจเกี่ยวกับภาวะแท้งบุตรว่าคืออะไร และเกิดขึ้นได้บ่อยแค่ไหน จะช่วยลดความวิตกกังวลที่อาจเกิดขึ้นได้ เนื่องจากผู้หญิงบางคนที่เคยแท้งบุตร มักจะมีประสบการณ์ที่เลวร้ายจนยากที่จะรับมือ ซึ่งหลายคนก็รู้สึกผิดกับเรื่องนี้ไปตลอดชีวิต ทั้งที่เป็นภาวะที่เกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติ
การแท้งบุตรเกิดขึ้นได้บ่อยเพียงไหน?
การแท้งบุตรทางการแพทย์ หมายถึง การยุติการตั้งครรภ์ในช่วง 20 สัปดาห์แรก แต่ส่วนมากจะเกิดภายในช่วง 8 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ ภาวะนี้สามารถเกิดขึ้นได้บ่อยถึง 1 ใน 5 ของผู้หญิงที่มีการยืนยันการตั้งครรภ์โดยแพทย์แล้ว และเกิดขึ้นได้มากถึง 1 ใน 3 สำหรับผู้หญิงที่ตั้งครรภ์โดยไม่รู้ตัว
ฝากครรภ์ คลอดบุตรวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 79 บาท ลดสูงสุด 65%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
หลังจากการมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกัน เมื่ออสุจิเข้าไปถึงไข่ที่ท่อนำไข่ (Fallopian Tube) กระบวนการปฏิสนธิจะเริ่มต้นขึ้น เมื่อไข่ที่ปฏิสนธิแล้วค่อยๆ เติบโตขึ้นและฝังตัวภายในมดลูก แต่กรณีส่วนมากของการแท้งบุตร มักเกิดจากเอ็มบริโอไม่สามารถฝังตัวได้ หรือเกิดความผิดปกติของโครโมโซม (Chromosomal Abnormalities)
หลังจากนั้นร่างกายก็จะเกิดกระบวนการเพื่อกำจัดความผิดปกติที่เกิดขึ้น โดยเนื้อเยื่อภายในมดลูกพร้อมกับเนื้อเยื่อใหม่ ๆ จะลอกออกจากช่องคลอด ซึ่งจะออกมาในรูปของเลือดที่ไหลออกมาทางช่องคลอด ผู้หญิงบางคนที่มีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกัน และมีรอบเดือนไม่สม่ำเสมอ อาจจะเกิดจากการแท้งบุตรก็เป็นได้ ซึ่งหลายคนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นประจำเดือนที่มาไม่ปกติ และส่วนมากก็มักจะไม่รู้ตัวว่าตัวเองตั้งครรภ์อยู่
อย่างไรก็ตาม ภาวะแท้งบุตรสามารถเกิดจากภาวะทางการแพทย์ของผู้หญิงมีครรภ์ได้ ซึ่งอาจเกิดจากภาวะดังต่อไปนี้
- กลุ่มอาการถุงน้ำรังไข่หลายใบ (Polycystic Ovary Syndrome)
- ความผิดปกติของไทรอยด์หรือปัญหาด้านกายภาพภายในรังไข่
- ความผิดปกติจากเนื้องอกกล้ามเนื้อมดลูก (Uterine Fibroids)
- ภาวะเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis)
- การติดเชื้อต่างๆ เช่น เชื้อจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
ทำอย่างไรเมื่อรู้ตัวว่าแท้งบุตร
ผู้ที่มีการแท้งบุตร ควรไปพบแพทย์เพื่อป้องกันความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนต่างๆ เพราะถ้าหากการแท้งครั้งนั้นไม่ได้สิ้นสุดลงด้วยตัวเอง ก็จำเป็นจะต้องใช้วิธีทางการแพทย์ช่วยเหลือ เช่น การดูดเอาสิ่งที่อยู่ในมดลูกออก หรือการทานยาเพื่อช่วยให้ตัวอ่อนหลุดลอกออกเร็วขึ้น เป็นต้น
การตั้งครรภ์ใหม่หลังเกิดภาวะแท้งบุตร
ร่างกายจะใช้เวลาในการหยุดเลือดและรักษาเนื้อเยื่อมดลูกที่เสียหายจากการแท้งบุตร ด้วยเวลาที่ต่างกันออกไปของแต่ละบุคคล ตั้งแต่ภายในไม่กี่ชั่วโมงไปจนถึงหลายสัปดาห์ ส่วนมากแล้ว หากการแท้งบุตรเกิดขึ้นภายในช่วงที่มีอายุครรภ์เพียง 8 สัปดาห์ ร่างกายจะใช้เวลาประมาณ 4-6 สัปดาห์ จึงจะกลับมามีประจำเดือนตามปกติอีกครั้ง
เมื่อประจำเดือนมาตามปกติ ก็สามารถตั้งครรภ์ใหม่ได้ทันที แต่แพทย์มักจะแนะนำให้หยุดพักการมีเพศสัมพันธ์ไว้อย่างน้อย 1 เดือนเพื่อป้องกันการติดเชื้อต่างๆ หรือภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
สภาพจิตใจของผู้ที่ประสบกับภาวะแท้งบุตร
มากกว่า 50% ของผู้ที่ประสบกับการแท้งบุตร จะมีอาการต่าง ๆ ที่มาจากอารมณ์ความรู้สึกเป็นเวลานานหลายสัปดาห์ เช่น ความวิตกกังวล หรือความโศกเศร้า แต่สำหรับผู้ที่ไม่ประสงค์จะมีบุตรแต่แรกก็อาจจะมีความรู้สึกโล่งอกแทน
ที่มาของข้อมูล
Anna Druet, Miscarriage: It’s more common than you think (https://helloclue.com/articles/life-stages/miscarriage-its-more-common-than-you-think), 1 กรกฎาคม 2016.