เป็นเรื่องปกติที่ร่างกายของเราอาจถูกไฟไหม้เมื่ออยู่บ้าน ซึ่งแผลไหม้สามารถเป็นได้ตั้งแต่ระดับเบาไปจนถึงระดับรุนแรง และสามารถทำให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิต นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราควรมีความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการรักษาแผลไหม้แต่ละประเภท และสิ่งที่ต้องทำเมื่อคุณเผชิญกับสถานการณ์ดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม แผลไหม้มี 3 ประเภท ซึ่งจำแนกตามความรุนแรงได้ดังนี้
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
1. ระดับแรก (First degree)
แผลไหม้ระดับนี้จะอยู่แค่บริเวณผิวชั้นต้นๆ หรือผิวชั้นหนังกำพร้า ซึ่งมันจะทำให้เรารู้สึกเจ็บมาก
การรักษา
- ล้างบริเวณที่ถูกไฟไหม้ทันทีโดยใช้น้ำเย็นเป็นเวลาประมาณ 5 – 10 นาที
- ห้ามบีบแผลพุพองที่อาจเกิดขึ้น และทำการฆ่าเชื้อบริเวณที่มีปัญหา รวมถึงทายาขี้ผึ้งที่ใช้รักษาแผลไหม้
- ใช้ผ้าก๊อซที่สะอาด และแห้งห่อบนผิวที่ไหม้อย่างอ่อนโยน
2.ระดับที่สอง (Second degree)
แผลมีความลึก และเกิดขึ้นที่ผิวชั้นแรกและผิวชั้นที่สอง บริเวณที่ไหม้จะมีสีแดงสว่าง และอาจมีตุ่มพุพองปรากฏขึ้นมาให้เห็น
การรักษา
- ล้างผิวโดยใช้น้ำเย็นประมาณ 10 – 30 นาที การทำเช่นนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้อาการแย่ลง และลดผลกระทบที่มีต่อผิวชั้นอื่น
- ใช้ผ้าก๊อซพัน หรือใช้ผ้าพันแผลห่อแบบหลวมๆ ที่ผิว ซึ่งมันจะช่วยให้อากาศออกไปจากบริเวณที่ไหม้ และช่วยลดการอักเสบและความปวด
- อย่าใช้น้ำแข็งหรือน้ำเย็น หรืออาบน้ำเพื่อบรรเทาอาการ
- ถ้าเจ็บแผล ให้คุณทานยาแก้ปวดอย่างไอบูโพรเฟน เพื่อบรรเทาอาการปวด
- อย่าจับแผลไหม้ หรืออย่าพยายามบีบตุ่มพุพอง เพราะมันอาจทำให้เกิดการติดเชื้อ
- ในกรณีที่แผลไหม้มีความรุนแรงอยู่ในระดับสาม คุณควรไปพบแพทย์ในทันที
- ไม่ควรวางน้ำแข็งที่ผิวโดยตรง เพราะมันสามารถทำให้เนื้อเยื่อถูกทำลายเพราะความเย็นจัด
- หลีกเลี่ยงการใช้ขี้ผึ้ง หรือออยล์ที่ไปขัดขวางกระบวนการเยียวยาบาดแผลตามธรรมชาติ
- ไม่บีบตุ่มพุพอง หรือทำให้ตุ่มแตก เพราะมันสามารถทำให้เกิดการติดเชื้อ
- อย่าใช้เทปคอตตอนหรือเทปที่แนบติดกับผิว เพื่อให้ผิวได้หายใจ และป้องกันการติดเชื้อ
- หลีกเลี่ยงการดึงเสื้อผ้าที่ไหม้และติดอยู่บนผิว และปล่อยให้แพทย์เป็นคนจัดการ
- อย่าสัมผัสกับแผลไหม้ที่มีความรุนแรง การไปพบแพทย์เป็นวิธีที่ดีที่สุด
- ไม่ทายาสีฟัน เนย แป้งทัลคัม หรือโลชั่น เพราะมันจะทำให้บาดแผลมีสภาพแย่กว่าเดิม
3.ระดับที่สาม (Third degree)
ระดับนี้ถือว่ามีความรุนแรงมากที่สุด ซึ่งมันจะทำลายผิวทุกชั้น และทำให้เนื้อเยื่อเสียหายถาวร
การรักษา
- ไฟไหม้ลำตัวที่มีเสื้อผ้าปกคลุม สิ่งที่ควรทำอันดับแรกคือ ให้คนที่โดนไฟไหม้นอนกับพื้น และกลิ้งตัวหลายครั้งเพื่อให้ไฟดับ และถอดเสื้อผ้าออกเว้นเสียแต่ว่าเสื้อไหม้จนติดผิว จากนั้นให้ไปพบแพทย์ในทันที
- แผลไหม้ที่เกิดจากกระแสไฟฟ้า ให้คุณล้างแผลไหม้ด้วยน้ำอุ่นเป็นเวลา 5 นาที และอย่าเพิ่งถอดเสื้อผ้าออกก่อน แต่ให้ทำไปพร้อมกับตอนที่ล้างแผลไหม้ จากนั้นให้ใช้ผ้าก๊อซหรือผ้าพันแผลพันบริเวณที่ไหม้ และไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุด
- แผลไหม้ที่เกิดจากสารเคมี ถ้าสารเคมีโดนริมฝีปากหรือดวงตา ให้คุณล้างอวัยวะดังกล่าวด้วยน้ำเปล่าสะอาดให้ทั่วและรีบไปพบแพทย์
สิ่งที่ไม่ควรทำเมื่อถูกไฟไหม้
วัตถุดิบจากธรรมชาติที่ช่วยรักษาแผลไหม้ระดับที่ไม่ต้องไปพบแพทย์
- ว่านหางจระเข้
ว่านหางจระเข้เป็นสมุนไพรที่สามารถนำมาใช้รักษาแผลไหม้ได้เป็นอย่างดี เพราะมันอุดมไปด้วยสารต้านการอักเสบที่ช่วยเร่งกระบวนการเยียวยาบาดแผล ทั้งนี้คุณสามารถทาเจลว่านหางจระเข้ได้ที่ผิวโดยตรงเพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดและรักษาบาดแผล - น้ำผึ้งดิบ
น้ำผึ้งมีสารต้านแบคทีเรีย เป็นยาปฏิชีวนะตามธรรมชาติ และมีสารต้านการอักเสบ ที่ล้วนแต่ช่วยเอื้อต่อการรักษาและเยียวยาบาดแผล อย่างไรก็ดี คุณสามารถทาน้ำผึ้งได้ที่บาดแผลโดยตรง - ดอกดาวเรือง
น้ำมันดอกดาวเรืองมีสารฆ่าเชื้อ และสารช่วยบรรเทาความเจ็บปวดที่จะช่วยลดการอักเสบ และช่วยเยียวยาบาดแผล อย่างไรก็ตาม ดอกดาวเรืองแบบสกัดมีทั้งในรูปแบบของครีม เจล โลชั่น หรือออยล์ ซึ่งคุณสามารถเลือกได้ตามที่ใจต้องการ
อุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ซึ่งบางคนอาจตกใจเมื่อร่างกายถูกไฟไหม้โดยไม่ทันตั้งตัว และไม่รู้วิธีการดูแลบาดแผลเบื้องต้น ซึ่งหากทำไม่ถูกวิธี มันก็อาจทำให้คุณมีอาการแย่ลงกว่าเดิม ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่คุณควรรู้วิธีรับมือกับแผลไหม้เบื้องต้น และควรรีบไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุดเมื่อแผลไหม้มีความรุนแรง