บางครั้งการจะรู้ว่าตัวคุณกำลังตั้งท้องหรือไม่นั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่สำหรับหลาย ๆ คนก็มีวิธีสังเกตที่หลากหลาย ซึ่งหลาย ๆ อาการก็แสดงออกมาคล้ายกับว่าคุณกำลังตั้งครรภ์ เช่น ประจำเดือนไม่มา เป็นต้น อย่างไรก็ตาม อาการที่เกิดกับหญิงสาวเหล่านี้ เป็นได้ทั้งกับการตั้งครรภ์หรือการมีประจำเดือน ฉะนั้น เรามาลองดูอาการแล้วเปรียบเทียบกันดูดีกว่าว่า สรุปแล้ว เราตั้งครรภ์หรือว่าประจำเดือนมากันแน่
10 สัญญาณ อาการคนท้อง
1. หน้าอกคัดและรู้สึกเจ็บ: ความเจ็บปวด อาการกดเจ็บที่หน้าอก มักพบบ่อยในหญิงตั้งครรภ์ ขนาดของมันนั้นก็เป็นสิ่งที่ต้องสังเกตและขาดไม่ได้เชียวล่ะ คนที่ตั้งครรภ์ หัวนมจะรู้สึกไวต่อความรู้สึกมากกว่า (บางรายก็เจ็บไปทั้งเต้า ซึ่งแตกต่างจากการเป็นประจำเดือน) อาการจะชัดมาก ๆ ในช่วง 5-6 สัปดาห์ของการตั้งครรภ์
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
2. ปัสสาวะบ่อย: คุณเข้าห้องน้ำบ่อยหรือเปล่า? เพราะการปัสสาวะบ่อยกว่าปกตินั้น ถือเป็นอีกหนึ่งในอาการของคนตั้งท้องนั่นเอง
3. เหนื่อยล้าและอ่อนเพลีย: ความเครียด ความเหนื่อยล้า และความอ่อนเพลีย เป็นอาการเบื้องต้นของคนท้อง ในผู้หญิงบางราย หากรู้สึกง่วง เขาจะหาเวลางีบหลับ แต่ในบางครั้ง หากทำเช่นนั้นบ่อย ๆ เข้าอาจทำให้มีอาการนอนไม่หลับตามมาก็เป็นได้ แต่ถึงกระนั้นก็เถอะ การงีบหลับระหว่างวันจะช่วยลดอาการเหนื่อยล้าลงได้
4. สิว: การเกิดสิว เป็นอาการของคนท้องจริงหรือ? หรือคุณเจ็บสิวในแบบเดียวกับที่เคยเป็นสมัยวัยรุ่น? สภาพผิวของร่างกายก็เป็นอีกหนึ่งอาการที่บ่งบอกว่าคุณกำลังจะมีน้อง ดังนั้น คุณควรระมัดระวังการทานยาด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งยาลดสิว เช่น ยารักษาสิวแอคคิวเทน และยาอื่น ๆ ที่มีวิตามินแป็นส่วนประกอบ เนื่องจากยาเหล่านี้อาจทำให้ลูกน้อยมีโรคที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดได้
5. หิวกระหายอาหารางอย่างมาก ๆ: ไม่ว่าจะเป็นของเปรี้ยว ของดอง หรือไอศกรีม หรือจะเป็นอาหารแปลก ๆ คุณคงจะเคยได้ยินบ่อย ๆ ยามที่คนท้องใกล้ตัวมักถามถึง ความจริงแล้ว ภาวะดังกล่าวนี้มีทั้งคนที่อยากอาหารและไม่อยากอาหาร ซึ่งส่วนมากแล้วเกิดจาก “กลิ่น” ของอาหาร ผู้หญิงบางคนไม่คิดว่าการเลี่ยงไม่ทานอาหารบางอย่างเป็นสัญญาณเตือนว่าตนกำลังท้อง เพราะพวกเขาอาจเข้าใจไปว่า พวกเขาแค่ต้องการหลีกเลี่ยงอาหารที่ทำลายสุขภาพก็เท่านั้นเอง แต่หารู้ไม่ว่า นั่นก็อาจเป็นหนึ่งในอาการการตั้งครรภ์ได้เหมือนกัน
6. คลื่นไส้และแพ้ท้อง: คุณรู้สึกคลื่นไส้ใช่หรือไม่? บางครั้งอาการดังกล่าวอาจเกิดขึ้นในยามเช้าตรู่ หรือไม่ก็ระหว่างวัน ซึ่งนี่เองอาจเป็นอาการของคนท้อง รวมถึงอาการเหล่านี้ก็เป็นอาการที่บ่งบอกว่าตัวคุณกำลังป่วย และหากคุณรู้สึกคลื่นไส้หรืออยากอาเจียนเป็นเวลาหลายวัน อาการเหล่านี้จะไม่หายไปง่าย ๆ
7. อาการปวดท้องเฉพาะที่: บางคนคิดว่า การปวดท้องเฉพาะที่นั้นไม่ได้เป็นสัญญาณเตือนของการตั้งครรภ์ เพราะส่วนมากแล้ว อาการปวดท้องเฉพาะที่ก็นับเป็นอาการของคนมีประจำเดือน เช่น การขยายหรือบีบตัวของมดลูก อย่างไรก็ตาม หากคุณมีอาการปวดท้องเฉพาะที่อย่างรุนแรง คุณควรพบแพทย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีเลือดไหลมากผิดปกติจากการปวดท้อง
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
8. ท้องป่อง: เมื่อผู้หญิงทั้งหลายเห็นท้องที่นูนชัดขึ้น นั่นไม่ได้หมายความว่าเธอตั้งท้องเสมอไป แม้ว่าอาจจะใช่ในบางกรณี แต่บางครั้ง การท้องอืดจากการรับประทานอาหารมากเกินไปก็นำมาซึ่งท้องที่ป่องได้เช่นกัน (อย่างไรก็ดี อาจจะป่องจากการมีเด็กอยู่ในมดลูกของคุณผู้หญิงด้วยก็เป็นได้)
9. นอกเหนือจากรอบเดือน: รอบเดือนของคุณมาตามปกติหรือหยุดหายไป? หรือคุณอาจรู้สึกว่ารอบเดือนมาน้อยกว่าปกติ รอบเดือนที่มาไม่ปกติเหมือนเช่นที่เคยเป็น ก็เป็นอีกสัญญาณบ่งบอกถึงการตั้งครรภ์เช่นกัน ขอให้คุณผู้หญิงทั้งหลายจดบันทึกรอบเดือน ทั้งวันมาและวันหมดเอาไว้ให้ดี เพราะหากคุณกำหนดวันผิดสำหรับการนับวันตกไข่หรืออะไรก็แล้วแต่ ระยะครรภ์อาจไม่ถูกต้องและสับสนได้
10. รอบเดือนไม่มา: หากรอบเดือนของคุณมาล่าช้าหรือขาดหายไป สองสิ่งนี้เป็นอาการที่ชัดและทั่วไปที่สุดสำหรับการตั้งครรภ์ เป็นอาการที่หญิงสาวทั้งหลายใช้เพื่อจับตาดูว่า ตนท้องหรือไม่ และเมื่อรอบเดือนของคุณมาช้าไปกว่าปกติ 1-2 วัน ก็ให้ตั้งข้อสงสัยไว้เลยว่า คุณอาจจะกำลังมีน้อง! แต่ปล. ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็อย่าลืมคิดไปด้วยล่ะว่า รอบเดือนที่มาไม่ปกติ ส่วนหนึ่งก็อาจจะมีสาเหตุจากความเครียดของคุณเองก็เป็นได้
หากคุณผู้หญิงกำลังอยู่ในช่วงอยากมีน้อง และกำลังตั้งตารอเขาอย่างใจจดใจจ่อแล้วล่ะก็ อย่าลืมเริ่มจากการจดบันทึกรอบเดือนของตนเองอย่างสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ทำอารมณ์ให้แจ่มใสสดชื่น ทำการบ้านกับคนรักของคุณตามวันเวลาที่แพทย์แนะนำ (หรือไม่ก็ปล่อยไปตามธรรมชาติ) จากนั้น ลองสังเกตสภาวะและสัญญาณจากร่างกายของคุณดูจาก 10 ข้อข้างต้น และท้ายสุด อย่าลืมทำใจโล่ง ๆ ควบคู่ไปกับการดูแลตนเอง แล้วมารอลุ้น มารอต้อนรับลูกน้อยของคุณได้เลย...ขอให้โชคดีนะคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ทั้งหลาย