ปัสสาวะสามารถสะท้อนระบบการทำงานของอวัยวะภายในร่างกายได้ เนื่องจากปัสสาวะเป็นตัวลำเลียงของเสียเพื่อขับออกจากร่างกาย โดยปกติแล้ว ผู้ใหญ่ที่มีภาวะสุขภาพปกติจะปัสสาวะในตอนกลางวัน 4-6 ครั้ง และปัสสาวะตอนกลางคืนหลังนอนหลับ 0-1 ครั้ง ปัสสาวะที่ขับออกมาจะมีสีเหลืองอ่อนใส ไม่มีกลิ่นเหม็น ขณะถ่ายปัสสาวะจะไม่รู้สึกติดขัด หรือมีอาการเจ็บปวดใดๆ ทั้งสิ้น การประเมินความผิดปกติของปัสสาวะสามารถประเมินได้ด้วยตาเปล่า เช่น การสังเกตความถี่ในการปัสสาวะ สีของปัสสาวะ กลิ่นปัสสาวะ อาการติดขัดหรือปวดแสบเมื่อถ่ายปัสสาวะ นอกจากการสังเกตด้วยตาเปล่าแล้ว ยังสามารถตรวจความผิดปกติของปัสสาวะได้จากการตรวจทางห้องปฏิบัติการ โดยการส่องตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ ซึ่งสามารถตรวจสอบค่าความถ่วงจำเพาะ ภาวะกรด-ด่าง ปริมาณกลูโคส โปรตีน ยูเรีย เซลล์เม็ดเลือดแดง และเซลล์เม็ดเลือดขาว
อย่างไรก็ตาม การสังเกตและพบความผิดปกติของปัสสาวะเป็นเพียงอาการแรกเริ่ม ซึ่งเมื่อเกิดแล้วควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุเพิ่มเติม เพื่อค้นหาสาเหตุของความผิดปกติด้วยการตรวจวินิจฉัยที่เหมาะสม ถูกต้อง
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
สาเหตุต่างๆ ที่ทำให้ปัสสาวะ ผิดปกติ
อาการผิดปกติของปัสสาวะที่พบบ่อย ได้แก่ ปัสสาวะมีลักษณะขุ่น มีตะกอนสีขาว เยื่อขาว เศษขาวๆ มีฟอง มีกลิ่นแรง โดยเฉพาะในตอนเช้า แต่ละอาการอาจมีสาเหตุดังนี้
- ความผิดปกติของสีปัสสาวะ ลักษณะของสีปัสสาวะที่มีความขุ่น มีตะกอน อาจเป็นความผิดปกติจากการมีโปรตีนมากในปัสสาวะ ซึ่งพบได้ในผู้ป่วยเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง กรวยไตอักเสบ หรือผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ สำหรับปัสสาวะที่ถ่ายใส่ภาชนะแล้วตั้งทิ้งไว้นานๆ อาจขุ่นได้ เนื่องจากปัสสาวะเป็นอาหารที่ดีสำหรับแบคทีเรีย แบคทีเรียจึงเจริญและเติบโตขยายพันธุ์เพิ่มจำนวนมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ปัสสาวะขุ่น สาเหตุความขุ่นอีกอย่างคือ แบคทีเรียจะเปลี่ยนยูเรียในปัสสาวะให้เป็นแอมโมเนีย ซึ่งแอมโมเนียจะทำให้ปัสสาวะมีฤทธิ์เป็นด่าง ด่างก็จะช่วยให้สารบางอย่างในปัสสาวะตกตะกอน เช่น ฟอสเฟต ยูเรต ซึ่งทำให้ปัสสาวะขุ่นได้ นอกจากนี้ความขุ่นของปัสสาวะยังอาจเกิดจากอาหารและยา ซึ่งเป็นสาเหตุของการตกตะกอนของสารบางชนิดได้เช่นเดียวกัน
- กลิ่นของปัสสาวะ โดยปกติเมื่อปัสสาวะใหม่ๆ จะไม่มีกลิ่นชัดเจน แต่ถ้าทิ้งไว้นาน สารยูเรียในปัสสาวะจะเปลี่ยนเป็นแอมโมเนีย หากพบว่าปัสสาวะใหม่ๆ แล้วมีกลิ่นแรง อาจแสดงถึงการอักเสบติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ หรือภาวะไตทำงานผิดปกติ โดยปัสสาวะที่ถ่ายออกมาหลังตื่นนอนตอนเช้าก่อนที่จะรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำใดๆ จะเป็นปัสสาวะที่มีความเข้มข้นมากที่สุด ดังนั้น อาจรู้สึกว่าปัสสาวะมีกลิ่นแรงมากกว่าช่วงอื่นๆ ของวัน
- อาการปัสสาวะเป็นฟอง เกิดจากมีโปรตีนปัสสาวะปริมาณสูงมาก พบได้ในผู้ป่วยเบาหวาน ความดันโลหิตสูง กรวยไตอักเสบ ผู้ป่วยที่มีภาวะไตวาย หรือมีการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ
การรักษาความผิดปกติของปัสสาวะ ขึ้นอยู่กับสาเหตุ ในผู้ป่วยที่มีลักษณะผิดปกติของปัสสาวะ เช่น สีปัสสาวะผิดปกติจากการรับประทานอาหารหรือยาบางชนิด เมื่อหยุดรับประทานอาหารหรือยาเหล่านั้นร่วมกับดื่มน้ำในปริมาณมากๆ (หากไม่มีข้อห้าม) ความผิดปกติของปัสสาวะนั้นก็จะหายไป แต่ถ้าความผิดปกติของปัสสาวะนั้นเกิดจากการติดเชื้อ เช่น มีลักษณะขุ่น มีกลิ่นเหม็น แพทย์จะรักษาด้วยการให้ยาปฏิชีวนะเป็นระยะเวลา 5-7 วัน และแนะนำให้ดื่มน้ำประมาณ 8-12 แก้ว (หากไม่มีข้อห้าม)
ขั้นตอนในการเก็บปัสสาวะเพื่อส่งตรวจอย่างถูกต้อง
อย่างไรก็ตาม การวินิจฉัยโรคจากปัสสาวะอาจเกิดความผิดพลาดได้ หากการเก็บปัสสาวะเพื่อส่งตรวจกระทำอย่างไม่ถูกต้อง โดยขั้นตอนในการเก็บปัสสาวะเพื่อส่งตรวจอย่างถูกต้อง มีดังนี้
- ก่อนที่จะเก็บปัสสาวะ ควรจะต้องทราบเสียก่อนว่าจะเก็บเพื่อตรวจหาอะไร เช่น หากต้องการดูสี ควรงดอาหารและยาที่ทำให้เกิดสีก่อนสักวันสองวัน
- ก่อนถ่ายปัสสาวะเพื่อเก็บตรวจ ควรล้างอวัยวะที่จะถ่ายให้สะอาด หรือจะใช้สำลีชุบน้ำเช็ด ถ้าเป็นหญิงต้องเช็ดจากหน้าไปหลัง เพื่อป้องกันการปนเปื้อนจากช่องคลอดหรือทวารหนัก
- ควรเก็บปัสสาวะที่ถ่ายออกมาครั้งแรกเมื่อตื่นนอนตอนเช้า ก่อนกินอาหารหรือน้ำใดๆ เพราะมีความเข้มข้นมากที่สุด
- ควรเก็บปัสสาวะระยะกลางๆ ของการถ่ายมาดู ระยะนี้ปัสสาวะออกมาจากกระเพาะปัสสาวะ ส่วนระยะเริ่มแรกถ่ายกับตอนสุดท้ายที่ขมิบ ควรจะใช้ภาชนะแยกอีกหนึ่งใบหรือสองใบรองไว้ บางครั้งความขุ่นอาจปนเปื้อนมาจากช่องคลอด ไม่ได้เกิดจากความขุ่นของปัสสาวะก็ได้
- ควรส่งตรวจปัสสาวะทันทีที่ถ่ายเสร็จใหม่ๆ ภายใน 3 ชั่วโมง เพราะหากปล่อยทิ้งไว้นาน ลักษณะของปัสสาวะอาจแปรเปลี่ยนไปตามสภาพแวดล้อม ส่งผลให้มีการแปลผลคลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริงได้