การดูแลสุขภาพให้แข็งแรงถือเป็นอีกปัจจัยที่สามารถสร้างความมั่นคงให้กับชีวิตได้ อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายในการรักษาสุขภาพ รวมถึงค่ารักษาพยาบาลเมื่อเจ็บไข้ได้ป่วย ซึ่งสำหรับแต่ละคน แต่ละสถานที่ที่เข้ารับการรักษาก็มีราคาแตกต่างกัน
หากคุณยังไม่มีประกันสุขภาพ ซึ่งสามารถเข้ารับบริการรักษาที่โรงพยาบาลไหนก็ได้ตามเงื่อนไขที่ทำสัญญาไว้ในกรมธรรม์ คุณจึงควรศึกษาผลประโยชน์ที่ตนเองจะได้รับจากภาครัฐในฐานะคนไทยเอาไว้ เพื่อให้ค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพประหยัด และคุ้มค่ามากขึ้น
โปรแกรมตรวจสุขภาพวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 99 บาท ลดสูงสุด 96%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ประกันสุขภาพที่จัดทำโดยรัฐมีอะไรบ้าง?
ปัจจุบันประเทศไทยมีการทำประกันสุขภาพให้กับคนไทยทุกคนซึ่งแบ่งเป็น 5 ประเภท ได้แก่
- สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
- สิทธิประกันสังคม
- สิทธิสวัสดิการการรักษาพยาบาลของข้าราชการ
- สิทธิสวัสดิการการรักษาพยาบาลของพนักงานส่วนท้องถิ่น
- สิทธิคุ้มครองของหน่วยงานรัฐอื่นๆ
ความหมายของประกันสุขภาพแห่งชาติ
ประกันสุขภาพแห่งชาติ (Universal Coverage Scheme: UCS) หมายถึง การให้บริการด้านการแพทย์ และด้านสาธารณสุขที่ทางหน่วยงานรัฐอำนวยให้กับประชาชนชาวไทย เพื่อให้สามารถเข้าถึงการตรวจสุขภาพ การวินิจฉัย และรักษาโรค รวมถึงอาการบาดเจ็บต่างๆ ได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
คนไทยหลายคนอาจคุ้นชื่อประกันสุขภาพแห่งชาติในอีกชื่อว่า “สิทธิบัตรทอง หรือสิทธิ 30 บาทรักษาทุกโรค”
ผู้ที่มีสิทธิเข้าถึงประกันสุขภาพแห่งชาติ
ผู้ที่มีสิทธิใช้ประกันสุขภาพแห่งชาติจะต้องมีคุณสมบัติต่อไปนี้
- มีสัญชาติไทย
- มีเลขประจำตัวประชาชน 13 หลักของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย
- ไม่มีสวัสดิการ หรือสิทธิประกันสุขภาพอื่นๆ จากหน่วยงานรัฐ ซึ่งได้แก่ สิทธิประกันสังคม สิทธิสวัสดิการการรักษาพยาบาลของข้าราชการ สิทธิสวัสดิการการรักษาพยาบาลของหน่วยงานส่วนท้องถิ่น และสิทธิคุ้มครอง หรือสิทธิรักษาพยาบาลของหน่วยงานรัฐอื่นๆ
การลงทะเบียนเพื่อใช้สิทธิประกันสุขภาพแห่งชาติ
หลายคนอาจเข้าใจผิดว่า ต้องถึงวัยทำงาน หรือบรรลุนิติภาวะก่อน จึงจะสามารถใช้สิทธิประกันสุขภาพแห่งชาติได้ แต่ความจริงแล้ว สิทธิประกันสุขภาพแห่งชาติสามารถใช้ได้ตั้งแต่ทารกแรกเกิดไปจนถึงผู้สูงอายุ
เพียงแต่ต้องมีการลงทะเบียนเพื่อให้สามารถใช้ประกันสุขภาพแห่งชาติได้เท่านั้น
โปรแกรมตรวจสุขภาพวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 99 บาท ลดสูงสุด 96%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
การลงทะเบียนเพื่อใช้สิทธิประกันสุขภาพแห่งชาติสามารถทำได้ที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือที่โรงพยาบาล หรือหน่วยบริการประจำในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติของแต่ละจังหวัด
ผู้ใช้สิทธิประกันสุขภาพแห่งชาติสามารถใช้หน่วยบริการที่ไปลงทะเบียนเป็นหน่วยบริการประจำตัวของตนเอง ในการเข้ารับบริการทางการแพทย์ และสาธารณสุขได้
ดังนั้นก่อนจะตัดสินใจลงทะเบียน ควรไตร่ตรองให้ดีก่อนว่า จะเลือกหน่วยบริการแห่งใดเป็นหน่วยประจำของตนเพราะสิทธิประกันสุขภาพแห่งชาติจะสามารถใช้ได้ในหน่วยบริการที่เลือกไว้เท่านั้น นอกจากเกิดอุบัติเหตุ หรือเจ็บป่วยฉุกเฉิน จึงจะสามารถเข้ารับบริการที่หน่วยบริการที่ใกล้ที่สุดได้
แต่หากต้องการเปลี่ยนหน่วยบริการประจำ ผู้ใช้สิทธิประกันสุขภาพแห่งชาติสามารถเปลี่ยนหน่วยบริการของตนเองได้ปีละไม่เกิน 4 ครั้ง
เอกสารที่ใช้ในการลงทะเบียนประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้แก่
- บัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรที่ทางหน่วยงานราชการออกให้ โดยมีรูปถ่าย และเลขประจำตัวประชาชน ส่วนเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ให้ใช้สูติบัตร (ใบเกิด) แทน
- หนังสือรับรองการพักอาศัย ในกรณีที่อยู่ปัจจุบันไม่ตรงกับที่อยู่ในบัตรประชาชน ซึ่งจะต้องแนบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของเจ้าบ้าน และหลักฐานว่า ผู้มาลงทะเบียนอาศัยอยู่ที่สถานที่นั้นๆ จริง อาจเป็นสัญญาเช่าห้อง บิลค่าน้ำค่าไฟ
ในกรณีที่พักอาศัยอยู่ในบ้านที่นายจ้างจัดหาให้ ก็สามารถใช้หนังสือรับรองการพักอาศัยจากนายจ้างได้ และให้แนบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของนายจ้างมาด้วย
โปรแกรมตรวจสุขภาพวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 99 บาท ลดสูงสุด 96%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
บริการด้านการแพทย์ที่หลักประกันสุขภาพแห่งชาติคุ้มครองค่าใช้จ่ายให้
บริการด้านการแพทย์ต่อไปนี้ เป็นบริการที่ทางรัฐคุ้มครองค่าใช้จ่ายให้ เพราะถือว่าอยู่ในสิทธิประกันสุขภาพแห่งชาติ แต่ทั้งนี้การคุ้มครองค่าใช้จ่ายจะมีขอบเขตแตกต่างกันไปตามการประเมินของแพทย์และคณะกรรมการหลักประกันสังคมแห่งชาติ ได้แก่
1. บริการสร้างเสริมสุขภาพ และป้องกันโรค
เป็นบริการที่ผู้ใช้สิทธิสามารถเข้ารับการตรวจสุขภาพเพื่อหาความเสี่ยงการเกิดโรคร้ายต่างๆ ได้ รวมถึงสามารถเข้ารับคำแนะนำจากแพทย์ในการดูแลสุขภาพ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อป้องกันโรคต่างๆ ด้วย
บริการนี้จะแบ่งออกได้หลากหลายตามวัยของผู้ใช้ประกันสุขภาพ เช่น
- กลุ่มหญิงตั้งครรภ์และหลังคลอดบุตร สามารถใช้สิทธิประกันสุขภาพแห่งชาติสำหรับตรวจคัดกรองความเสี่ยงต่างๆ ระหว่างตั้งครรภ์ การฉีดวัคซีนป้องกันโรคบาดทะยัก การให้ยาป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีจากแม่สู่ลูก การประเมินสุขภาพจิตระหว่างตั้งครรภ์
- กลุ่มเด็กอายุ 0-2 ขวบ สามารถใช้สิทธิประกันสุขภาพแห่งชาติเพื่อรับวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสตับอักเสบบี วัคซีนป้องกันโรคโปลิโอ โรคหัด โรคคางทูม โรคไข้หวัดใหญ่ ตรวจสุขภาพเหงือกและฟัน ตรวจความเสี่ยงการติดเชื้อไวรัสเอชไอวี
- กลุ่มเด็กอายุ 6 ขวบ - 24 ปี สามารถใช้สิทธิประกันสุขภาพแห่งชาติสำหรับตรวจความดันโลหิต ตรวจสุขภาพตา ตรวจสุขภาพเหงือก และฟัน ฉีดวัคซีนป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูก ตรวจคัดกรองความเสี่ยงติดเชื้อไวรัสเอชไอวี
- กลุ่มผู้ใหญ่อายุ 25-29 ปี สามารถใช้สิทธิประกันสุขภาพแห่งชาติในการเข้าตรวจคัดกรองความเสี่ยงของโรคต่างๆ จากการสูบบุหรี่ ดื่มสุรา หรือใช้สารเสพติด การตรวจความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด การตรวจคัดกรองโรคมะเร็งปากมดลูก การคุมกำเนิด
- กลุ่มผู้สูงอายุตั้งแต่อายุ 60 ปีขึ้นไป สามารถใช้สิทธิประกันสุขภาพแห่งชาติสำหรับตรวจความดันโลหิต ตรวจคัดกรองโรคเบาหวาน คัดกรองภาวะซึมเศร้า ตรวจสุขภาพเหงือกและฟัน ให้ความรู้ด้านการออกกำลังกายและบำรุงสมอง
2. บริการตรวจวินิจฉัย และรักษาโรค
โดยประกันสุขภาพแห่งชาติไม่ได้ครอบคลุมแค่การรักษาโรคทั่วไปเท่านั้น และยังรวมไปถึงโรคเรื้อรังที่มีค่าใช้จ่ายสูงด้วย เช่น
- โรคหัวใจ
- โรคเบาหวาน
- โรคมะเร็ง
- โรคไต
- โรคเอดส์
3. การคลอดบุตร
หญิงตั้งครรภ์สามารถใช้สิทธิประกันสุขภาพแห่งชาติในการคลอดบุตรได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง และยังใช้ได้กับทั้งการคลอดแบบธรรมชาติ และการผ่าตัดคลอด อีกทั้งหากต้องการจะทำหมันหลังคลอดบุตรก็สามารถใช้สิทธิประกันสุขภาพแห่งชาติคุ้มครองค่าใช้จ่ายได้
แต่ในระหว่างการตั้งครรภ์ อาจมีบางกระบวนการที่ไม่ครอบคลุมอยู่ในการใช้สิทธิประกันสุขภาพแห่งชาติ เช่น การทำอัลตราซาวด์เพื่อดูเพศบุตร เนื่องจากไม่ได้มีข้อบ่งชี้ หรือภาวะความผิดปกติใดๆ ทางการแพทย์
4. บริการทันตกรรม
เช่น อุดฟัน ขูดหินปูน ถอนฟัน ผ่าฟันคุด การเคลือบหลุมร่องฟัน ใส่เพดานเทียมในผู้ป่วยโรคปากแหว่งเพดานโหว่ การทำฟันปลอมใหม่ในผู้สูงอายุ
5. ค่ายา และเวชภัณฑ์
ประกันสุขภาพแห่งชาติจะคุ้มครองค่าใช้จ่ายด้านยารักษาโรคให้กับผู้ป่วยด้วย แต่ต้องอยู่ในกรอบของบัญชียาหลักแห่งชาติ
6. ค่าอาหาร และห้องสามัญ
หากต้องนอนพักที่โรงพยาบาล คุณสามารถใช้สิทธิประกันสุขภาพแห่งชาติในการออกค่าห้อง และค่าอาหารระหว่างที่นอนพักอยู่ที่โรงพยาบาลได้ แต่ต้องเป็นโรงพยาบาลที่เป็นหน่วยบริการภายใต้ประกันสุขภาพแห่งชาติ
7. การจัดการส่งต่อ
หากผู้ป่วยต้องย้ายแผนกการรักษาเพื่อส่งต่อให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอื่นๆ รักษาโรคต่อไป ค่าใช้จ่ายในระหว่างกระบวนการเหล่านี้ สามารถใช้สิทธิประกันสุขภาพแห่งชาติคุ้มครองได้
8. บริการแพทย์แผนไทย
เช่น การนวดเพื่อบำบัด หรือรักษา การประคบสมุนไพร ยาใช้ยาสมุนไพร หรือยาแผนไทยเพื่อรักษาโรค หรือเพื่อฟื้นฟูสุขภาพมารดาหลังคลอดบุตร
9. บริการเพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกาย
ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ทหารผ่านศึกที่ไม่มีสิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลของข้าราชการ สามารถเข้ารับบริการฟื้นฟูสุขภาพภายใต้การคุ้มครองของสิทธิประกันสุขภาพแห่งชาติได้ เช่น
- ทำกายภาพบำบัด
- การฟื้นฟูการมองเห็น
- การฟื้นฟูการได้ยิน
- การทำจิตบำบัด
- การทำพฤติกรรมบำบัด
- การรับอุปกรณ์ช่วยอำนวยความสะดวกระหว่างใช้ชีวิตตามประเภทของความพิการ
อย่างไรก็ตาม มีบริการด้านการแพทย์บางส่วนที่ไม่ครอบคลุมอยู่ในสิทธิประกันสุขภาพแห่งชาติ เช่น
- การผ่าตัดแปลงเพศ
- การทำศัลยกรรม
- การรักษาภาวะมีบุตรยาก
- การผสมเทียม
- การตรวจดีเอ็นเอเพื่อยืนยันว่า เป็นบุตรทางสายเลือดกัน
- การบำบัดยาเสพติด
- การปลูกถ่ายอวัยวะ
ค่าใช้จ่ายที่อยู่ในการครอบคลุมของสิทธิประกันสุขภาพแห่งชาติขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของแพทย์ด้วย
เพื่อให้คุณได้ใช้สิทธิประกันสุขภาพแห่งชาติ และประหยัดค่ารักษาพยาบาลได้มากที่สุด ควรสอบถามแพทย์เพิ่มเติมด้วยว่า สามารถใช้ประกันสุขภาพแห่งชาติรักษาอาการ หรือภาวะสุขภาพที่เป็นอยู่ได้หรือไม่
ความแตกต่างระหว่างสิทธิประกันสุขภาพแห่งชาติกับสิทธิประกันสังคม
หลายคนอาจไม่เข้าใจว่า สิทธิประกันสุขภาพกับสิทธิประกันสังคมแตกต่างกันอย่างไร เพราะประกันทั้งสองอย่างล้วนเกี่ยวข้องกับค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสุขภาพ และการรักษาพยาบาลทั้งคู่
ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจความหมายของสิทธิประกันสังคมโดยกระชับก่อน
สิทธิประกันสังคมคือ สวัสดิการของทางรัฐซึ่งเกิดจากนายจ้าง หรือลูกจ้างได้ส่งเงินไปยังกองทุนประกันสังคมทุกเดือน เมื่อมีเหตุที่ผู้จ้าง หรือลูกจ้างเจ็บป่วย หรือประสบอุบัติเหตุ ก็จะสามารถใช้สิทธิประกันสังคมนี้ในการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลได้
เด็กๆ หรือนักศึกษาที่ยังไม่ทำงานอาจยังไม่เข้าใจถึงสิทธิประกันสังคม จนเมื่อเข้าไปทำงานในบริษัท ก็จะพบว่า ทุกๆ เดือน ทางบริษัทจะหักเงินเดือนของลูกจ้าง 5% เพื่อปันเงินส่วนนั้นส่งไปยังกองทุนประกันสังคม เพื่อที่เมื่อทุกคนมีเหตุฉุกเฉินด้านสุขภาพ จะได้มีประกันสังคมคุ้มครองเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายลงไปส่วนหนึ่ง
ดังนั้นความแตกต่างระหว่างสิทธิประกันสุขภาพแห่งชาติกับสิทธิประกันสังคมก็คือ สิทธิประกันสุขภาพเป็นการเข้าถึงบริการด้านการแพทย์โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย และไม่จำเป็นต้องส่งเงินสมทบกองทุนแต่อย่างใด
แต่สิทธิประกันสังคมจะสามารถใช้ได้ก็ต่อเมื่อผู้เอาประกัน (ผู้ที่จะใช้สิทธิประกันสังคม) จ่ายเงินเพื่อสมทบกองทุนประกันสังคมเท่านั้น
สิทธิประกันสุขภาพแห่งชาติกับสิทธิประกันสังคมจะไม่สามารถใช้พร้อมกันได้
เพราะตามที่กล่าวไปข้างต้นในคุณสมบัติผู้ที่สามารถเข้าถึงสิทธิประกันสุขภาพแห่งชาติว่า ผู้ที่สามารถใช้สิทธิประกันสุขภาพแห่งชาติได้จะต้องไม่มีสวัสดิการทางการแพทย์อื่นๆ ที่ได้จากรัฐ
นอกเหนือจากบริการทางการแพทย์ที่ได้กล่าวไปในบทความนี้ ยังมีบริการอื่นๆ และสิทธิประโยชน์ด้านสาธารณสุขอีกมากมายที่ครอบคลุมอยู่ในประกันสุขภาพแห่งชาติ
หากคุณมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้สิทธิประกันสุขภาพแห่งชาติ สามารถโทรสอบถามไปที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้โดยตรงที่เบอร์ 1330 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://www.nhso.go.th/
เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจตรวจสุขภาพทั่วไป จากคลินิกและโรงพยาบาลใกล้คุณ และไม่พลาดทุกอัปเดตเรื่องสุขภาพและโปรโมชั่นเมื่อกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android