สาวๆ ที่กำลังลุ้นจะเป็นคุณแม่มือใหม่ พอพบว่าประจำเดือนขาดไปหลายวันอาจรีบวิ่งเข้าร้านขายยาไปหาซื้อชุดตรวจครรภ์มาทดสอบ แต่ผลตรวจออกมากลับบอกว่าเราไม่ท้องซะนี่...มีโอกาสมากแค่ไหนนะ ที่เราจะท้องแต่ชุดทดสอบดันตรวจไม่เจอ?
ชุดทดสอบครรภ์คืออะไร?
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับ ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ กันก่อน หลักการที่นิยมใช้คือการตรวจหาฮอร์โมน Human Chorionic Gonadotropin หรือ HCG ในปัสสาวะ ซึ่งจะตรวจพบได้ในหญิงที่ตั้งครรภ์เท่านั้น เจ้าชุดทดสอบนี้มีความแม่นยำถึง 95% แต่ข้อจำกัดคือเราต้องมีอายุครรภ์ 1-2 สัปดาห์ หรือ 7-10 วันขึ้นไป ระดับฮอร์โมน HCG จึงจะมากพอให้ตรวจพบได้ ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ที่มีขายทั่วไป มีทั้งแบบหยดและแบบจุ่ม ซึ่งหลักการกับความแม่นยำไม่ต่างกันนัก และใช้ปัสสาวะในการตรวจเหมือนกัน
ดูชุดตรวจครรภ์อย่างไรว่าท้องหรือไม่ท้อง?
ชุดทดสอบจะมีแถบตัวอักษร 2 แถบ คือ C ซึ่งย่อมาจาก Control และ T ซึ่งย่อมากจาก Test หากเราจุ่มหรือหยดปัสสาวะลงไปแล้วปรากฏขีด 2 ขีด ทั้งแถบ C และ T นั่นแสดงว่ามีการตั้งครรภ์ แต่หากมีเพียง 1 ขีดขึ้นที่แถบ C ก็แสดงว่าไม่ได้ตั้งครรภ์ หรือที่คนทั่วไปมักจำกันมาว่า
- 2 ขีด = ท้อง
- 1 ขีด = ไม่ท้อง
สาเหตุที่ตั้งครรภ์แต่ตรวจไม่พบมีอะไรบ้าง?
1. อายุครรภ์ไม่มากพอ
ชุดทดสอบจะตรวจพบการตั้งครรภ์ได้เมื่อมีอายุครรภ์เกินกว่า 1-2 สัปดาห์ ดังนั้น หากอายุครรภ์ยังไม่ครบสัปดาห์ โอกาสจะตรวจไม่เจอนั้นสูงมาก ทางที่ดีควรตรวจซ้ำในสัปดาห์ถัดไปจึงจะให้ผลที่แน่นอนได้
2. ปัสสาวะเจือจางเกินไป
ปัสสาวะที่เหมาะสมสำหรับการทดสอบควรมีความเข้มข้นมากพอ เช่น เป็นปัสสาวะที่เก็บตอนเช้าหลังตื่นนอน หากเก็บปัสสาวะหลังจากดื่มน้ำมากๆ ปัสสาวะที่ได้จะเจือจาง ยิ่งถ้าอายุครรภ์ยังไม่มากด้วยแล้ว ก็มีโอกาสตรวจไม่เจอได้เหมือนกัน
3. ปัสสาวะเก็บไว้นานเกินไป
ตามจริงแล้ว ปัสสาวะที่เอามาตรวจควรเป็นปัสสาวะที่เก็บใหม่ๆ แต่หากมีเหตุที่ทำให้ต้องเก็บค้างไว้นานแล้วค่อยเอามาตรวจทีหลัง โอกาสที่ผลตรวจจะผิดพลาดก็มีมากขึ้น เนื่องจากฮอร์โมน HCG ที่ต้องการตรวจอาจเสื่อมสภาพ หรือมีสารรบกวนเจือปนมาในปัสสาวะได้
4. ชุดทดสอบเสื่อมคุณภาพ
หลายๆ ครั้ง ชุดทดสอบที่เสื่อมคุณภาพก็ทำให้ผลตรวจผิดพลาดได้ ดังนั้น ก่อนตรวจให้เชคก่อนว่าชุดทดสอบนั้นหมดอายุหรือไม่ ที่ซองมีรอยฉีกขาด หรือเก็บไว้ในที่ที่มีความชื้นหรือเปล่า ข้อสังเกตอีกอย่างหนึ่งคือ ในการตรวจทุกครั้ง จะต้องปรากฏขีดที่แถบ C เสมอ หากตรวจแล้วพบว่ามีขีดขึ้นขีดเดียวที่แถบ T นั่นไม่ได้หมายความว่าเราไม่ท้อง แต่เป็นเพราะชุดทดสอบนั้นเสื่อมคุณภาพแล้วต่างหาก
5. ไม่ปฏิบัติตามคู่มือของชุดทดสอบ
ชุดทดสอบแต่ละแบบ แต่ละยี่ห้อ จะมีวิธีการใช้ระบุไว้ ซึ่งเราต้องทำตามอย่างเคร่งครัด เช่น ชุดทดสอบแบบจุ่ม ต้องจุ่มไม่ให้เกินขีดที่กำหนด ไม่เช่นนั้นจะอ่านผลไม่ได้ ส่วนชุดทดสอบแบบหยด ต้องหยดปัสสาวะ 3-5 หยด ตามที่กำหนดไว้ หากหยดน้อยเกินไปก็อาจทำให้ตรวจไม่พบ นี่รวมถึงเวลาในการอ่านผลด้วย บางชุดทดสอบจะกำหนดให้อ่านผลภายใน 5-10 นาที หลังหยดหรือจุ่มปัสสาวะ หากเราอ่านผลเร็วหรือช้าเกินไป ก็อาจได้ผลที่ไม่ถูกต้องได้
ข้อแนะนำอีกข้อหนึ่งในการตรวจครรภ์ด้วยตนเอง คือควรตรวจด้วยชุดทดสอบการตั้งครรภ์มากกว่า 1 ยี่ห้อในแต่ละครั้ง เพื่อเปรียบเทียบผลที่ได้ว่าต่างกันหรือไม่ และหากตรวจพบว่าไม่ท้อง ก็ควรตรวจซ้ำอีกครั้งในสัปดาห์ถัดไป เพื่อยืนยันผลที่แน่ชัด