ฉันควรขอย้ายห้องเรียนให้กับลูกหรือไม่ ?

จะทำอย่างไรหากคุณกังวลเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมในห้องเรียนชั้นก่อนวัยเรียนของลูก
เผยแพร่ครั้งแรก 19 ก.ค. 2017 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 2 นาที
ฉันควรขอย้ายห้องเรียนให้กับลูกหรือไม่ ?

ฉันควรจะขอย้ายลูกของฉันให้ไปเรียนอีกห้องหนึ่งหรือไม่ ? 

ลูกสาวของฉันอายุ 4 ขวบและกำลังเรียนอยู่ในชั้นเตรียมอนุบาล 2 เมื่อปีที่แล้วมันดีมาก เธอมีเพื่อนหลายคน ได้เรียนรู้เรื่องราวดี ๆ หลายเรื่องและสนุกกับการไปโรงเรียน แต่พอมาปีนี้มันเป็นคนละเรื่องเลย มีหลายเหตุผลที่ทำให้เธอไม่สามารถปรับตัวเข้ากับห้องเรียนใหม่ได้ เช่น มีการล้อเลียนกัน (ซึ่งตอนนี้จัดการเรื่องนี้ได้แล้ว) และฉันเองก็รู้สึกว่าเธอเข้ากับคุณครูของเธอไม่ค่อยได้ คุณครูดูน่ารักและใจดีแต่ฉันคิดว่าเธออาจจะไม่สามารถเข้ากับลูกของฉันได้ดีเท่าที่ควร เธอดูแข็งทื่อเกินไปสำหรับเด็ก ๆ และฉันคิดว่าลูกของฉันน่าจะทำได้ดีกว่านี้หากได้เรียนกับคนที่อ่อนโยนกับเธอ ลูกของฉันเริ่มมีอาการหวาดระแวงเวลาต้องแยกจากฉันและมันทำให้ฉันทรมาน ฉันต้องการให้เธอย้ายห้องเรียนแต่ฉันก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นการแก้ปัญหาที่ถูกจุดหรือไม่ ? ฉันควรทำอย่างไร ? 

ระยะเวลาเป็นสิ่งสำคัญ

คุณไม่ได้กล่าวถึงว่าตอนนี้โรงเรียนเปิดเทอมไปนานเท่าไหร่แล้วซึ่งนั่นเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญ การเปลี่ยนแปลงในช่วงกลางปีจะทำให้เกิดปัญหาหลายอย่าง เพราะคุณต้องทราบด้วยว่าคุณครูไม่ใช่คนเดียวที่ลูกของคุณมีปฏิสัมพันธ์ด้วยเวลาไปโรงเรียน ณ ตอนนี้ลูกของคุณอาจจะมีเพื่อนเยอะแล้ว และการย้ายห้องก็อาจจะเป็นเรื่องที่ทำร้ายจิตใจลูกของคุณ ฉันไม่ได้บอกว่าไม่ให้คุณย้ายห้องแต่คุณแค่จะต้องชั่งระหว่างทางเลือกต่าง ๆ ที่คุณมี 

ก่อนที่จะตัดสินใจใดๆ คุณได้ลองพูดคุยกับคุณครูแล้วหรือยัง ? 

คุณอาจจะรู้สึกไม่ค่อยสบายใจแต่การนัดพบเพื่อพูดคุยกับคุณครูอย่างจริงจังก่อนหรือหลังเลิกเรียนน่าจะช่วยลดความกังวลของคุณได้ อย่าชี้หน้าหรือกล่าวหาครูทันทีแต่ให้สรุปเหตุการณ์ที่คุณได้เล่ามาทั้งหมด: ปีที่แล้วลูกของคุณชอบมาโรงเรียนแต่ปีนี้ไม่ คุณรู้เรื่องที่มีการล้อเลียนกันซึ่งอาจจะเป็นส่วนหนึ่งของความเครียดที่เกิดขึ้น และคุณกังวลว่ามันอาจจะมีอะไรมากกว่านี้ 

ลองฟังสิ่งที่คุณครูพูด เธออาจจะบอกว่าลูกของคุณทำได้ดีหรืออาจจะเห็นด้วยว่าเธอกำลังมีปัญหา และลองดูว่าคุณทั้งสองคนสามารถร่วมกันวางแผนหาวิธีการแก้ปัญหาเพื่อช่วยให้เธอปรับตัวได้ดีขึ้นหรือไม่ 

หากหลังจากการพูดคุยครั้งนี้แล้วคุณยังรู้สึกไม่สบายใจ ลองติดต่อผู้อำนวยการหรืออาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนว่าพอจะเป็นไปได้หรือไม่ในการขอย้ายห้องหรือเปลี่ยนคุณครู 

คุณจะต้องเตรียมตัวสำหรับการตอบคำถามจำนวนมากเพื่อที่จะสนับสนุนว่าทำไมการย้ายห้องเรียนจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด อย่าลืมว่าการย้ายห้องนั้นไม่ได้ส่งผลต่อคุณเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อสมดุลในห้องเรียนของทั้งโรงเรียน ดังนั้นอาจารย์ใหญ่อาจจะยังคงลังเลไม่ว่าคุณจะยกเหตุผลใดมาพูดก็ตาม 

หาทางออกร่วมกับครู

อย่าโทษว่าเป็นความผิดของครูหรือเตรียมมาเฉพาะคำวิจารณ์ คุณควรจะเริ่มต้นง่าย ๆ ว่า “ฉันรู้สึกว่าลูกของฉันน่าจะทำได้ดีขึ้นหากอยู่ในห้องเรียนที่มีวิธีการสอนที่แตกต่างออกไป” ก็เพียงพอที่จะบอกแล้ว หากอาจารย์ใหญ่กดดันคุณและคุณมีเรื่องราวที่ชัดเจน คุณก็สามารถแจ้งได้ แต่อย่าทำให้การพูดคุยนั้นเป็นการต่อว่าคุณครูแต่เพียงอย่างเดียว หากอาจารย์ใหญ่กล่าวว่าเธอจะลองดูว่าสามารถทำอะไรให้ได้บ้าง ก็ควรระบุวันที่แน่นอน ยิ่งคุณสามารถย้ายห้องเรียนได้เร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีขึ้นเท่านั้น เนื่องจากลูกของคุณจะได้มีเวลาในการปรับตัวเข้ากับห้องเรียนใหม่ได้นานขึ้น 

หากอาจารย์ใหญ่หรือผู้อำนวยการตกลงที่จะย้ายห้อง คุณก็ควรอธิบายถึงสถานการณ์ดังกล่าวให้ลูกของคุณฟังอย่างระมัดระวัง แม้ว่าคุณจะมั่นใจว่าการย้ายห้องจะเป็นเรื่องดีสำหรับเธอ แต่ก็ควรเข้าใจว่าเธออาจจะรู้สึกกังวลเกี่ยวกับมัน 

คุณควรยืนยันว่าเธอไม่ได้ทำอะไรผิดและเธอจะยังได้มีเพื่อนใหม่ ๆ ที่ห้องเรียนใหม่และมีความสุขกับการไปโรงเรียน 

หากไม่สามารถย้ายห้องเรียนได้ ก็แสดงว่านี่เป็นสิ่งที่คุณจะต้องทนอยู่ต่อไปอีกหลายเดือนและทำมันให้ดีที่สุด อย่าต่อว่าโรงเรียนหรือครูต่อหน้าลูก เพราะมันจะยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลง ลองหาวิธีการเป็นอาสาสมัครในห้องเรียนหรือทำงานที่เกี่ยวกับห้องเรียน และสังเกตสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตลอดเวลา หากมีเหตุการณ์ใหม่เกิดขึ้นหรือว่าลูกของคุณยังคงไม่มีความสุข อย่าลังเลที่จะนำเรื่องนี้ขึ้นมาพูดอีกครั้ง


2 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
Lisa Linnell-Olsen , What to Do When Your Child Gets a Bad Teacher (https://www.verywellfamily.com/what-to-do-about-a-bad-teacher-4019662)
Jennifer Shroff Pendley, Preparing Your Child for a Move (https://kidshealth.org/en/parents/move.html)

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

บทความต่อไป
การช่วยเหลือนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ให้ประสบความสำเร็จที่โรงเรียน
การช่วยเหลือนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ให้ประสบความสำเร็จที่โรงเรียน

8 ขั้นตอนต่อไปนี้เป็นกุญแจที่จะช่วยให้ผู้สอนสามารถช่วยเหลือนักเรียนให้ประสบความสำเร็จ

อ่านเพิ่ม