การวัดจำนวนเซลล์เม็ดเลือดแดงมักจะวัดกันด้วยจำนวนที่มีในปริมาตรของน้ำเลือดขนาด 1 ลูกบาศก์มิลลิเมตรและมีรายละเอียดดังนี้
1. รูปแบบ
การแสดงจำนวนเซลล์เม็ดเลือดแดงมันจะเขียนว่า
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
RBC count...........million/cu.mm. |
หรือเป็นตัวเลขค่าเดียวกันกับ
RBC count............. 106/ µL |
หมายเหตุ คำว่า RBC count คือ red blood cell count ซึ่งมีความหมายตรงตัวว่าจำนวนนับเซลล์เม็ดเลือดแดง
2. ค่าปกติ RBC count
ค่าปกติของ RBC count อาจมีความแตกต่างกันได้ตามเกณฑ์อายุและเพศดังนี้
- ชาย = 4.2 - 5.4 106/ µL
- หญิง = 3.6 - 5.0 106/ µL
- เด็ก = 4.6 - 4.8 106/ µL
3. ค่า RBC count สูงกว่าเกณฑ์ปกติ
สาเหตุ
อาจเกิดจากสาเหตุ ดังนี้...
- ร่างกายขาดน้ำก็ย่อมมีผลทำให้มีจำนวนเซลล์เม็ดเลือดแดงต่อปริมาตรน้ำเลือด 1 ลูกบาศก์มิลลิเมตรมีระดับสูงขึ้นหรือแปลว่าน้ำเลือดข้นขึ้น
- ร่างกายอาจขาดออกซิเจนเช่นการอยู่ในที่สูงเช่นอยู่บนยอด ภูเขาเป็นเวลานานเพราะความบางหรือความจางของออกซิเจนก็จะทำให้ร่างกายได้ออกซิเจนไม่พอใช้จึงผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดงเพิ่มจำนวนขึ้นมากกว่าปกติ เพื่อนำออกซิเจนไปเลี้ยงให้ทั่วทุกเซลล์ในร่างกายอย่างเพียงพอให้จงได้ อาการที่ร่างกายได้ออกซิเจนน้อยกว่าปกติ ไม่ว่ากรณีใดเช่นนี้. มีศัพท์เรียกเป็นการเฉพาะว่า ไฮป๊อกเซีย (hypoxia)
- อาจจะเกิดจากโรคเลือดที่ผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดงมากเกินปกติ มีศัพท์แพทย์เรียกโรคชนิดนี้ว่า "polycythemia vera"
การแก้ไขขั้นต้น
- ในกรณีร่างกายขาดน้ำ ก็จำเป็นต้องรีบดื่มน้ำเพื่อให้ร่างกายมีเลือดที่ลดความเข้มข้นลงหรือในกรณีที่อยู่ในที่สูงซึ่งขาดออกซิเจนอย่างผิดปกติก็ควรกลับลงมาจากที่สูงนั้นในไม่ช้าไม่นานร่างกายก็จะคืนกลับสู่สภาพที่สมดุล เซลล์เม็ดเลือดแดงก็จะลดจำนวนลงสู่ระดับปกติ
- ในกรณีอย่างนี้ ประชาชนในประเทศภูฏานซึ่งอยู่ในดินแดนที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลมากจึงย่อมมีออกซิเจนเบาบางแต่ร่างกายของผู้คนในประเทศนี้นั้นจะเคยชินกับสภาวการณ์เช่นนั้นมาตั้งแต่ลืมตาดูโลกในการนี้ย่อมถือว่าเป็นเรื่องปกติ แปลว่าองค์พระราชาธิบดีจิกมีและประชากรของพระองค์ย่อมไม่เกิดอาการไฮป๊อกเซีย และการมีเซลล์เม็ดเลือดแดงสูงก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติหรืออาการผิดปกติแต่อย่างใด
- สำหรับร่างกายของผู้ใดที่เริ่มเกิดมีเม็ดเลือดแดงสูงขึ้นอย่างผิดปกติต่อเนื่อง จนอาจเป็นเหตุทำให้โรคเม็ดเลือดคั่งเรื้อรังที่ปอด (chronic obstructive lung disease) หรือโรคหัวใจล้มเหลวเพราะเลือดคั่ง (congestive heart failure) ซึ่งหลวงมีอันตรายถึงชีวิตจึงจำเป็นต้องได้รับการตรวจและรักษาจากแพทย์โดยไม่ชักช้าและไม่ควรละเลยเป็นอันขาด
นี่คือประโยชน์จากการเจาะเลือดตรวจค่า CBC
4. ค่า RBC count ต่ำกว่าเกณฑ์ปกติ
สาเหตุ
- อาจเกิดสภาวะโลหิตจาง(anemia) ย่อมแสดงอาการซีดเซียว อ่อนเพลีย หายใจสั้นถี่ หมดเรี่ยวแรง
- สาเหตุสำคัญส่วนหนึ่งอาจถ่ายทอดมาจากกรรมพันธุ์หรือเกิดจากไขกระดูก (bone marrow) ซึ่งเซลล์ตัวอ่อนของเม็ดเลือดแดงมาน้อยเกินไปนับเป็นโรคเลือดอีกชนิดหนึ่งที่เรียกว่า "erythroblastopenia"
- สำหรับบางคนสภาวะเม็ดเลือดแดงมีจำนวนต่ำกว่าปกติอาจเกิดขึ้นภายหลังจากการรักษาโรคอื่นด้วยยาบางชนิด หรือรังสีบำบัด (radiation therapy)จนอาจทำให้ไปยับยั้งฮอร์โมนสำคัญตัวหนึ่งจากไปชื่อ "อีรินโธรปอยเอติน" (erythropoietin) ซึ่งมีหน้าที่ปกติให้ต้องไปกระตุ้นไขกระดูกเพื่อผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดงโดยต่อเนื่องเมื่อฮอร์โมนตัวนี้ถูกยับยั้งก็ย่อมมีผลทำให้เซลล์เม็ดเลือดแดงมีจำนวนลดต่ำลง
- ในบางกรณีที่เซลล์เม็ดเลือดแดงลดจำนวนลงจากเดิมที่เคยมีอยู่ในระดับปกติโดยไม่ได้รับยาหรือรังสีบำบัดใดใดก็อาจมีข้อสันนิษฐานว่าอาจเกิดจากโรคไต (kidney disease) อย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ที่เป็นสาเหตุทำให้ส่งฮอร์โมนอีริทโธรปอยเอติน ไปกระตุ้นไขกระดูกได้น้อยกว่าปกติ โดยเหตุนี้เซลล์เม็ดเลือดแดงจึงถูกผลิตออกมาได้น้อยจนตรวจพบได้
สรุปว่าหากตรวจพบว่า เลือดมีจำนวนเซลล์เม็ดเลือดแดงต่ำกว่าปกติ ก็โปรดอย่าได้มองข้ามโรคไต ซึ่งถือเป็นเรื่องที่สำคัญด้วยเหมือนกัน นอกจากที่กล่าวในข้อที่ผ่านมาแล้วอาจเกิดจากการเสียเลือด (bleeding) หรือเกิดจากโรคมะเร็งไขกระดูก (bone marrow malignancy) หรือเม็ดเลือดแดงอาจถูกทำลายจากภูมิต้านทาน (antibodies) โรคใดโรคหนึ่งก็ได้
การแก้ไขขั้นต้น
- สำหรับกรณีตามข้อ 4 สาเหตุที่ 3 เมื่อหยุดการรับยาหรือการรับรังสีบำบัดเมื่อใด ฮอร์โมนอีริทโธรปอยเอติน มันก็ควรเริ่มกลับไปทำหน้าที่กระตุ้นไขกระดูกตามปกติเมื่อนั้นเซลล์เม็ดเลือดแดงก็น่าจะเพิ่มจำนวนขึ้นสู่ระดับปกติ
- จำนวนเซลล์เม็ดเลือดแดงส่วนมากอาจมีขนาดเล็กหรือใหญ่กว่าเกณฑ์ปกติในบางกรณีอาจเกิดจากการขาดแร่ธาตุหรือสารอาหารบางอย่างในร่างกายก็ได้กล่าวคือ หากมีแต่เซลล์เม็ดเลือดแดงขนาดเล็กอาจเกิดจากการขาดธาตุเหล็ก หากมีแต่เซลล์เม็ดเลือดแดงขนาดใหญ่อาจเกิดจากการขาดวิตามินบี 12 และ/หรือกรดฟอริก (folic acid) สำหรับกรณีการมีแต่จำนวนของเซลล์เม็ดเลือดแดงขนาดใหญ่เกินขนาดนั้นอาจก่อให้เกิดโรคเรื่องร้ายแรงอย่างหนึ่งที่เรียกว่า "pernicious anemia" (โรคโลหิตจางชนิดร้ายแรง)
- สำหรับกรณีอื่นนั้นคงจำเป็นต้องให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญท่านตรวจและรักษาตามอาการและสาเหตุต่อไป