สิ่งสกปรกที่ติดค้างบนแผ่นกรองของเครื่องปรับอากาศจะค่อย ๆ จับตัวเป็นก้อนแข็ง และกลายเป็นที่อยู่อาศัยของยุง แมลงวัน แมลงสาบและเชื้อโรค จนอาจทำให้อาการแพ้กำเริบ ฉะนั้นเมื่อใช้เครื่องปรับอากาศจึงควรระวังสิ่งต่าง ๆ ต่อไปนี้
เลือกซื้อเครื่องที่ฟอกอากาศได้ดี
เครื่องปรับอากาศประเภทนี้จะมีส่วนผสมของวีโอไลต์ (zeolite) และโพแทสเซียมเปอร์แมงกาเนต เป็นต้น ซึ่งจะสามารถกำจัดรังแคจากแมวหรือสุนัข อะตอมและสารอินทรีย์ประเภทระเหยได้ที่ปะปนอยู่ในอากาศ รวมทั้งควันบุหรี่ ดังนั้นจึงช่วยลดสารก่อภูมิแพ้ได้ เครื่องปรับอากาศโดยทั่วไปจะไม่มีเครื่องฟอกอากาศในตัว ควรเลือกซื้อให้เหมาะกับขนาดของห้อง และควรเป็นชนิดที่ฟอกอากาศหกครั้งต่อชั่วโมง
ตรวจภูมิแพ้และภาวะแพ้วันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 1,376 บาท ลดสูงสุด 69%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ใช้เครื่องดูดความชื้นเพื่อไม่ให้อากาศอับชื้น
สภาพความชื้นที่เหมาะกับการเจริญเติบโตของไรฝุ่นคือร้อยละ 75-80 ถ้าความชื้นต่ำกว่าร้อยละ 50 ไรฝุ่นจะไม่สามารถเจริญเติบโตได้ ดังนั้นจึงควบคุมความชื้นภายในห้องให้อยู่ที่ร้อยละ 40-50
ไม่วางเครื่องปรับอากาศในที่ร้อนและชื้น
ควรติดตั้งแผ่นกรองประเภทโพลีเอสเตอร์บริเวณช่องปล่อยลม เพื่อป้องกันการแพร่พันธุ์ของไรฝุ่นและเชื้อโรคต่าง ๆ อีกทั้งยังสามารถขจัดสารก่อภูมิแพ้ในอากาศได้อีกด้วย ควรล้างทำความสะอาดเป็นประจำ ไม่ควรวางเครื่องปรับอากาศในที่ที่มีอากาศร้อน เช่น เหนือเครื่องคอมพิวเตอร์ เพราะตัวจับอุณหภูมิในเครื่องปรับอากาศจะคิดว่าอากาศร้อนแล้วทำความเย็นเพิ่ม ทำให้เปลืองไฟ
รักษาความแตกต่างของอุณหภูมิ
โดยทั่วไปความชื้นในห้องร้อยละ 20-60 และอุณหภูมิ 20-25 องศาเซลเซียสจะเหมาะสมที่สุด การใช้เครื่องปรับอากาศในหน้าร้อน หากเราเดินเข้ามาจากอากาศภายนอกที่ร้อนอบอ้าวเพื่อเข้าห้องปรับอากาศที่มีอากาศเย็นมาก ๆ ความแตกต่างของอุณหภูมิอาจทำให้อาการหอบหืดกำเริบ ดังนั้นควรรักษาความแตกต่างของอุณหภูมิในห้องและนอกห้องให้อยู่ที่ 5 องศา