โรคอัลไซเมอร์เป็นหนึ่งในโรคที่คุ้นหูกันดี หมายถึง ภาวะสมองเสื่อมที่เกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ส่งผลกระทบต่อการทำงานของสมอง ดังนั้นจึงกระทบต่อการทำงานของร่างกาย และเป็นอันตรายต่อชีวิต แม้ว่าผู้ป่วยมักเสียชีวิตจากภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ก็ตาม
บทนำ
โรคอัลไซเมอร์เป็นชนิดของกลุ่มโรคสมองเสื่อม (Dementia) ที่พบได้มากที่สุด โดยมีผลต่อผู้ป่วยประมาณ 850,000 คนในสหราชอาณาจักร และมีผลต่อประชากรราว 26.6 ล้านคนทั่วโลก
ขนมปัง "ไร้แป้ง ไร้น้ำตาล อิ่มนาน ไปรตีนสูง" อยากคุมน้ำหนัก แบบไม่อด ต้องลอง พร้อมโปร 5 ฟรี 1
ซื้อผ่าน HD ประหยัดกว่า / ราคาพิเศษสำหรับ นศ. / ผ่อน 0% / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ภาวะสมองเสื่อมเป็นโรคทางระบบประสาทที่พัฒนาขึ้นอย่างช้า ๆ และมีผลต่อการทำงานของสมองหลายส่วนรวมถึงความจำด้วย
สาเหตุที่แท้จริงของโรคอัลไซเมอร์นั้นยังไม่เป็นที่แน่ชัด แม้ว่าจะมีหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้ ได้แก่:
- อายุที่มากขึ้น
- ประวัติครอบครัวที่เคยเป็นโรคดังกล่าวมาก่อน
- การบาดเจ็บที่ศีรษะอย่างรุนแรง
- ปัจจัยวิถีชีวิต และสภาวะทางร่างกายเกี่ยวกับโรคหัวใจและหลอดเลือด
เป็นที่เข้าใจกันกันมากขึ้นว่าเป็นเรื่องปกติที่ผู้ป่วยจะสามารถเป็นได้ทั้งโรคอัลไซเมอร์ และสมองเสื่อมจากโรคหลอดเลือด (vascular dementia) พร้อม ๆ กัน หรือเรียกว่าภาวะสมองเสื่อมผสม (mixed dementia)
อาการและอาการแสดงของโรคอัลไซเมอร์
โรคอัลไซเมอร์เป็นภาวะที่เกิดอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งหมายความว่าอาการจะค่อยๆพัฒนาขึ้นและรุนแรงขึ้นได้โดยใช้เวลาเป็นหลายปี โรคนี้จะมีผลต่อการทำงานของสมองหลายด้านด้วยกัน
สัญญาณแรกของโรคอัลไซเมอร์นั้นมักเป็นปัญหาเรื่องความจำเล็ก ๆ น้อย ๆ ตัวอย่างเช่น อาจลืมเกี่ยวกับบทสนทนาหรือเหตุการณ์ล่าสุด หรือลืมชื่อของสถานที่และวัตถุ
เมื่อโรคดำเนินไปมากขึ้น ๆ ปัญหาเรื่องความจำก็จะเป็นรุนแรงมากขึ้น และนำไปสู่อาการอื่น ๆ ต่อไปได้ เช่น:
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
- สับสน, มึนงง และหลงทางแม้จะอยู่ในสถานที่ที่คุ้นเคย
- วางแผนหรือ ตัดสินใจสิ่งใดก็ยาก
- มีปัญหาเกี่ยวกับการพูดและการใช้ภาษา
- ปัญหาในการเคลื่อนที่เองโดยไม่ได้รับการช่วยเหลือ รวมไปถึงปัญหาการดูแลตนเองในชีวิตประจำวัน
- การเปลี่ยนแปลงบุคลิกภาพ เช่น ก้าวร้าว เรียกร้องความสนใจ หรือระแวงคนอื่นมากขึ้น
- เกิดอาการหลอด (เห็นหรือได้ยินสิ่งที่ไม่ได้มีอยู่จริง) และเกิดภาพลวงตา (เชื่อสิ่งที่ไม่จริง)
- อารมณ์หดหู่ หรือมีความวิตกกังวล
ใครมักจะเป็นโรคนี้
โรคอัลไซเมอร์พบมากในคนที่อายุเกิน 65 ปีและส่งผลกระทบต่อผู้หญิงมากกว่าผู้ชายเล็กน้อย
ความเสี่ยงต่อการเกิดโรคอัลไซเมอร์และโรคสมองเสื่อมชนิดอื่น ๆ จะเพิ่มขึ้นตามอายุโดยพบโรคอัลไซเมอร์อยู่ที่
- ประมาณ 1 ใน 14 คนที่มีอายุเกิน 65 ปี
- ประมาณ 1 ใน 6 คนที่มีอายุเกิน 80 ปี
อย่างไรก็ตาม ประมาณ 1 คนในทุก 20 คนของผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์มีอายุอยู่ระหว่าง 40 ถึง 65 ปี
การวินิจฉัยโรค
เนื่องจากอาการของโรคอัลไซเมอร์คืบหน้าช้า ค่อยเป็นค่อยไป จึงอาจเป็นเรื่องยากที่จะทราบว่าตนเองมีปัญหาดังกล่าว หลายคนรู้สึกว่าปัญหาขี้หลงขี้ลืมนั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการแก่ตัวลง
อย่างไรก็ตาม การวินิจฉัยโรคอัลไซเมอร์อย่างทันท่วงที อาจทำให้คุณมีโอกาสที่ดีที่สุดในการเตรียมและวางแผนสำหรับอนาคต ตลอดจนได้รับการรักษาหรือการสนับสนุนที่อาจช่วยชะลอบรรเทาโรคได้ดีขึ้น
หากคุณกังวลเกี่ยวกับเรื่องความจำของคุณ หรือคิดว่าคุณอาจเป็นโรคสมองเสื่อมคุณควรเข้าพบแพทย์ประจำตัวของคุณ หากคุณกังวลว่าคนใกล้ตัวเป็นก็ควรกระตุ้นและชักชวนให้พวกเขาทำการนัดเข้าพบแพทย์ และเข้าพบแพทย์พร้อมกัน
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ไม่มีการตรวจใดที่สามารถทดสอบเพียงครั้งเดียวทแล้วสามารถใช้ในการวินิจฉัยโรคอัลไซเมอร์ได้ทันที แพทย์ทั่วไปจะถามคำถามเกี่ยวกับปัญหาใด ๆ ที่คุณประสบอยู่ และอาจทำการตรวจหรือทดสอบเพิ่มเติมเพื่อตัดภาวะที่อาจเป็นไปได้ออกไปเพื่อให้การวินิจฉัยแม่นยำที่สุด
หากสงสัยว่าคุณหรือคนใกล้ตัวนั้นเป็นโรคอัลไซเมอร์ ก็อาจถูกส่งต่อไปหาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อ:
- พูดคุยถึงกระบวนการในการวินิจฉัย
- จัดการตรวจและทดสอบ
- สร้างแผนการรักษา
โรคอัลไซเมอร์รักษาอย่างไร
ไม่มีการรักษาโรคอัลไซเมอร์ให้หายขาด แต่สามารถทานยาได้เพื่อช่วยบรรเทาอาการบางอย่าง และชะลอการพัฒนาของโรคในคนบางคน
นอกจากนี้ ยังมีการดูแลรักษาแบบประคับประคองอย่างอื่นอีกมากมาย เพื่อช่วยให้ผู้ที่ป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์มีชีวิตอยู่อย่างอิสระและไม่ต้องพึ่งพาคนอื่นเท่าที่จะเป็นไปได้ เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมในบ้านของคุณเพื่อให้สามารถเดินได้สะดวก และจดจำสิ่งที่ต้องทำประจำวันได้ง่ายขึ้น
การบำบัดทางจิตวิทยา เช่น การบำบัดด้วยการกระตุ้นการรู้คิด (cognitive stimulation therapy) อาจถูกนำมาใช้เพื่อช่วยสนับสนุนเรื่องความจำ ทักษะการแก้ปัญหา และความสามารถทางภาษาของคุณ
ภาพรวมของโรค
โดยเฉลี่ยแล้ว คนที่เป็นโรคอัลไซเมอร์จะมีชีวิตอยู่ได้อีกประมาณ 8 ถึง 10 ปีหลังจากเริ่มมีอาการ อย่างไรก็ตามช่วงเวลานี้อาจแตกต่างกันไปในแต่ละคน บางคนที่มีอาการอาจจะมีชีวิตอยู่ได้นานกว่านี้ แต่บางคนก็ไม่เป็นเช่นนั้น
โรคอัลไซเมอร์ถือเป็นความเจ็บป่วยที่เป็นอันตรายถึงชีวิต แม้หลายคนจะได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคนี้ จะเสียชีวิตจากสาเหตุอื่นที่ไม่ใช่โรคอัลโซเมอร์โดยตรงก็ตาม
เนื่องจากโรคอัลไซเมอร์เป็นภาวะการเสื่อมของระบบประสาทที่ค่อยเป็นค่อยไป จึงอาจทำให้เกิดปัญหาในการกลืนได้ เหตุนี้จึงอาจนำไปสู่การสูดสำลัก (อาหารสำลักเข้าไปในปอด) และทำให้ผู้ป่วยอัลไซเมอร์เกิดการติดเชื้อในทรวงอกได้บ่อยมาก นอกจากนี้ ยังพบได้บ่อยสำหรับผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ในเรื่องปัญหาการรับประทานอาหาร และความอยากอาหารลดลง
มีความตระหนักเพิ่มขึ้นว่าคนที่เป็นโรคอัลไซเมอร์นั้นต้องได้รับการดูแลแบบประคับประคอง ซึ่งต้องมาจากการสนับสนุนจากครอบครัว รวมทั้งผู้ที่เป็นโรคอัลไซเมอร์เองด้วย
สามารถป้องกันโรคอัลไซเมอร์ได้หรือไม่?
เนื่องจากสาเหตุที่แท้จริงของโรคอัลไซเมอร์ยังไม่ชัดเจน จึงไม่มีทางใดที่จะป้องกันไม่ให้เกิดภาวะนี้ได้ อย่างไรก็ตาม มีหลายสิ่งที่คุณสามารถทำได้ซึ่งอาจลดความเสี่ยงของคุณ หรือชะลอการเกิดภาวะสมองเสื่อมเช่น:
- งดสูบบุหรี่และลดปริมาณแอลกอฮอล์
- ทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ
- รักษาน้ำหนักให้เหมาะสม
- ออกกำลังกายเสริมสร้างร่างกายและจิตใจให้แข็งแรง
คำแนะนำเหล่านี้ยังช่วยป้องกันภาวะทางการแพทย์อื่น ๆ ได้ด้วย เช่น ลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด และฟื้นฟูสุขภาพจิตใจโดยรวมของคุณ
https://www.nhsinform.scot/illnesses-and-conditions/brain-nerves-and-spinal-cord/alzheimers-disease