อาการปวดที่เท้า

เผยแพร่ครั้งแรก 24 ต.ค. 2018 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 2 นาที
อาการปวดที่เท้า

เท้านั้นไม่ได้ประกอบขึ้นจากกระดูกและกล้ามเนื้อเท่านั้น แต่ยังมีเส้นเอ็นอีกด้วย แต่ละส่วนนั้นทำหน้าที่แบกน้ำหนักของร่างกายทั้งหมดไว้ตลอดทั้งวัน ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะพบอาการปวดเท้าได้ค่อนข้างบ่อย

บางครั้งอาจจะรู้สึกปวดที่หลังเท้าเวลาที่เดินหรือแม้แต่เวลาทียืนนิ่งๆ อาการปวดนั้นอาจจะไม่รุนแรงหรืออาจจะรุนแรงก็ได้ขึ้นกับสาเหตุและการบาดเจ็บที่อาจจะเกิดขึ้น

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ตรวจกระดูกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 534 บาท ลดสูงสุด 61%

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!

สาเหตุ

อาการปวดที่หลังเท้านั้นอาจจะเกิดจากหลายสาเหตุ สาเหตุที่พบบ่อยก็คือการใช้ทำกิจกรรมมากเกินไปเช่นการวิ่ง กระโดดหรือเตะ

ภาวะที่เกิดจากการใช้งานเท้ามากเกินไปประกอบด้วย

Extensor tendonitis เกิดจากการใช้งานที่มากเกินไปหรือใส่รองเท้าที่คับเกินไป เส้นเอ็นที่ตลอดด้านหลังเท้าและทำหน้าที่ทำให้เท้าตั้งขึ้นนั้นจะเกิดการอักเสบและเจ็บได้

Sinus tarsi syndrome เป็นภาวะที่พบได้น้อย เป็นการอักเสบของ sinus tarsi ซึ่งเป็นช่องที่พบระหว่างส้นเท้าและกระดูกของข้อเท้า ภาวะนี้จะทำให้เกิดอาการปวดที่หลังเท้าและข้อเท้าด้านนอก

กระดูกเท้าหักจากแรงที่กระทำต่อกระดูก อาการปวดนั้นอาจจะเกิดจากกระดูกที่อยู่ในตำแหน่งดังกล่าว และมักจะทำให้มีอาการบวม

สาเหตุอื่นๆ ที่ทำให้เกิดอาการปวดที่หลังเท้าประกอบด้วย

  • เกาต์ เป็นการปวดที่รุนแรงขึ้นอย่างฉับพลันที่ข้อบริเวณโคนนิ้วหัวแม่โป้ง
  • Bone spurs เป็นการเจริญเติบโตรอบๆ ข้อต่อในข้อในเท้าข้างๆ กับหัวแม่โป้งที่ทำให้ปวดได้
  • Peripheral neuropathy ซึ่งทำให้เกิดอาการปวด หรือชาที่อาจจะลามจากเท้าไปยังขาได้
  • Common peroneal nerve dysfunction เป็นการทำงานของเส้นประสาทสาขาของ sciatic nerve ที่ผิดปกติและทำให้เกิดอาการปวดและแปล๊บที่หลังเท้าได้รวมถึงทำให้เท้าหรือขาส่วนล่างอ่อนแรง

การวินิจฉัย

หากคุณมีอาการปวดที่เท้าเรื้อรังนานกว่า 1 สัปดาห์แม้ว่าจะพยายามรักษาเองที่บ้านแล้ว คุณควรไปพบแพทย์ รวมถึงหากมีอาการรุนแรงที่ทำให้คุณเดินไม่ได้ หรือมีอาการปวดแสบ ชา หรือแปล๊บที่บริเวณเท้าข้างที่มีอาการ

แพทย์จะทำการสอบถามอาการที่เกิดขึ้นและเหตุการณ์ที่อาจจะทำให้เกิดการบาดเจ็บที่เท้า รวมถึงถามกิจกรรมทางกายและการได้รับบาดเจ็บที่เท้าหรือข้อเท้าในอดีต

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

ก่อนที่จะทำการตรวจเท้า โดยอาจจะกดตามตำแนหน่งต่างๆ บนเท้าเพื่อหาตำแหน่งที่เจ็บ และอาจจะให้คุณเดินและทำท่าต่างๆ เช่นการบิดเท้าเพื่อประเมินความสามารถในการเคลื่อนไหวของข้อ

ในการตรวจภาวะ extensor tendonitis แพทย์จะให้คุณกดเท้าลง และออกแรงต้านกับมือแพทย์ที่พยายามจะดันขึ้น หากคุณรู้สึกปวด แสดงว่าอาจจะเกิดจากภาวะนี้

หากแพทย์สงสัยว่าคุณอาจจะมีกระดูกหัก หรือ bone spurs ก็จะมีการส่งตรวจเอกซเรย์ของเท้า

แพทย์อาจจะส่งตรวจเพิ่มเติมดังต่อไปนี้

  • ตรวจเลือดเพื่อวินิจฉัยโรคเกาต์
  • ตรวจเอกซเรย์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเพื่อดูความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเส้นประสาท peroneal

การรักษา

เนื่องจากเท้าของเรานั้นต้องรับน้ำหนักทั้งหมดของร่างกาย ดังนั้นการบาดเจ็บแม้เพียงเล็กน้อยก็อาจจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้หากไม่ได้รับการรักษา

การรักษานั้นจะขึ้นกับสาเหตุที่ทำให้เกิดโรค และอาจจะประกอบด้วย

  • การทำกายภาพบำบัด ซึ่งสามารถรักษาภาวะต่างๆ เช่น peripheral neuropathy, extensor tendonitis และเส้นประสาท peroneal ที่ถูกทำลายได้
  • การใส่เฝือกสำหรับการบาดเจ็บเช่นกระดูกหัก
  • การใช้ยาแก้อักเสบ ซึ่งจะช่วยลดการอักเสบและรวมถึงการอักเสบจากโรคเกาต์

การรักษาที่บ้าน

การรักษาที่บ้านนั้นจะช่วยลดอาการปวดที่เท้าได้จากหลายสาเหตุ โดยเริ่มจากการพักการใช้งานให้ได้มากที่สุด และอาจจะประคบเย็นที่บริเวณที่มีอาการครั้งละ 20 นาที เวลาที่ต้องเดิน ให้ใส่รองเท้าที่ช่วยรองรับเท้าและมีขนาดที่พอดีและไม่คับเกินไป

ผลลัพธ์

อาการปวดที่หลังเท้าส่วนมากนั้นสามารถรักษาให้หายได้ แต่ต้องรีบรักษาก่อนที่จะมีอาการปวดรุนแรง หากคุณมีอาการปวด ควรหลีกเลี่ยงการลงน้ำหนักที่เท้าให้ได้มากที่สุดอย่างน้อย 5 วันและประคบเย็นครั้งละไม่เกิน 20 นาที หากไม่ดีขึ้นภายใน 5 วันควรไปพบแพทย์


7 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
Sprains, strains, and other soft-tissue injuries. (2015, July) (http://orthoinfo.aaos.org/topic.cfm?topic=a00111)
Lisfranc (midfoot) injury. (n.d.) (http://orthoinfo.aaos.org/PDFs/A00162.pdf)

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)