ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
โรคตาขี้เกียจ สามารถเกิดขึ้นได้เมื่อสมองใช้งานดวงตาข้างใดข้างหนึ่งมากกว่าอีกข้าง เนื่องจากดวงตาอีกข้างอาจจะมองเห็นได้ไม่ค่อยดี เมื่อเวลาผ่านไปจะทำให้สมองเพิกเฉยต่อกระแสประสาทจากดวงตาข้างที่อ่อนแอหรือขี้เกียจ จึงทำให้การมองเห็นบกพร่อง รวมถึงสูญเสียการรับรู้ความลึกของภาพและระยะทาง โรคนี้มักเกิดขึ้นในเด็ก และเป็นสาเหตุหลักของปัญหาการมองเห็นในเด็ก
ดวงตาข้างที่มีอาการขี้เกียจจะไม่มีลักษณะที่ต่างไปจากดวงตาปกติ เพียงแต่อาจจะหมุนไปทางอื่นที่แตกต่างกันบ้าง ซึ่งแตกต่างจากโรคตาเหล่ ที่ดวงตาจะไม่หมุนและไม่ขยับตามดวงตาอีกข้างเลย และการเป็นโรคตาเหล่ ก็สามารถทำให้เป็นโรคตาขี้เกียจได้ หากตาที่เหล่ ไม่ได้ถูกใช้งานมากเท่าตาที่เป็นปกติ
อาการของโรคตาขี้เกียจ
โรคตาขี้เกียจ จะสังเกตอาการได้ค่อนข้างยาก เว้นแต่จะมีอาการรุนแรงแล้ว ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการต่อไปนี้
- เดินชนหรือกระแทกวัตถุด้านใดด้านหนึ่งเป็นพิเศษ
- ดวงตาแกว่งเข้าหรือออก
- ดวงตาไม่ทำงานไปด้วยกัน
- รับรู้ระยะตื้นลึกได้น้อยลง เริ่มเห็นภาพซ้อน
- ตาเหล่
สาเหตุของโรคตาขี้เกียจ
โรคตาขี้เกียจมักเกี่ยวข้องกับปัญหาพัฒนาการในสมอง ซึ่งในกรณีนี้อาจเกิดจากทางเดินกระแสประสาทของระบบการมองเห็นในสมองทำงานไม่ถูกต้อง และจะยิ่งมีอาการรุนแรงมากขึ้นเมื่อดวงตาไม่ได้ใช้งานเท่าๆ กัน
มีโรคและความผิดปกติหลายชนิด ที่อาจทำให้มีการใช้ตาข้างใดข้างหนึ่งมากกว่าอีกข้างหนึ่ง ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะตาขี้เกียจมากขึ้น ภาวะดังกล่าว ได้แก่
- ตาเหล่
- มีประวัติครอบครัวเป็นโรคตาขี้เกียจ
- ระดับสายตาสองข้างไม่เท่ากัน
- ตาข้างหนึ่งได้รับบาดเจ็บ
- เปลือกตาข้างหนึ่งหย่อนคล้อย
- การขาดวิตามินเอ
- แผลหรือแผลเป็นในกระจกตา
- การผ่าตัดตา
- ความผิดปกติในการมองเห็น เช่น สายตาสั้น สายตายาว สายตาเอียง
การวินิจฉัยโรคตาขี้เกียจ
โดยทั่วไปแล้วจักษุแพทย์จะตรวจสายตาเพื่อประเมินการมองเห็นในดวงตาทั้งสองข้าง ซึ่งแพทย์อาจพิจารณาให้มีการตรวจเพิ่มเติม ดังนี้
ตรวจตา รักษาโรคตาวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 437 บาท ลดสูงสุด 61%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
- การระบุตัวอักษรหรือรูปร่างบนแผนภาพที่อยู่ไกลระดับหนึ่ง
- การมองตามแสงด้วยตาทีละข้าง และมองด้วยตาทั้งสองข้างพร้อมกัน
- การมองดวงตาโดยใช้แว่นขยาย
การรักษาโรคตาขี้เกียจ
ยิ่งรักษาโรคตาขี้เกียจเร็วเท่าไร ก็ยิ่งมีโอกาสที่จะหายขาดได้เร็วมากขึ้น โดยวิธีการรักษาที่ได้รับความนิยมได้แก่
- การใส่แว่นตาหรือคอนแทคเลนส์ : หากผู้ป่วยเป็นโรคตาขี้เกียจเพราะสายตาสั้น สายตายาว หรือสายตาเอียงในดวงตาข้างหนึ่ง ก็สามารถรักษาด้วยการใส่แว่นตาแก้ไขค่าสายตาหรือใส่คอนแทคเลนส์ได้
- ผ้าปิดตา : การสวมผ้าปิดตาในดวงตาข้างที่ทำงานหนัก จะช่วยให้ดวงตาอีกข้างที่อ่อนแอแข็งแรงขึ้นและทำงานได้มากขึ้น
- ยาหยอดตา : อาจใช้วันละ 1-2 ครั้งเพื่อทำให้การมองเห็นข้างที่ปกติเบลอลงเล็กน้อย และกระตุ้นการทำงานของข้างที่ขี้เกียจมากขึ้น สามารถนำมาใช้ทดแทนในผู้ที่ไม่ชอบใส่ผ้าปิดตา
- ศัลยกรรม : หากมีอาการตาเขหรือตาเหล่ร่วมอยู่ด้วย แพทย์อาจรักษาด้วยการผ่าตัดกล้ามเนื้อตาเพื่อแก้ไขภาวะดังกล่าว
โรคตาขี้เกียจมักจะเกิดขึ้นในดวงตาข้างเดียว และมักเกิดในเด็ก ซึ่งผู้ปกครองส่วนมากก็มักไม่สังเกตเห็นเมื่อเกิดความผิดปกติขึ้นในระยะแรก ดังนั้น จึงควรให้เด็กเริ่มตรวจตาเมื่ออายุ 6 เดือน และตรวจซ้ำอีกครั้งในช่วงอายุ 3 ปี แม้จะไม่มีอาการผิดปกติใดๆ ก็ตาม และหลังจากนั้นควรให้เด็กได้รับการทดสอบสายตาตามปกติทุกสองปี ตั้งแต่อายุ 6 - 18 ปี
ที่มาของข้อมูล
Shannon Johnson, What causes lazy eye? (https://www.healthline.com/symptom/lazy-eye), February 29, 2016.