น้ำคร่ำนั้นเป็นสารน้ำอุ่นๆ ที่ช่วยป้องกันและรองรับทารกในขณะที่เจริญเติบโตอยู่ในครรภ์ ภายในน้ำคร่ำนั้นมี
- ฮอร์โมน
- เซลล์ของระบบภูมิคุ้มกัน
- สารอาหาร
- ปัสสาวะของทารก
ในช่วงเวลาที่มีน้ำคร่ำมากที่สุดนั้น จะมีน้ำคร่ำได้ถึง 1 ควอท และเมื่อผ่านสัปดาห์ที่ 36 ของการตั้งครรภ์ ระดับของน้ำคร่ำนั้นก็จะค่อยๆ ลดลงเมื่อร่างกายของคุณเตรียมตัวที่จะคลอด
ฝากครรภ์ คลอดบุตรวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 79 บาท ลดสูงสุด 65%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
เวลาที่แพทย์ทำการตรวจคลื่นเสียงความถี่สูงก่อนคลอด จะมีการประเมินระดับของน้ำคร่ำที่อยู่ภายใน เพราะน้ำคร่ำนั้นอาจจะเริ่มรั่วออกมาได้
หากมีน้ำคร่ำรั่วออกมามากเกินไป จะทำให้มีน้ำคร่ำน้อย นอกจากนั้นยังน้ำคร่ำยังอาจจะไหลออกมามากในภาวะที่เรียกว่าน้ำเดิน ซึ่งเป็นการที่ถุงน้ำคร่ำนั้นเกิดการแตก
ในบางครั้งก็สามารถบอกได้ยากว่าน้ำที่ออกมานั้นเป็นน้ำคร่ำหรือไม่ ต่อไปนี้เป็นอาการที่อาจจะช่วยได้
ระดับน้ำคร่ำที่ปกติ
ปริมาณของน้ำคร่ำที่รองรับทารกนั้นมักจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อครรภ์โตขึ้น และมีระดับสูงที่สุดที่สัปดาห์ที่ 36
ระดับของน้ำคร่ำในระหว่างการตั้งครรภ์ควรอยู่ที่
- 60 มิลลิตรในสัปดาห์ที่ 12 ของการตั้งครรภ์
- 175 มิลลิลิตรในสัปดาห์ที่ 16
- 400-1200 มิลลิลิตรในระหว่างสัปดาห์ที่ 34-38
แพทย์สามารถวัดปริมาณน้ำคร่ำได้โดยการตรวจคลื่นเสียงความถี่สูง มีวิธีการคำนวน 2 วิธีคือวิธี amniotic fluid index (AFI) และ maximum vertical pocket (MPV)
ฝากครรภ์ คลอดบุตรวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 79 บาท ลดสูงสุด 65%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
หากมีน้ำคร่ำแบบ AFI น้อยกว่า 5 เซนติเมตรหรือ MPV น้อยกว่า 2 เซนติเมตรแสดงว่ามีน้ำคร่ำน้อย
อาการของการมีน้ำคร่ำรั่ว
คิดภาพถุงน้ำคร่ำเหมือนกับลูกโป่งน้ำ ถึงแม้ว่าลูกโป่งนี้จะสามารถแตกได้ และทำให้น้ำปริมาณมากไหลออกมา แต่ก็อาจจะมีรูเล็กๆ เกิดขึ้นได้เช่นกันและทำให้มีน้ำรั่วออกมาอย่างช้าๆ
เวลาที่ตั้งครรภ์ คุณอาจจะรู้สึกว่าทุกอย่างในร่างกายนั้นรั่ว กระเพาะปัสสาวะจะเต็มเร็วขึ้น และอาจจะมีปัสสาวะเล็ด เนื้อเยื่อที่ช่องคลอดนั้นจะมีการสร้างสารน้ำเพิ่มขึ้นเพื่อช่วยให้สามารถคลอดทารกออกมาได้ง่ายขึ้น ดังนั้นจึงอาจจะยากที่จะแยกว่าสารน้ำนั้นเป็นปัสสาวะ น้ำคร่ำ หรือน้ำจากช่องคลอด
น้ำคร่ำนั้นอาจจะมีลักษณะต่อไปนี้
- สีใส อาจจะมีเส้นสีขาวหรือมูกหรือเลือดปนเล็กน้อย
- ไม่มีกลิ่น
- มักจะชุ่มกางเกงชั้นใน
โดยปกติแล้วปัสสาวะนั้นจะมีกลิ่น ในขณะที่สารน้ำจากช่องคลอดนั้นมักจะมีสีขาวหรือเหลือง
อีกวิธีหนึ่งในการแยกน้ำคร่ำก็คือให้ปัสสาวะให้หมด ก่อนที่จะใส่แผ่นอนามัยหรือที่รองกางเกงชั้นในและดูสารน้ำที่ออกมาหลังจากผ่านไป 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง หากสารน้ำนั้นเป็นสีเหลืองแสดงว่าน่าจะเป็นปัสสาวะ แต่ถ้าไม่ใช่ อาจจะเป็นน้ำคร่ำ
ฝากครรภ์ คลอดบุตรวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 79 บาท ลดสูงสุด 65%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
อีกวิธีหนึ่งก็คือการใส่แผ่นอนามัยหรือที่รองกางเกงชั้นในและตั้งสมาธิขมิบกล้ามเนื้อที่อุ้งเชิงกรานให้แน่นเหมือนเวลาที่พยายามกลั้นปัสสาวะ หากคุณทำแล้วไม่พบสารน้ำ แสดงว่าสารน้ำนั้นอาจจะเป็นปัสสาวะ
ปัจจัยเสี่ยง
น้ำคร่ำที่รั่วนั้นอาจจะเป็นอันตรายต่อคุณและทารกไม่ว่าจะเกิดขึ้นในช่วงใดของการตั้งครรภ์ก็ตาม แม้ว่าคุณอาจจะมีน้ำคร่ำรั่วได้เล็กน้อยตามธรรมชาติแต่การรั่วมากเกินไปอาจจะเป็นอันตรายได้
น้ำคร่ำที่รั่วในระหว่างไตรมาสที่หนึ่งและ/หรือสองของการตั้งครรภ์นั้นสามารถทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น
- ความผิดปกติแต่กำเนิด
- แท้ง
- คลอดก่อนกำเนิด
- ทารกเสียชีวิตขณะคลอด
ในระหว่างไตรมาสที่สาม การมีน้ำคร่ำน้อยนั้นอาจทำให้
- คลอดยาก เช่นมีการกดทับสายสะดือซึ่งส่งผลต่อออกซิเจนที่ไปเลี้ยงทารก
- เพิ่มความเสี่ยงในการผ่าตัดคลอด
- เจริญเติบโตช้า
มีวิธีการรักษาหลายวิธีหากคุณมีน้ำคร่ำรั่วออกมามากเกินไปซึ่งแพทย์สามารถแนะนำวิธีที่เหมาะสมที่สุดได้
เมื่อไหร่ควรไปพบแพทย์
ควรไปพบแพทย์ทันทีหากสารน้ำนั้นมีสีเขียวหรือเหลืองออกน้ำตาล ซึ่งแสดงว่าทารกนั้นอาจจะมีการถ่ายอุจจาระในครรถ์และอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนเกี่ยวกับการหายใจเวลาที่คลอดได้
คุณควรปรึกษาแพทย์หากคิดว่าน้ำเดิน รวมถึงสังเกตสีของสารน้ำไปแจ้งแพทย์
ขั้นถัดไป
โดยปกติแล้วน้ำคร่ำนั้นมีการสร้างขึ้นมาทดแทนประมาณ 1/3 ทุกๆ ชั่วโมง ดังนั้นทารกนั้นจะไม่ได้ปราศจากน้ำคร่ำจนแห้งแม้ว่าจะมีน้ำคร่ำรั่วก็ตาม แต่การที่น้ำเดินนั้นแสดงว่ากำลังจะคลอด และ/หรือแบคทีเรียสามารถเข้าไปสู่มดลูกได้ ดังนั้นหากคิดว่ามีน้ำคร่ำรั่วควรไปพบแพทย์