ปัจจุบันนี้น้อยคนนักที่จะไม่มีอุปกรณ์เครื่องมือสื่อสารจำพวกไอแพด สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ขนาดต่างๆ หรือที่เราเรียกกันรวม ๆ ว่า Gadgets ไว้ในครอบครองหรอก จริงไหม? เราไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ประโยชน์และความสะดวกคล่องแคล่วในการใช้งานของอุปกรณ์ทั้งหลายเหล่านี้มีมากมายหลายข้อ ฉะนั้นหากจะเลิกใช้ชนิดหักดิบแล้วก็คงถือเป็นการตัดขาดจากโลกภายนอกเกินไป เนื่องจากเรายังจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์เหล่านี้เป็นสื่อกลางในการเรียน การทำงาน การค้นคว้าหาข้อมูล การเข้าถึงข่าวสาร การทักทายพูดคุยกับคนที่อยู่ไกลกัน และการสร้างความบันเทิง เป็นต้น
ผลวิจัยค่าเฉลี่ยการใช้งานที่น่าตกใจ
อย่างไรก็ตาม ประเด็นสำคัญในวันนี้ที่เราทุกคนควรให้ความสำคัญ คือ ความถี่ในการใช้งาน ปัจจุบันมีโพลสำรวจและงานวิจัยจากหลายแห่งกำลังพูดถึงอัตราความถี่ของการใช้มือถือ หนึ่งในนั้นคือผลงานการวิจัยจากมหาวิทยาลัย Baylor มหาวิทยาลัยคริสเตียนในรัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่า "ผู้หญิงที่เรียนมหาวิทยาลัยใช้เวลาโดยเฉลี่ยประมาณ 10 ชั่วโมงต่อวันกับโทรศัพท์มือถือของตัวเอง ส่วนผู้ชายนั้นจะใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง”
ตรวจกระดูกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 534 บาท ลดสูงสุด 61%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ส่วนอีกผลสำรวจหนึ่งมาจาก สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) แสดงผลว่า “โดยเฉลี่ยคนไทยใช้อินเทอร์เน็ต เฉลี่ย 6.4 ชั่วโมงต่อวัน”
เหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของผลการสำรวจเท่านั้น ทุกวันนี้ไม่ว่าจะเด็ก หรือผู้ใหญ่ ส่วนใหญ่ต่างเสพติดการเล่นอุปกรณ์เครื่องมือสื่อสารกันทั้งนั้น หลายคนให้เวลากับเจ้าจอสี่เหลี่ยมถึงขั้นลืมวันลืมคืน ใช้ตลอดเวลาไม่ว่าจะเป็นเวลาทั้งก่อนตื่นนอน เข้าห้องน้ำ หลังอาบน้ำ มื้ออาหาร เดินทางโดยสารไปยังที่ต่าง ๆ รวมถึงก่อนเข้านอน
ใช้มากๆ โรคกระดูกคอมาเยือน
นอกเหนือจากประโยชน์ที่จะได้รับจากอุปกรณ์เครื่องมือสื่อสารทั้งหลายแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ตามมา นั่นคือ "โรคกระดูกคอ" หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีอาการปวดคอ ปวดบ่า ปวดไหล่เรื้อรัง หรือปวดร้าวไปจนถึงท้ายทอยและแขน บ้างก็มีอาการชาและอ่อนแรง จนถึงขั้นยกแขนไม่ได้และทรงตัวในการเดินได้ยากลำบาก อาการเหล่านี้คือสัญญาณเตือนภัยอันน่ากลัวที่จู่โจมคุณเข้าเสียแล้ว
โรคนี้ไม่ได้พบเฉพาะในผู้สูงวัยเท่านั้น แต่กลับพบมากในเด็กตั้งแต่อายุ 10 ปีขึ้นไป และรวมไปถึงหนุ่มสาววัยกำลังเรียนและวัยทำงาน เมื่อก่อนสาเหตุหลักๆ ของโรคกระดูกต้นคอนั้นอาจมาจากการแบกหาม การนอนหนุนหมอนสูงเกินไป หรือการนั่งอยู่ในอิริยาบถเดิมๆ โดยไม่เปลี่ยนท่า เป็นต้น แต่ทุกวันนี้สาเหตุหลัก ๆ ของโรคกระดูกคอคือ การใช้โทรศัพท์มือถือ หรือพวกอุปกรณ์เทคโนโลยีมากเกินไปต่างหาก
กลุ่มโรคเกี่ยวกับกระดูกคอที่พบบ่อย
กลุ่มโรคเกี่ยวกับกระดูกคอที่พบได้บ่อย มีดังนี้
- Computer Syndrome
พนักงานเงินเดือน หรือใครก็ตามที่ต้องนั่งทำงานบนโต๊ะทำงานเป็นกิจวัตรประจำวันต้องระวังร่างกายของคุณไว้ให้ดี เพราะไม่ช้า หรือเร็ว คุณจะต้องประสบกับอาการปวดต่าง ๆ อย่างแน่นอน หากไม่รู้จักบริหารร่างกาย จัด work station ให้ถูกต้อง และปรับเปลี่ยนท่านั่งให้ถูกต้องตั้งแต่วันนี้ไป
- โรคปวดเรื้อรังและปวดศีรษะ
คุณจะเกิดอาการปวดศีรษะไปจนถึงปวดท้ายทอย คุณจะรู้สึกหนักไปทั้งหัวและมีอาการตาพร่ามัว ปวดแน่นเบ้าตา และปวดเกร็งกล้ามเนื้อบริเวณดวงตาไปหมด
- กระดูกคอและกระดูกสันหลังเสื่อม
เมื่อกระดูกคอและหมอนรองกระดูกเสื่อมจะทำให้ไปกดทับเส้นประสาท คุณจึงมีอาการปวดคอหรือปวดหลัง แล้วร้าวไปที่แขนและขา โรคนี้ส่วนมากแล้วมักเกิดจากปัจจัยอายุเป็นหลัก กล่าวคือ เมื่อคุณมีอายุมากขึ้น ข้อต่อต่างๆ ระหว่างกระดูกคอแต่ละปล้องซึ่งรับแรงกระแทกมานาน ย่อมเกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างไป ส่งผลให้หมอนรองกระดูกสันหลังยุบและมีความยืดหยุ่นลดลง
- Text Neck Syndrome
โรคยอดฮิตที่อินกระแสยุคเทคโนโลยีตอนนี้สุด ๆ “สังคมก้มหน้า” คือ ต้นเหตุของ Syndrome นี้นั่นเอง ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ทั้งตามท้องถนน ร้านอาหาร รถไฟฟ้า หรือไม่ว่าที่ใดก็ตาม ผู้คนต่างก้มหน้าก้มตาเพ่งเล็งไปบนหน้าจอสี่เหลี่ยมบนโทรศัพท์มือถือกันแทบทั้งสิ้น ผลที่ตามมาคือ คุณจะมีอาการปวดเรื้อรังบริเวณต้นคอ บ่า ไหล่ บางรายอาจรู้สึกชา หรือร้าวจากคอไปจนถึงมือ บ้างก็มีอาการแขนและมืออ่อนแรง
โรคเกี่ยวกับกระดูกคอข้างต้นเหล่านี้ เป็นเพียงโรคเกี่ยวกับกระดูกคอส่วนหนึ่งเท่านั้นที่เกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตของเราเอง โดยเฉพาะผู้คนในยุคสมัยนี้ที่เสพติดการก้มมอง Gadgets ในมือเป็นประจำ หลายคนอาจคาดไม่ถึงว่า โรคเหล่านี้มีความร้ายแรงและสาหัสเพียงใด แต่เชื่อเถิดว่า มันจะทรมานและเป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิตของคุณอย่างมาก
ณ ตอนนี้ คุณอาจยังไม่มีอาการดังกล่าว เนื่องจากร่างกายของคุณยังสามารถพักตัวและฟื้นฟูได้ภายในเวลาอันสั้น แต่จงอย่าประมาท ลองถามตัวเองดูว่า ในหนึ่งวัน เราก้มหน้าและใช้เวลากับอุปกรณ์การสื่อสารทั้งหลายนี้กี่ชั่วโมง ถ้าคำตอบของคุณคือ มากกว่า 2 หรือ 3 ชั่วโมง (ซึ่งปราศจากการปรับเปลี่ยนท่านั่ง หรือท่าดู หรือไม่บริหารร่างกายเลย) คุณควรพิจารณาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมนั้นเสียก่อนที่จะลุกลามไปจนเกิดการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ เป็นโรคเกี่ยวกับกระดูกต้นคอในที่สุด