ลูกกินยาก เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยมากประมาณ 25-45% ในเด็กปกติ และจะเพิ่มขึ้นสูงถึง 80% ในเด็กป่วยหรือพัฒนาการช้า บางกรณีขึ้นกับพัฒนาการในแต่ละช่วงวัยด้วย โดยในเด็กเล็ก ยังไม่สามารถกินอาหารเองได้ ต้องอาศัยผู้เลี้ยงดูป้อนอาหาร ต่อมาเด็กจะเรียนรู้การกินอาหารด้วยตนเองได้เอง กระทั่งเมื่ออายุได้ประมาณ 1-3 ปีขึ้นไป จะเริ่มกินอาหารที่มีลักษณะของเนื้ออาหารหลากหลาย และการเคี้ยวเริ่มมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะมีฟันมากขึ้น ประกอบกับเป็นวัยที่รักอิสระ และเริ่มเป็นตัวของตัวเอง วัยนี้จึงชอบการเล่นและเรียนรู้ ห่วงเล่นมากกว่ากิน ปัญหาอีกอย่างได้แก่ เด็กบางคนเลือกกินเฉพาะอาหารบางชนิดที่คุ้นเคยเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นๆ อีกมากมายที่ก่อให้เกิดปัญหา ลูกกินยาก ได้
สาเหตุของปัญหาลูกกินยาก
1. ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม
ลูกกินยากอาจเกิดจากปัญหาเหล่านี้
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
- มีการให้อาหารตามตารางมากกว่าตามความต้องการของเด็ก
- เด็กดื่มน้ำผลไม้ น้ำหวาน หรือกินขนมมากเกินไประหว่างมื้ออาหาร
- ผู้ดูแลเด็กมีหลายคน ทำให้ไม่มีความสม่ำเสมอในการให้อาหารแก่เด็ก
- มื้ออาหารสับสน ไม่มีระเบียบ หรือให้อาหารไม่เหมาะสมกับช่วงวัย
- สถานที่กินอาหารไม่เหมาะสม เช่น หน้าโทรทัศน์ เกมคอมพิวเตอร์
2. ปัจจัยทางด้านตัวเด็ก
อาจเกิดจากตัวเด็กเองมีความผิดปกติทางร่างกายหรือจิตใจ เช่น
- กล้ามเนื้อช่องปากของเด็กผิดปกติ
- มีโรคทางระบบประสาทที่เกี่ยวข้องกับการดูด กลืน เคี้ยวอาหาร
- มีโรคระบบทางเดินอาหาร เช่น กรดไหลย้อน กระเพาะอาหารบีบตัวผิดปกติ
- มีโรคหัวใจและปอด ทำให้เด็กมีอาการเหนื่อย
- มีโรคทางระบบหู คอ จมูก ที่อาจทำให้เด็กสำลักเวลากลืนอาหาร
- มีการแพ้อาหาร
- มีความอยากอาหารน้อย ที่เกิดขึ้นจากการกินยาหรือเกิดขึ้นเอง
- เด็กถูกทอดทิ้งหรือซึมเศร้า
3. ปัจจัยทางด้านผู้เลี้ยงดู
ผู้เลี้ยงดู ก็มีผลต่อการรับประทานอาหารของเด็กได้ เช่น
- ผู้เลี้ยงดูตอบสนองไม่เหมาะสม ไม่รู้ว่าเด็กหิวหรืออิ่ม
- บังคับให้เด็กกินเมื่อไม่หิว
- ไม่อนุญาตให้เด็กกินเอง เนื่องจากกลัวเด็กทำเลอะเทอะ
- ควบคุมเด็กระหว่างมื้ออาหารมากเกินไป เช่น ห้ามเลอะเทอะ ต้องกินให้หมด
หลากหลายปัญหาการกินที่พ่อแม่เป็นห่วง
ปัญหาเกี่ยวกับการกินของลูก ที่พ่อแม่มักพบเจอได้ มีดังนี้
- ลูกปฏิเสธอาหาร เห็นได้ชัดเจนในวัยมากกว่า 1 ปีขึ้นไป เนื่องจากเด็กกำลังพัฒนาความเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น จะต่อต้านพ่อแม่ ไม่สนใจกินอาหาร เคี้ยวช้า อมข้าว บ้วนทิ้ง อาเจียน หรือร้องไห้ อาละวาด แต่มักจะมีน้ำหนักและส่วนสูงปกติ และพบว่าเด็กได้รับอาหารในปริมาณที่เพียงพอ แต่หากมีการเจริญเติบโตต่ำกว่าเกณฑ์ ควรพบแพทย์เพื่อประเมินหาสาเหตุทางกายเพิ่มเติม
- ลูกเลือกกิน กินได้ไม่กี่อย่าง ลูกอาจเลือกไม่กินอาหารบางอย่างที่พ่อแม่เห็นว่าควรกิน เช่น ผัก อาหารเนื้อหยาบหรือแข็ง หากมีปัญหานี้อาจปรึกษาแพทย์เรื่องวิตามินเสริม
- ลูกไม่ยอมกินเมนูอาหารใหม่ๆ ที่คุณแม่ปรุงให้ อาจทำให้คุณแม่เสียกำลังใจ ให้ลองให้ลูกชิมรสชาติทีละนิด หรือแบ่งเป็นคำเล็กๆ แตะที่ปลายลิ้นลูก ถ้ายังไม่ยอมกินก็ไม่ต้องบังคับ เนื่องจากอาจทำให้เด็กเกลียดอาหารนั้นๆ ไปเลย
- ลูกกินไม่หมดจาน ลูกมักจะกินเฉพาะตอนหิวและหยุดกินเมื่ออิ่มท้อง คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องกังวล และไม่จำเป็นต้องให้ลูกกินให้หมดจานทุกครั้งก็ได้
แนวทางแก้ไขปัญหาลูกกินยากโดยรวม
วิธีเหล่านี้อาจช่วยแก้ปัญหาลูกกินยากได้บ้าง
- พ่อแม่ควรฝึกให้เด็กรับผิดชอบการกินอาหารของตัวเอง ไม่แสดงความเดือดร้อนต่อการกินอาหารของเด็กมากนัก พยายามให้คำชมเชย และกำลังใจแทน พ่อแม่จะมีหน้าที่จัดเตรียมอาหารไว้ให้และฝึกวินัยการกินอาหารตามคำแนะนำ หลีกเลี่ยงการบังคับ ลงโทษ เพราะนอกจากจะไม่ได้ผลแล้ว ยังอาจทำให้เด็กเกลียดอาหารชนิดนั้นๆ
- กรณีที่เด็กใช้วิธีเบี่ยงเบน ถ่วงเวลาการรับประทานอาหาร เช่น ดิ้น ร้องไห้ ต่อรอง พ่อแม่ไม่ควรตอบสนองด้วยการบังคับเด็ก โต้เถียง ลงโทษ หรืออ้อนวอนขอร้อง เพราะจะทำให้เด็กรู้สึกควบคุมผู้ดูแลได้ ควรแสดงความเพิกเฉยต่อพฤติกรรมนั้น แต่สนใจที่การรับประทานอาหารแทน หากเด็กคายอาหารออก ให้ป้อนอาหารเดิมซ้ำ แล้วบอกเด็กว่าการคายอาหารไม่ใช่วิธีที่จะหลีกเลี่ยงอาหารได้ และไม่ได้ผล
- ควรฝึกให้เด็กค่อยๆ คุ้นเคยกับอาหาร โดยดัดแปลงอาหารนั้นในรูปแบบต่างๆ เติมรสชาติ จัดหน้าตาให้ดูน่ารับประทาน ปรับลักษณะให้เนื้อนิ่มละเอียด ไม่แข็งหรือเหนียวเกินไป เพื่อให้เด็กเคี้ยวหรือกลืนได้ง่าย ป้อนคำเล็กๆ ก่อน หรือจัดอาหารนั้นๆ บนโต๊ะอาหารบ่อยๆ แล้วทำทีชักชวนให้เด็กลองกินทีละน้อยโดยไม่บังคับ
- ผู้ใหญ่ควรทำตัวเป็นแบบอย่าง โดยการกินอาหารนั้นด้วยท่าทีที่แสดงความชอบ หรือลักษณะเชิงบวก
- พ่อแม่ต้องใช้ความอดทนและเอาจริงในการปฏิบัติด้วยความสม่ำเสมอ
- ให้เด็กมีส่วนร่วมในการเตรียมอาหารเท่าที่ทำได้
การป้องกันปัญหาลูกกินยาก
ปัญหาลูกกินยากสามารถป้องกันได้ ด้วยการฝึกหัดให้เด็กมีสุขนิสัยการกินที่ดี มีระเบียบวินัยตั้งแต่แรก และให้เด็กช่วยเหลือตัวเองได้มากขึ้นเรื่อยๆ ตามวัย และรับผิดชอบการกินอาหารของตัวเอง ซึ่งจะนำไปสู่ความรับผิดชอบต่อตนเองในเรื่องอื่นๆ ต่อไป
ข้อแนะนำสำหรับผู้ปกครองในการฝึกระเบียบวินัยการกิน ซึ่งสามารถแนะนำตั้งแต่เด็กอายุ 15-18 เดือน มีดังนี้
- จัดเวลาอาหารให้สมาชิกทุกคนในบ้านนั่งร่วมโต๊ะพร้อมกัน ไม่เปิดโทรทัศน์ระหว่างมื้ออาหาร
- กำหนดเวลาการกินอาหารไม่ให้นานเกินไป ไม่ควรเกิน 30 นาที
- กำหนดกฎเกณฑ์สำหรับมื้ออาหารให้เด็กปฏิบัติ เช่น ให้นั่งอยู่บนเก้าอี้จนอิ่ม ใช้ช้อนตักอาหาร ห้ามบ้วนอาหาร และมีการบอกเด็กให้ทราบกฎเกณฑ์ด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลทุกครั้งที่เริ่มมื้ออาหาร จนกว่าเด็กจะสามารถปฏิบัติตามได้อย่างสม่ำเสมอ
- ตักอาหารให้เด็กในปริมาณแต่น้อยที่เด็กจะกินได้หมด แล้วค่อยตักเติมใหม่ แต่อย่าบังคับให้เด็กต้องกินให้หมดจาน
- ให้เด็กมีส่วนร่วมในการสนทนาด้วย เวลาอาหารควรเป็นเวลาที่พูดแต่เรื่องดีๆ พูดชื่นชมเด็กถึงความดีที่เขาได้ทำ ต้องระวังที่จะไม่ว่ากล่าวตักเตือนหรือตำหนิเด็กในขณะกินอาหาร
- ชมเด็กเมื่อปฏิบัติได้ตามกฎที่ตั้งไว้
- เมื่อเด็กไม่ปฏิบัติตามกฎ ควรเตือนให้เด็กได้แก้ไข แต่ถ้ายังคงฝืนกฎเป็นครั้งที่ 3 อาจใช้วิธีแยกเด็กไปอยู่ตามลำพังโดยไม่ให้ความสนใจเป็นเวลาชั่วขณะ
- เมื่อหมดเวลาที่กำหนด ให้เก็บโต๊ะอาหารโดยไม่ต้องสนใจว่าเด็กจะกินหมดแล้วหรือไม่ ไม่ต้องพูดอะไรอื่นอีกนอกจากบอกว่าหมดเวลาแล้ว
- ถ้าเด็กกินไม่หมด ไม่มีการให้อาหารหรือของว่างอื่นใดนอกจากน้ำเปล่าก่อนจะถึงมื้อถัดไป
- ถึงแม้ว่าเด็กจะกินได้ตามปกติ ก็ควรกำหนดอาหารว่างไม่ให้มีมากเกินไป เพราะถ้าเด็กกินอาหารเหล่านี้มากไปก็จะไม่หิวเมื่อถึงเวลาอาหารมื้อหลัก
- ถ้าเด็กปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ต่างๆ ได้ดีก็ไม่จำเป็นต้องบอกกฎเกณฑ์เด็กอีกต่อไป อาจใช้วิธีทบทวนไม่ให้เด็กลืมกฎ ด้วยการชมเป็นระยะๆ เมื่อเด็กทำได้ตามกฎนั้นๆ