วัคซีนโรคหัดสามารถกำจัดโรคนี้จากสหรัฐอเมริกาได้ แต่ยังคงมีการระบาดของโรคได้หากมีการนำไวรัสเข้ามาจากภายนอกประเทศ
หัด เป็นเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดอาการทางระบบหายใจ เคยเป็นโรคที่พบบ่อยในสหรัฐอเมริกา ในช่วงก่อนปี 1963 มีประชาชนติดโรคหัดมากถึง 3-4 ล้านคนต่อปีในสหรัฐอเมริกา อ้างอิงจากศูนย์ป้องกันและควบคุมโรค (Centers for Disease Control and Prevention – CDC) ภายหลังจากการพัฒนาวัคซีนโรคหัดขึ้นมาในปี 1963 สหรัฐอเมริกาได้ประกาศว่าโรคนี้ถูกจำกัดแล้วภายในประเทศในปี 2000 หมายความว่าไม่พบการติดต่อของเชื้อภายใน 12 เดือน และไม่พบเชื้อนี้อยู่ทั่วไปภายในประเทศ อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นสหรัฐอเมริกายังคงพบการระบาดเล็กๆ ของโรคหัด ซึ่งเกิดจากคนที่มีการนำเชื้อไวรัสนี้มาจากภายนอกประเทศ ผู้ป่วยส่วนมากที่ติดเชื้อหัดในสหรัฐอเมริกาเป็นกลุ่มที่ไม่ได้รับวัคซีน อ้างอิงจากศูนย์ป้องกันและควบคุมโรค ซึ่งได้มีการแนะนำให้ฉีดวัคซีนในเด็กทุกคน แต่พบว่าในปัจจุบันมีกลุ่มคนที่ไม่ต้องการให้เด็กฉีดวัคซีน ไม่ว่าจะจากความเชื่อหรือศาสนาที่เชื่อว่าการฉีดวัคซีนอาจทำให้เกิดออทิสติกหรือโรคอื่นๆ ตามมา เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งอาจทำให้คนกลุ่มนี้กลายเป็นกลุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะในเด็กที่เด็กเกินกว่าจะได้รับวัคซีน และผู้ใหญ่ที่ไม่สามารถฉีดวัคซีนได้จากการที่มีภูมิคุ้มกันต่ำจากการติดเชื้อ HIV/AIDS, มะเร็งเม็ดเลือดขาว การรักษาโรคมะเร็ง และภาวะอื่นๆ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
การระบาดของโรคหัดในสหรัฐอเมริกา
ระหว่างปี 2000-2013 พบว่ามีผู้ติดเชื้อหัด 37-220 คนต่อปีในสหรัฐอเมริกา ในปี 2002 สหรัฐอเมริกามีการระบาดของโรคหัดครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 1999 ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่จะประกาศว่าไม่พบโรคนี้ในประเทศ โดยระหว่างเดือนตุลาคมและพฤศจิกายนปี 2002 พบว่ามีผู้ที่ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อหัด 13 คน โดยเริ่มตุ้นจากเด็กอายุ 9 เดือนซึ่งยังไม่ได้ฉีดวัคซีนและเพิ่งเดินทางกลับจากประเทศฟิลิปปินส์ ทารกได้ทำการแพร่เชื้อไปให้กับเด็กในสถานรับเลี้ยงเด็กใน Alabama อีก 11 คนซึ่งยังไม่ได้ฉีดวัคซีนเช่นเดียวกัน และผู้ใหญ่อีก 2 คน ในปีต่อมา สหรัฐอเมริกาได้เผชิญกับการระบาดของโรคหัดครั้งใหญ่ที่สุดในโรงเรียนหลังจากปี 1998 โดยในครั้งนี้มีเด็กนักเรียนประจำ 9 คนทางตะวันออกของรัฐเพนซิลเวเนีย และประชาชนอีก 2 คนติดเชื้อ โดยต้นหตุของการระบาดดังกล่าวเริ่มที่เด็กนักเรียนอายุ 17 ปีซึ่งเคยได้รับวัคซีนโรคหัดมาก่อน และเพิ่งเดินทางกลับมาเลบานอน (ถึงแม้ว่าวัคซีนโรคหัดจะเป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ทุกคนที่ได้รับวัคซีนมีภูมิต่อโรคเสมอ)
การระบาดครั้งอื่นๆ ประกอบด้วย
- การระบาดในปี 2005 ที่รัฐอินเดียนา โดยเริ่มต้นจากประชาชนที่เกินทางไปยังเขตควบคุมโรคหัดในโรมาเนีย
- ปี 2007 เป็นการระบาดในหลายรัฐ สืบเนื่องจากการแข่งขันกีฬานานาชาติ
- ในปี 2008 มีการระบาดหลายครั้ง ซึ่งเกิดขึ้นกับกลุ่มที่เลือกไม่ฉีดวัคซีนและไม่ให้เด็กฉีดวัคซีน
ในปี 2014 มีการระบาดอีก 23 ครั้งในสหรัฐอเมริกา ส่งผลกระทบต่อประชาชน 644 คนใน 27 รัฐ ซึ่งเป็นตัวเลขของผู้ป่วยโรคหัดที่มีมากที่สุดนับตั้งแต่ประกาศว่าไม่มีการระบาดของโรคหัดในประเทศ โดยการระบาดมักเกิดจากการติดเชื้อหัดจากประเทศฟิลิปปินส์ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงการระบาดครั้งใหญ่ของโรค
การระบาดของโรคหัดใน Disneyland ปี 2015
อ้างอิงจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ในปี 2015 มีผู้ป่วยมากกว่า 150 คนใน 17 รัฐที่ป่วยเป็นโรคหัด ผู้ป่วยส่วนมากเป็นส่วนหนึ่งของการระบาดใน Disneyland ที่แคลิฟอร์เนีย ไม่มีใครทราบต้นเหตุของการระบาดแต่เชื่อว่าน่าจะเกิดจากนักท่องเที่ยวที่ติดเชื้อมาจากต่างประเทศ และเดินทางมาท่องเที่ยวที่ Disneyland มีผู้ป่วยจำนวน 52 รายที่ยืนยันว่าเกี่ยวข้องกับการระบาดที่ Disneyland โดยในจำนวนนี้ มากกว่าครึ่งไม่เคยได้รับวัคซีนมาก่อน และมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่อายุน้อยเกินกว่าจะได้รับวัคซีน
การระบาดของโรคหัดในระดับนานาชาติ
องค์การอนามัยโลกได้ระบุว่ามีประชากร 145,700 คน ส่วนมากเป็นเด็กอายุน้อยกว่า 5 ปีที่เสียชีวิตจากโรคหัดทั่วโลกในปี 2013 อัตราการตายนี้ถือว่าน้อยกว่าอัตราการตายจากโรคหัดช่วงก่อนปี 1980 ที่มีมากถึง 2.6 ล้านคนก่อนที่การฉีดวัคซีนจะแพร่หลาย อย่างไรก็ตาม โรคหัดยังเป็นหนึ่งในสาเหตุการเสียชีวิตที่พบมากที่สุดในเด็กทั่วโลก โดยมีผู้ติดเชื้อประมาณ 20 ล้านคนต่อปี อ้างอิงจาก CDC ในปี 2012 และ 2013 มีการระบาดของโรคหัดที่ Wales ส่งผลกระทบในประชากรประมาณ 1,400 คนและมีรายงานการติดเชื้อหัดอีก 1,000 คนทางตอนเหนือของประเทศอังกฤษ ในทวีปยุโรปมีจำนวนผู้ป่วยที่ติดเชื้อหัดมากขึ้นตั้งแต่ปี 2011 และมีการระบาดครั้งใหญ่ (ส่งผลกระทบมากกว่า 10,000 คน) ในประเทศฝรั่งเศส โรมาเนีย และยูเครน อ้างอิงจากMeasles and Rubella Initiative ในปี 2014 มีการระบาดของโรคครั้งใหญ่ในประเทศฟิสิปปินส์ มีผู้ได้รับผลกระทบมากกว่า 21,000 คนและเสียชีวิตมากกว่า 100 คน และยังมีอีกหลายประเทศที่มีการระบาดของโรคหัดครั้งใหญ่ในช่วงที่ผ่านมาเช่นปากีสถาน ไนจีเรีย และคองโก