น้ำมันดอกทานตะวันถือเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยจากธรรมชาติที่บำรุงผิวได้อย่างดีเยี่ยม ด้วยความที่น้ำมันดอกทานตะวันมีโอเมก้า 6 กรดไลโนเลอิก และวิตามินอี ทำให้มันกลายเป็นน้ำมันที่ดีต่อผิวพรรณ และมักถูกนำมาใช้เป็นน้ำมันสำหรับนวด หรือน้ำมันตัวพาสำหรับน้ำมันหอมระเหย อย่างไรก็ตาม เราลองมาดูกันดีกว่าว่าน้ำมันชนิดนี้ช่วยบำรุงผิวได้อย่างไรบ้าง
1.ทำให้ผิวชุ่มชื้น
คุณกำลังกลุ้มใจกับผิวที่ทั้งแห้งและหยาบหรือไม่? น้ำมันดอกทานตะวันสามารถช่วยคุณได้ค่ะ เพราะมันมีสารที่จะไปช่วยเคลือบผิวให้นุ่มและชุ่มชื้น ซึ่งมีงานวิจัยชิ้นหนึ่งได้เปรียบเทียบผลลัพธ์ที่ได้จากการทาน้ำมันดอกทานตะวันและน้ำมันมะกอกที่ผิวเป็นเวลา 4 สัปดาห์ พวกเขาพบว่าน้ำมันดอกทานตะวันรักษาความสมบูรณ์ของผิวชั้นนอกและทำให้ผิวชุ่มชื้นขึ้น ในขณะที่น้ำมันมะกอกจะทำให้ความสมบูรณ์ของผิวลดลงและทำให้ผิวแดงเล็กน้อย ถ้าอยากให้ได้ผลดีขึ้น ให้คุณทาน้ำมันดอกทานตะวันในขณะที่ผิวยังชื้นค่ะ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
2.ปรับปรุงการทำงานของเกราะป้องกันผิว
น้ำมันดอกทานตะวันช่วยเพิ่มพลังปกป้องผิวให้คุณ ทั้งนี้ผิวมีหน้าที่เป็นเกราะป้องกันไม่ให้เชื้อโรครุกล้ำเข้ามาในร่างกาย ซึ่งน้ำมันดอกทานตะวันสามารถช่วยให้เกราะที่ว่านี้ทำงานดีขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งได้ลองสังเกตผลของการทาน้ำมันดอกทานตะวันที่ผิวของทารกที่คลอดก่อนกำหนด โดยพบว่าการใช้น้ำมันดอกทานตะวันสามารถช่วยลดการติดเชื้อ และนั่นก็จะทำให้อัตราการเสียชีวิตลดลงประมาณ 26%
3.มีฤทธิ์ต้านชรา
การสัมผัสกับแสงแดดมีส่วนสำคัญที่ทำให้สภาพผิวของเราเปลี่ยนไป แต่การทาวิตามินอีซึ่งพบได้ในน้ำมันดอกทานตะวัน สามารถช่วยปกป้องผิวของคุณจากความเสียหายที่เกิดจากแสงแดด อีกทั้งยังทำให้ผิวเนียนมากขึ้น รักษาความชุ่มชื้นให้ผิว และเร่งการเติบโตของผิวใหม่ ดังนั้นถ้าอยากมีผิวเด็กลง การใช้น้ำมันดอกทานตะวันสามารถช่วยคุณได้ค่ะ
4.อาจช่วยรักษาสิว
น้ำมันดอกทานตะวันสามารถช่วยกำจัดสิวได้ค่ะ การมีระดับของกรดไลโนเลอิกต่ำอาจทำให้เกิดภาวะที่เรียกว่า Hyperkeratinization ซึ่งการเพิ่มขึ้นของเคราตินจะทำให้เซลล์ผิวที่ตายแล้วเกาะตัวกันแทนที่จะลอกออก ทำให้รูขุมขนอุดตัน และทำให้เกิดสิวได้ในที่สุด อย่างไรก็ดี มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่า ไลโนเลอิกช่วยลดขนาดของสิวที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าเกือบ 25% ในหนึ่งเดือน ทำให้สิวหัวขาวและสิวหัวดำไม่มากวนใจ
5.อาจช่วยให้ผิวกระจ่างใส
มีงานวิจัยพบว่า กรดไลโนเลอิกสามารถลดจุดด่างดำที่เกิดจากรังสียูวีได้ เพราะมันจะไปยับยั้งการผลิตเมลานิน ซึ่งเป็นรงควัตถุที่ทำให้ผิวมีสี รวมถึงอาจช่วยเพิ่มการกำจัดเมลานินออกจากผิวชั้นนอก ดังนั้นถ้าอยากให้ผิวหายแทน การทาน้ำมันดอกทานตะวันก็อาจช่วยคุณได้ค่ะ
6.ช่วยรักษาโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง
โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังทำให้ผิวของเราแดงและคัน และมักรักษาโดยใช้สารอีมอลเลียนท์ อย่างไรก็ดี มีงานวิจัยพบว่า การใช้ครีมที่มีส่วนผสมของน้ำมันดอกทานตะวันพร้อมกับยาสเตียรอยด์ที่ใช้ทาภายนอก สามารถช่วยบรรเทาอาการของโรคได้ ซึ่งครีมดังกล่าวช่วยลดความหนากระด้างของผิว บรรเทาอาการคัน และทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณจะใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำมันดอกทานตะวันเป็นหลัก หรือใช้น้ำมันดอกทานตะวันแบบทั่วไปพร้อมกับรักษาด้วยวิธีอื่นๆ คุณก็ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังก่อนค่ะ
7.อาจช่วยรักษาโรคน้ำกัดเท้า
Ozonized sunflower oil คือ น้ำมันดอกทานตะวันที่มีการเติมโอโซนลงไป และมันมีสารฆ่าเชื้อโรคที่ช่วยรักษาโรคน้ำกัดเท้า ทั้งนี้มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่า เมื่อทาน้ำมันดอกทานตะวันชนิดดังกล่าวที่ผิววันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 6 สัปดาห์ ผู้เข้าร่วมทดลองกว่า 75% หายขาดจากการติดเชื้อราที่ผิว ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากผ่านพ้นไป 6 เดือน ยังพบด้วยว่าผู้เข้าร่วมทดลองไม่มีการติดเชื้อซ้ำ
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว คุณจะเห็นได้ว่าน้ำมันดอกทานตะวันมีประโยชน์ต่อผิวหลายประการ ไล่ตั้งแต่ช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้นไปจนถึงช่วยรักษาโรคที่เกี่ยวกับผิวหนัง ดังนั้นถ้าคุณอยากให้ผิวมีสุขภาพดีแต่มีงบน้อย น้ำมันดอกทานตะวันก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกดีๆ ที่เราอยากให้คุณเก็บไว้พิจารณาค่ะ