มีหลายคนพอกินของหวานเข้าไปแล้วก็เกิดอาการปวดฟันขึ้น อาจรู้สึกปวดจี๊ดๆเหมือนกับกินของเย็นทั้งๆที่ของหวานนั้นก็ไม่ได้เย็นเลยด้วยซ้ำ จึงมีความสงสัยว่าของหวานทำให้ปวดฟันได้จริงหรือไม่ และเพราะอะไรจึงเป็นเช่นนั้น ซึ่งความจริงก็คือ ?
ปวดฟันเกิดจากอะไร?
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจว่า การที่มีอาการปวดฟันจี๊ดๆเกิดขึ้นนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นเพราะว่า ฟันกำลังผุอยู่นั่นเอง และสาเหตุที่ทำให้ฟันผุก็คือ การที่มีเศษอาหารหรือคราบพลัคตกค้างตกค้างอยู่ที่บนฟันหรือตามซอกฟัน แล้วไม่ได้ทำความสะอาดฟันให้ดีพอ เมื่อนานวันเข้าเศษอาหารและคราบพลัคเหล่านี้ก็จะถูกย่อยสลายให้กลายเป็นกรดมากัดกร่อนเคลือบฟัน และยิ่งหากสะสมเศษอาหารแบบนี้เป็นประจำ เคลือบฟันก็จะถูกกัดกร่อนไปเรื่อย ๆ จนทะลุผ่านเนื้อฟัน ต่อไปยังชั้นโพรงประสาทฟัน ดังนั้นเมื่อฟันเจอของเย็นๆก็จะทำให้เกิดอาการปวดฟันจี๊ด ๆ ขึ้นได้
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
สำหรับของหวานเมื่อกินเข้าไปก็ทำให้ปวดฟันได้เช่นกัน ซึ่งสาเหตุก็เกิดจากเมื่อกินอาหารประเภทน้ำตาลเข้าไป น้ำลายจะทำการย่อยน้ำตาลให้กลายเป็นกรด และกรดจากการย่อยน้ำตาลที่ว่านี้เอง จะแทรกซึมไปยังเนื้อฟัน และประสาทฟัน จึงทำให้รู้สึกปวดฟันได้ และยิ่งฟันของใครผุมากๆอาจรู้สึกปวดฟันตุบ ๆ ไล่ไปตามแนวสันกราม และอาจลามไปปวดศีรษะเพิ่มขึ้น
สรุปแล้วอาการปวดฟันที่เกิดจากการกินน้ำเย็นและการกินของหวานก็เกิดจากฟันผุนี่เอง ซึ่งหากเพิกเฉยกับอาการปวดฟันโดยไม่มีการรักษา ต่อไปรากฟันอาจเกิดอาการอักเสบ บวม เป็นหนอง และสร้างความทรมานอย่างที่สุด การรักษาก็จะยิ่งยากขึ้น และยามที่กินของพวกนี้ก็จะปวดทรมานเกินบรรยาย
วิธีการแก้ปวดฟันเมื่อกินของหวาน
หากต้องการให้หายปวดก็ต้องหยุดรับประทานของหวานและอาหารที่มีปริมาณน้ำตาลสูง รวมไปถึงอาหารชนิดอื่น ๆ ที่สามารถไปกระตุ้นอาการปวดฟันได้ เช่น อาหารที่ร้อนจัด เย็นจัด และเมื่อรู้ตำแหน่งของฟันที่ปวดแล้ว ก็ควรหลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารด้วยฟันซี่นั้น ๆ แต่ถ้ารู้สึกปวดฟันจนทนไม่ไหว ก็ควรไปพบทันตแพทย์เพื่อทำการรักษาอาการปวดฟันต่อไป
วิธีป้องกันอาการปวดฟันเมื่อกินของหวาน
- ควรแปรงฟันหลังมื้ออาหารทุกครั้ง หรืออย่างน้อยก็ต้องบ้วนปากด้วยน้ำสะอาด หรือน้ำยาบ้วนปากหลังกินของหวานโดยทันที อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง เพราะคราบพลัคเกิดขึ้นได้ทุกวันและเมื่อสะสมมากๆฟันก็จะผุได้
- หากเป็นไปได้พยายามหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารรสหวาน หรือมีการใส่น้ำตาลในปริมาณสูง หรืออาหารที่มีความเย็นจัดร้อนจัด
- หากรู้สึกปวดที่ฟันซี่ไหน ให้พยายามย้ายข้างเคี้ยวอาหาร เพื่อจะได้ไม่ทำให้มีอาการปวดเพิ่มขึ้น
- ควรแปรงฟันให้สะอาดอย่างหมดจด อย่างน้อย 2 ครั้งต่อวัน
- ควรใช้ไหมขัดฟันทำความสะอาดฟันเป็นประจำ เพื่อจะได้ลดการสะสมของคราบพลัค อีกทั้งเป็นการกำจัดเศษอาหารที่ตกค้างอยู่ในซอกฟันซี่ต่าง ๆ โดยเฉพาะฟันซี่ในที่การแปรงฟันเข้าถึงยาก
กินยาพาราแก้ปวดฟันได้หรือไม่?
เพราะยาพาราเป็นเหมือนยาแก้ปวดครอบจักรวาล หลายคนจึงคาใจว่าจะแก้อาการปวดฟันด้วยยาพาราเซตามอลได้หรือไม่ ซึ่งคำตอบก็คือ ถ้ามีอาการปวดฟันเพียงเล็กน้อย หรือพึ่งเริ่มรู้สึกปวดฟัน อาจลองบรรเทาอาการปวดเบื้องต้นด้วยยาแก้ปวดพาราเซตามอลขนาด 500 มิลลิกรัม/เม็ดได้ ตามขนาดการใช้ยาที่ระบุไว้ที่ฉลาก และหากอาการปวดฟันดีขึ้น ก็สามารถหยุดยาได้
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
แต่หากอาการปวดฟันที่เป็นอยู่มีอาการรุนแรงมาก จนรู้สึกปวดฟันตุบ ๆ ลามไปปวดที่ศีรษะ แบบนี้ยาพาราเซตามอลอาจรักษาไม่ได้ อาจเปลี่ยนมาใช้ยาแก้ปวดชนิดแอสไพริน กรดมีเฟนนามิก หรือไอบูโพรเฟน แทน แต่ในการกินยาแก้ปวดเหล่านี้ ก็ต้องใช้อย่างระมัดระวังเป็นที่สุด หรือทางที่ดีควรไปร้านขายยาที่มีเภสัชกรหรือแพทย์เพื่อปรึกษาก่อนใช้ยาจะปลอดภัยกว่า แต่ถ้ายังไม่ดีขึ้นควรไปพบทันตแพทย์จะดีที่สุด
วิธีแก้ปวดฟันด้วยวิธีธรรมชาติ
วิธีที่ 1
- รีบแปรงฟัน หรือ แคะเอาเศษอาหารออก
- บ้วนปากด้วยน้ำสะอาด หลายๆ ครั้ง
- เอาน้ำดื่ม มาอมไว้ในปาก 2-3 นาทีแล้วบ้วนทิ้ง
- ทำซ้ำแบบเดิมหลายๆรอบ
วิธีที่ 2
อมบ้วนปากด้วยน้ำเกลืออุ่นๆทุกๆ 1 ชม . และนำมาอมกลั้วปากครั้งละ 1 นาที เพื่อทำให้ในช่องปากมีการ ไหลเวียนถ่ายเท เชื้อโรคที่มีอยู่จะได้ระบายไหลออกไป
วิธีที่ 3
ใช้น้ำแข็งประคบที่แก้มข้างที่ปวด อาจทำให้ทุเลาอาการปวดลงได้
เรื่องปวดฟันไม่ใช่เรื่องเล่นๆหากใครที่เคยปวดฟันมาแล้วก็จะรู้ เพราะมันสุดแสนทรมานมาก ฉะนั้นหากไม่อยากเจอกับอาการปวดเช่นนั้นอีก ก็ควรรักษาสุขภาพช่องปากของตัวเองให้ดี และหากมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องฟันก็ควรที่จะไปพบทันตแพทย์ทันทีเพื่อรับการรักษาต่อไป