Intermittent Fasting การลดน้ำหนักอีกรูปแบบหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะให้ผลลัพธ์ที่ดีโดยที่คุณไม่ต้องฝืนตัวเองมากจนเกินไป แต่ก็ต้องมีวินัยในตนเองมากพอสมควร เพราะวิธีนี้จะเป็นการแบ่งเวลากินและไม่กินออกจากกันอย่างชัดเจนนั่นเอง สงสัยแล้วใช่ไหมว่า Intermittent Fasting คืออะไร และจะช่วยลดน้ำหนักอย่างได้ผลจริงไหม มาดูคำตอบไปพร้อมๆ กันเลย
Intermittent Fasting คืออะไร?
การลดน้ำหนักรูปแบบใหม่ โดยมีหลักการคือสลับระหว่างช่วงเวลาที่กินและช่วงเวลาที่ไม่กิน โดยจะเน้นช่วงเวลาเป็นหลัก ไม่สนใจว่าอาหารที่กินเป็นอะไร ควรกินหรือไม่ ซึ่งช่วงเวลาที่จะกินและไม่กินนั้น ก็มีหลากหลายรูปแบบด้วยกัน เช่น
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
- 16:8 หมายถึงช่วงที่ไม่กิน 16 ชั่วโมง และช่วงกิน 8 ชั่วโมง
- 19:5 หมายถึงช่วงที่ไม่กิน 19 ชั่วโมง และช่วงกิน 5 ชั่วโมง
- 2:5 หมายถึงช่วงที่ไม่กินตลอด 24 ชั่วโมง 2 ครั้งต่อสัปดาห์ และช่วงกิน 5 วันในสัปดาห์
นอกจากนี้ ก็ยังมีอีกหลากหลายวิธีด้วยกัน ขึ้นอยู่กับว่าใครจะเลือกแบบไหน โดยอาจต้องประเมินสุขภาพร่างกายของตัวเองด้วยว่า สามารถรับไหวกับสูตรไหนนั่นเอง แต่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือแบบ 16:8 เพราะเป็นวิธีที่ไม่หนักจนเกินไป เนื่องจากปกติคนเราก็จะนอน 8 ชั่วโมงอยู่แล้ว ดังนั้นการอดอาหารในเวลาที่ตื่นอีก 8 ชั่วโมง จึงไม่ใช่เรื่องยาก
การไดเอตด้วย Intermittent Fasting ดีอย่างไร?
อย่างที่ทราบกันดีว่า การลดน้ำหนักด้วยวิธีนี้จะช่วยเผาผลาญไขมันและทำให้คุณมีหุ่นสวยได้อย่างรวดเร็วทันใจ แต่นั่นก็เป็นเพียงข้อดีส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะจริงๆ แล้ว การไดเอตด้วย Intermittent Fasting ยังมีข้อดีอีกมากมายเลยทีเดียว ซึ่งจะมีข้อดีอย่างไรบ้างมาดูกันเลย
1. เสริมสร้างการทำงานของสมอง
Intermittent Fasting จะช่วยเสริมสร้างการทำงานของสมอง และกระตุ้นให้เกิดการฟื้นตัวเมื่อสมองเกิดการบาดเจ็บได้เร็วขึ้น แถมยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจำได้ดีอีกด้วย ในคนที่ลดน้ำหนักด้วยวิธีนี้ จึงมักจะมีความจำดีและมีความตื่นตัว พร้อมที่จะเรียนรู้หรือทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์สมอง ที่อาจนำไปสู่การความจำเสื่อมเมื่ออายุมากขึ้นได้อีกด้วย
2. เผาผลาญไขมันทุกส่วนอย่างรวดเร็ว
การไดเอตด้วยวิธีนี้จะช่วยเผาผลาญไขมันทุกส่วนในร่างกายไปพร้อมๆ กัน จึงทำให้คุณมีรูปร่างที่ดูเป๊ะและกระชับมากขึ้น และด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพในการเผาผลาญให้สูงขึ้นกว่าเดิม เป็นผลให้คุณสามารถลดน้ำหนักได้อย่างรวดเร็วทันใจ หมดกังวลเรื่องไขมันสะสมไปได้เลย ซึ่งก็เหมาะกับคนที่ต้องการลดน้ำหนักอย่างเร่งด่วนเป็นที่สุด
3. ลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด
เนื่องจากการไดเอตด้วยวิธีนี้ จะช่วยกระตุ้นให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานดีขึ้น พร้อมลดระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ให้ลดน้อยลงไป จึงช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้มากขึ้น ซึ่งจากการวิจัยพบว่า คนที่ไดเอตด้วยวิธีนี้ จะมีโอกาสป่วยด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือดน้อยกว่าคนที่ไม่ได้ทำ Intermittent Fasting มากทีเดียว เพราะฉะนั้นใครที่อยากมีสุขภาพดีห่างไกลโรคร้ายอย่างโรคหัวใจ ก็มาทำ Intermittent Fasting กันเลย
4. ลดการติดเชื้อในร่างกาย
การทำ Intermittent Fasting จะทำให้ร่างกายผลิตเกรลินออกมามากขึ้น ซึ่งจะทำหน้าที่เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้สูงขึ้น พร้อมยับยั้งการติดเชื้อในร่างกายได้ จึงทำให้คุณมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ไม่เจ็บป่วยได้ง่าย และช่วยลดความรุนแรงของอาการเจ็บป่วยอีกด้วย
เมื่อทำ Intermittent Fasting ต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง?
ถึงแม้ว่าการไดเอตด้วย IF จะให้ผลลัพธ์ที่ดีและน่าพอใจเป็นอย่างมาก แต่ในขณะเดียวกันหากทำไม่ถูกวิธีหรือร่างกายยังไม่พร้อม ก็อาจก่อให้เกิดผลเสียตามมาได้ ดังนั้นจึงต้องคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้ก่อน ซึ่งจะมีอะไรบ้างนั้นมาทำความเข้าใจกันเลย
- สำหรับช่วงเวลาอด แนะนำให้เริ่มจากการงดอาหารเช้า มากกว่าอาหารมื้อเย็น เพื่อที่เวลาตื่นนอนในตอนเช้า จะได้ไม่รู้สึกหิวมากจนเกินไป และยังทำได้ง่ายกว่าการเริ่มจากงดอาหารเย็นอีกด้วย
- ในช่วงเวลาที่กิน แนะนำให้กินแบบคีโตไดเอท เพราะเป็นวิธีที่เข้ากับการ Intermittent Fasting ที่สุด ซึ่งพบว่าจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการลดน้ำหนักได้อย่างรวดเร็วทันใจ และดีต่อสุขภาพมากกว่าวิธีอื่น แต่สำหรับใครที่ไม่สะดวกจะใช้วิธีการกินแบบอื่นก็ได้เหมือนกัน
- แม้จะต้องทำตามกฎอย่างเคร่งครัด แต่หากรู้สึกหิวไม่ไหวแล้วจริงๆ ก็สามารถที่จะกินอาหารได้ ไม่ควรฝืนร่างกายมากเกินไป เพราะจะทำให้เกิดอาการเหนื่อยล้า อ่อนเพลียได้นั่นเอง
- การทำ Intermittent Fasting ไม่ใช่การอดอาหาร ดังนั้นในช่วงเวลาที่กินได้ ควรกินอาหารให้ได้สารอาหารอย่างครบถ้วนและเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ไม่ควรงดการทานอาหารอย่างใดอย่างหนึ่งเด็ดขาด ยกเว้นน้ำตาลและไขมัน ที่หากลดได้ก็จะดีมาก
- การทำ IF ไม่เหมาะกับคนที่มีโรคประจำตัว คนที่กำลังตั้งครรภ์ และเด็ก เพราะกลุ่มคนเหล่านี้จำเป็นต้องได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอเสมอ และไม่ควรงดอาหารเมื่อรู้สึกหิวเด็ดขาด จึงไม่ควรทำ IF นั่นเอง
การทำ Intermittent Fasting เป็นการไดเอตอีกวิธีหนึ่งที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และสามารถลดน้ำหนักอย่างได้ผลจริง แถมยังดีต่อสุขภาพอีกด้วย เพราะฉะนั้นมาทำ IF เพื่อการมีสุขภาพที่ดีและหุ่นสวยกันเถอะ