ในปัจจุบันมีหลายครอบครัวที่เลือกที่ลองรับการรักษานอกเหนือจากในโรงพยาบาล โดยส่วนใหญ่แล้วมักจะไม่มีปัญหาอะไร แต่ก็มีหลายครั้งที่เกิดปัญหา
การแพทย์เสริมและการแพทย์ทางเลือกนั้นเป็นคำกว้าง ๆ ที่หมายถึงวิธีการรักษาที่ไม่ได้อยู่ในการรักษาตามแบบแพทย์แผนปัจจุบัน เช่น การรักษาโดยการใช้สมุนไพร การใช้อาหารเสริมหรือเปลี่ยนวิธีการรับประทานอาหาร, การฝังเข็ม, การกดจุด, การทำสมาธิ, การแพทย์แผนจีน, Reiki หรือการสะกดจิต นอกจากนั้นยังครอบคลุมไปถึงโยคะและการนั่งสมาธิอีกด้วย
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
วิธีการรักษาเหล่านี้ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมากในปัจจุบัน โดยเฉพาะในเด็กที่มีอาการป่วยเรื้อรัง แต่ก่อนที่พ่อแม่จะตัดสินใจเลือกรับการรักษาทางเลือก พ่อแม่ควรจะรู้ข้อมูลต่อไปนี้ก่อน
1. มีการรักษาหลายอย่างที่เป็นประโยชน์
การแพทย์แผนปัจจุบันนั้นไม่ได้รักษาหรือเข้าใจทุกโรค มีการรักษาหลายวิธี เช่น การฝังเข็มที่มีการปฏิบัติมานานหลายพันปี และเมื่อมีการศึกษาเกี่ยวกับวิธีเหล่านี้เพิ่มขึ้น เราก็มักจะพบว่ามันสามารถเป็นประโยชน์ต่อการรักษาได้ เช่น การฝังเข็มนั้นเป็นวิธีที่มีประโยชน์อย่างมากในผู้ป่วยที่มีอาการปวดเรื้อรัง การรับประทานจุลินทรีย์โพรไบโอติกนั้นช่วยรักษาอาการท้องเสีย และกรด docosahexaenoic acid (DHA) ที่พบในน้ำมันปลาช่วยในการพัฒนาสมองของทารกและอาจจะช่วยเด็กที่มีปัญหาเกี่ยวกับสมาธิได้เช่นกัน โยคะสามารถช่วยเด็กที่มีปัญหาด้านสมาธิ เป็นโรคหอบหืด หรือมีอาการลำไส้แปรปรวน วิธีการรักษาเหล่านี้ทำให้ความรู้ทางการแพทย์ขยายออกไปกว้างขึ้นและมีแพทย์หลายคนที่แนะนำวิธีการรักษาดังกล่าว แต่ว่ามันก็ยังมีปัญหา
2. วิธีการรักษาเหล่านี้ส่วนใหญ่มีระบบการควบคุมที่ไม่ดี
ก่อนที่จะสามารถวางขายยาชนิดหนึ่งได้นั้น จะต้องทดสอบหลายขั้นตอน แต่หากเป็นยาสมุนไพรหรือการรักษาทางเลือกอาจจะไม่ต้อง เนื่องจากถูกจัดอยู่ในกลุ่มอาหารมากกว่ายา ทำให้ไม่จำเป็นต้องได้รับการทดสอบหรือควบคุมอย่างใกล้ชิดแต่อย่างใด และบริษัทก็ไม่ต้องแสดงหลักฐานที่สนับสนุนผลของผลิตภัณฑ์ตามที่อ้างไว้อีกด้วย หากคุณซื้อยาสมุนไพรหรืออาหารเสริม คุณจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าในผลิตภัณฑ์เหล่านั้นมีส่วนประกอบอะไรบ้าง (พบว่ามีหลายผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารที่เป็นอันตราย เช่น ปรอทหรือสารหนู) และไม่มีทางรู้ว่ามันจะออกฤทธิ์ได้ตามที่บริษัทกล่าวอ้างไว้หรือไม่
นอกจากนั้นหากมองในแง่ของผู้ที่ทำการรักษา ในการแพทย์แผนปัจจุบัน แพทย์และพยาบาลจะต้องผ่านการเรียนหลักสูตรที่ได้มาตรฐาน, ผ่านการสอบระดับชาติ และต้องมีการศึกษาต่อเนื่อง แต่ผู้ที่ให้การรักษาทางเลือกนั้นไม่เหมือนกัน แม้ว่าจะมีวุฒิบัตรในบางสาขาแต่ก็ยังพบว่าไม่มีวิธีใดที่สามารถรับประกันคุณภาพของผู้ให้บริการได้
การแพทย์แผนตะวันตกยังมักจะส่งเสริมเรื่องการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้แน่ใจว่าวิธีการรักษาที่ใช้นั้นได้ผล ปลอดภัย และมีโครงสร้างที่สนับสนุนหลักการดังกล่าว แม้ว่าในปัจจุบันจะมีการศึกษาเกี่ยวกับแพทย์ทางเลือกเพิ่มมากขึ้น แต่ก็ยังไม่เหมือนกับการแพทย์แผนตะวันตก ไม่ได้หมายความว่าผู้ที่ให้การรักษาทางเลือกนั้นเป็นคนไม่ดี แต่ว่ามันก็ทำให้ทราบได้ยากขึ้นว่าผู้ที่ให้การรักษานั้นได้รับการอบรมและพัฒนาทักษะที่ถูกต้องหรือไม่ และการรักษานั้นปลอดภัยหรือไม่
3. พ่อแม่จึงต้องทำการบ้านและศึกษาข้อมูลมาก่อน รวมถึงพูดคุยกับแพทย์เจ้าของไข้ก่อนเลือกรับการรักษาทางเลือก
ก่อนที่คุณจะรับการรักษาใด ๆ ก็ตาม คุณควรทำความเข้าใจกับมันก่อน นอกจากนั้นการพูดคุยกับแพทย์เจ้าของไข้หรือแพทย์ประจำตัวก็เป็นเรื่องที่สำคัญ เพื่อให้มั่นใจว่าวิธีการรักษาของคุณนั้นจะไม่ได้ส่งผลขัดขวางการรักษาอย่างอื่นที่กำลังทำอยู่ เช่น สมุนไพรบางชนิดที่มักใช้รักษาโรคซึมเศร้านั้นอาจจะส่งผลหรือขัดขวางต่อยาหลายตัวได้ ดังนั้นควรปรึกษาแพทย์ก่อนว่าวิธีดังกล่าวนั้นปลอดภัยหรือไม่สำหรับอาการเจ็บป่วยในปัจจุบัน
ยิ่งไปกว่านั้น การปรึกษาแพทย์ยังจะทำให้แพทย์ทราบถึงความกังวลที่คุณมีและเหตุผลที่คุณเลือกใช้การรักษาวิธีนี้ หากคุณกังวลเรื่องการเจริญเติบโตหรือความอยากอาหาร การปรึกษาแพทย์จะทำให้แพทย์ตรวจก่อนว่าอาการดังกล่าวนั้นเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ ที่รุนแรงหรือไม่ก่อนที่คุณจะเริ่มรับประทานอาหารเสริม ถึงแม้ว่าแพทย์จะไม่ได้รู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับวิธีการรักษาที่ไม่ใช่ยา แต่แพทย์ก็ใส่ใจกับสุขภาพของลูกคุณและอยากจะทำงานร่วมกับคุณเพื่อหาวิธีที่ดีที่สุดในการทำให้ลูกของคุณมีสุขภาพแข็งแรงและมีความสุข