กีฬาในเด็กนั้นมีการแข่งขันมากกว่าปกติเสมอ ซึ่งทำให้คุณรู้สึกได้อย่างง่ายดายว่าอะไรก็ตามที่เกินจากอายุห้าขวบนั้น “สายเกินไป” ที่จะเริ่ม เด็กเล่นแข่งขันกันตั้งแต่อายุยังน้อย และเลือกกีฬาเพียงชนิดเดียวเพื่อฝึกให้ชำนาญเร็วกว่า ดังนั้น ลูกของคุณจะประสบความสำเร็จหรือสนุกหรือเปล่าถ้าเพื่อนร่วมทีมของลูกเล่นกีฬานี้มาหลายปีแล้ว ?
ต้องสายแค่ไหนจึงจะเรียกว่าสายไปจริง ๆ ?
นั่นขึ้นอยู่กับว่าเป้าหมายของลูกของคุณคืออะไร หากเขาแค่อยากลองกีฬาใหม่ ๆ หรือเล่นเพื่อความสนุก ก็ไม่มีทางที่จะสายเกินไป อย่างไรก็ตาม การลองเป็นวิธีการทายว่าเราจะชอบหรือไม่ การช่วยให้ลูกของคุณได้เล่นกีฬาที่เขาชอบนั้นสำคัญต่อสุขภาพของเขาในระยะยาว และสำคัญกว่าการทำให้เขาเข้าทีมระดับสูงได้หรือได้ทุนมหาวิทยาลัย มองหาโปรแกรมการสอน (หรือการแข่งขัน) ชั้นเรียน หรือสมาคมนักกีฬาดู คุณอาจพิจารณาจ้างนักเรียนม.ปลายเพื่อมาสอนตัวต่อตัวหรือสอนเป็นกลุ่มย่อยเพื่อให้ลูกของคุณได้ลองกีฬาที่เขาอยากลอง
ในอีกทางหนึ่ง ลูกของคุณมุ่งเป้าไปยังตำแหน่งในทีมระดับบนของกีฬาที่ได้รับความนิยมมากอย่างเช่น ฟุตบอล บาสเกตบอล วอลเล่ย์บอล หรือเบสบอลหรือเปล่า ? ในกรณีนั้น การเริ่มเล่นกีฬาดังกล่าวเป็นครั้งแรกเมื่ออายุ 12 หรือ 10 หรือแม้แต่ 8 ปี ก็อาจจะสายเกินไป ซึ่งขึ้นอยู่กับทางเลือกที่มีอยู่ในชุมชนของคุณ เด็กที่ขยัน มีความกระตือรือร้น และมีพรสวรรค์สำหรับกีฬาดังกล่าวยังถีบตัวขึ้นมาเป็นอันดับต้น ๆ ได้ แต่มันอาจะเป็นประสบการณ์ที่ท้าทายและทำให้ท้อแท้ได้ ไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม ผู้ฝึกสอนและแม้แต่เพื่อนรวมทีมมักจะให้รางวัลผู้เล่นที่เริ่มเล่นเร็วและเชี่ยวชาญตั้งแต่อายุยังน้อย
ช่วยให้เด็กที่เริ่มช้าประสบความสำเร็จ
การเริ่มเร็วไม่ได้รับประกันความสำเร็จ และการเริ่มช้าก็ไม่ได้ขัดขวางการพัฒนา มีบางขั้นตอนที่คุณต้องทำเพื่อเพิ่มประสบการณ์ให้กับลูกของคุณหากเธอเริ่มเล่นกีฬาช้า
หากการเล่นในระดับสูงเป็นความฝันของเธอ เธออาจพิจารณากีฬาที่เป็นที่นิยมน้อยกว่า เช่น กอล์ฟ พายเรือ หรือการวิ่งระยะยาว (ถึงแม้ว่าระดับของความนิยมและความต้องการจะหลากหลายไปตามแต่ละชุมชน) หรือมองหากีฬาที่เธอสามารถแข่งกับตัวเองแทนที่จะต้องฝ่าฟันเพื่อเข้าร่วมทีมเช่น ศิลปะการป้องกันตัวหรือสเก็ตลีลา
ก่อนที่ลูกของคุณจะเข้าร่วมหรือลองเข้าทีม นั่งคุยกับลูกอย่างตรงไปตรงมาก่อนว่าลูกอาจต้องเจอกับประสบการณ์อะไรบ้าง น่าเศร้าที่เด็กคนอื่นอาจไม่ยินดีต้อนรับ หรือแม้แต่ข่มขู่เด็กใหม่โดยสิ้นเชิง โชคไม่ดีที่พ่อแม่และผู้ฝึกสอนยอมรับพฤติกรรมดังกล่าว แต่การเตรียมพร้อมรับมือล่วงหน้าอาจช่วยในการตอบสนองของลูกได้ ลองใช้บทบาทสมมติและคำถาม “ถ้า...แล้ว” อื่น ๆ หากลูกของคุณมีเพื่อนที่อยู่ในทีมอยู่แล้วก็อาจช่วยได้ และหากคุณมีตัวเลือกของผู้ฝึกสอน ทีม หรือสมาคมกีฬา มองหาผู้ที่เน้นการพัฒนาทักษะและความเป็นนักกีฬาแทนที่จะทำอย่างไรก็ได้เพื่อให้ชนะ
เมื่อลูกของคุณเริ่มเล่นกีฬาชนิดใหม่แล้ว สนับสนุนให้ลูกภูมิใจในตัวเองโดยการชมเชยความขยันและความกล้าหาญของเธอ
จัดหาผู้ฝึกสอนพิเศษและเวลาฝึกหากคุณสามารถทำได้ เน้นย้ำความพยายามและความมุ่งมั่นของลูกมากกว่าคะแนนที่เธอทำได้หรือผลที่ได้ ช่วยให้ลูกจัดการกับความผิดหวังด้วยความละเอียดอ่อน และขอความช่วยเหลือจากผู้ฝึกสอนหากคุณต้องการ ทำสิ่งที่คุณทำได้เพื่อช่วยให้เธอก้าวหน้า และปล่อยให้ความกระตือรือร้นของลูกต่อกีฬาที่เลือกร่ายเวทมนตร์ ขอให้คุณและนักกีฬาของคุณโชคดี !