เด็กทุกคนที่คลอดออกมาเป็นเหมือนดอกไม้ที่ต้องการการดูแลเอาใจใส่ คอยรดน้ำ พรวนดิน ใส่ปุ๋ย เพื่อให้เจริญเติบโตและงอกงาม
สำหรับเด็กนั้น ช่วงเวลา 3 ปีแรกของชีวิตเป็นก้าวกระโดดที่สำคัญที่ผู้เลี้ยงดูจะเห็นการเจริญเติบโต พัฒนาการของเด็กในช่วงนี้จะเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และช่วง 3 ปีแรกยังเป็นช่วงเวลาที่กำหนดอนาคตที่สำคัญของเด็ก เพื่อให้เด็กเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ
อะไรที่บ่งบอกถึงการเจริญเติบโตที่ก้าวกระโดดของเด็ก?
สิ่งที่บ่งบอกถึงการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วของเด็ก มีดังนี้
- น้ำหนักเพิ่มขึ้น ส่วนสูงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
- รอบศีรษะที่มีขนาดโตขึ้น แสดงถึงสมองที่มีการเจริญเติบโต
- เด็กทำสิ่งต่างๆ ด้วยตนเองมากขึ้น ไม่อยากให้ผู้เสียงดูช่วยเหลือ
- กล้ามเนื้อต่างๆ ของร่างกายแข็งแรงขึ้น เด็กสามารถกระโดด ขึ้นลงบันได โยนของ จับช้อมส้อม ถือสิ่งของต่างๆ ได้มั่นคงยิ่งขึ้น
- เด็กสามารถพูดคุยเป็นคำ เป็นประโยค บอกความต้องการของตนเองได้มากขึ้น
- เด็กแสดงความรู้สึกอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์โกรธ หงุดหงิด ไม่พอใจ ร้องไห้ เสียใจ
3 ปีแรกของชีวิตมีผลต่อระบบต่างๆ ของร่างกายอย่างไร?
ตั้งแต่ช่วงตั้งครรภ์ สมองจะมีการเจริญเติบโตเรื่อยๆ โครงข่ายเส้นใยประสาทของสมองจะค่อยๆ พัฒนาจนมีความซับซ้อนมากขึ้น เกิดเป็นโครงข่ายเส้นใยประสาทนับล้านโครงข่าย ทำให้ประสิทธิภาพในการสื่อสารของเส้นใยประสาทในสมองเพิ่มขึ้น นำมาซึ่งการเรียนรู้และจดจำสิ่งต่างๆ
ด้านร่างกายจะพบว่าอวัยวะต่าง ๆ เจริญเติบโตขึ้น ระบบภูมิคุ้มกัน ระบบการเผาผลาญ ระบบทางเดินอาหาร พัฒนาสมบูรณ์ขึ้น
ดังนั้น อาหารสมองและอาหารสำหรับร่างกายที่เด็กได้รับในช่วง 3 ปีแรกนี้จะส่งผลต่อการเจริญเติบโตทั้งสิ้น
ผู้เลี้ยงดูสำคัญอย่างไรในช่วง 3 ปีแรกของชีวิตเด็ก
เด็กควรมีผู้เลี้ยงดู ไม่ว่าจะเป็นคุณพ่อคุณแม่ ปู่ ย่า ตา ยาย หรือบุคคลใดก็ตามที่สามารถให้ความรักความอบอุ่นและความใกล้ชิดกับเด็กได้
ความสัมพันธ์ระหว่างเด็กและผู้เลี้ยงดูจะเกิดขึ้นตลอดเวลา ผ่านการสัมผัส การดูแลใกล้ชิด การกอด หอม พูดคุย การให้นม ให้อาหาร การทำความสะอาดร่างกาย ฯลฯ
เด็กจะเรียนรู้ถึงความรัก ความสม่ำเสมอ ความปลอดภัยจากผู้เลี้ยงดู และพัฒนาเป็นความมั่นใจและความไว้วางใจ ซึ่งเป็นรากฐานที่สำคัญในชีวิต
รวมทั้งหากเด็กได้รับสารอาหารที่เพียงพอต่อการเจริญเติบโต จะทำให้สมองและร่างกายเติบโตอย่างมีคุณภาพ
หากเด็กถูกปล่อยปละละเลยในช่วง 3 ปีแรกจะเป็นอย่างไร?
หากเด็กช่วง 3 ขวบปีแรกถูกปล่อยปละละเลย เด็กจะเติบโตขึ้นมาโดยขาดความเชื่อมั่นและขาดความไว้ใจต่อบุคคลรอบข้าง
บางคนหวาดกลัว มีความผูกพันที่ไม่มั่นคงกับผู้อื่น ปรับตัวยาก เมื่อโตขึ้นมาจะไม่เชื่อใจใคร ก้าวร้าว ต่อต้าน เจ้าอารมณ์ ชอบบังคับให้คนอื่นทำตามในสิ่งที่ต้องการ ไม่เข้าใจจิตใจผู้อื่น ไม่ค่อยมีเพื่อน ทำให้ถูกมองว่าเป็นปัญหาของสังคมได้
นอกจากนี้หากเด็กได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ หรือกินนมที่ไม่ได้คุณภาพ จะส่งผลต่อความแข็งแรงของร่างกาย ภูมิคุ้มกันบกพร่อง เจ็บป่วยง่าย และเพิ่มภาระต่อครอบครัวและสังคม
วิธีส่งเสริมความรัก ความผูกพันระหว่างผู้เลี้ยงดูและเด็ก
การให้ความรักและความอบอุ่นจากผู้เลี้ยงดูสม่ำเสมอ จะทำให้เด็กมีการเจริญเติบโตทางร่างกายและจิตใจ มีความมั่นคงทางอารมณ์
เด็กจะรู้สึกถึงคุณค่าในตัวเอง มองโลกในแง่ดี อารมณ์แจ่มใส และพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เข้ามาในชีวิตเมื่อโตขึ้น สิ่งเหล่านี้เป็นพื้นฐานที่สำคัญของมนุษย์ในการอยู่ร่วมกับผู้อื่นต่อไป
ตัวอย่างวิธีการส่งเสริมความรักและความผูกพันระหว่างผู้เลี้ยงดูและเด็ก เช่น
- ผู้เลี้ยงดูมีความไว ตอบสนองต่อความต้องการเด็กอย่างทันที
- มีการกอด สัมผัส พูดคุย เล่นกับเด็กในบรรยาการอบอุ่น
- ชื่นชมและชมเชยเด็ก เมื่อเด็กแสดงพฤติกรรมที่ดี
- หลีกเลี่ยงการลงโทษโดยใช้ความรุนแรง เช่น ทำร้ายร่างกาย ตี
- ผู้เลี้ยงดูควรมีบุคลิกภาพอบอุ่น เยือกเย็น อารมณ์ดี เป็นมิตร
- ผู้เลี้ยงดูไม่เครียด กังวล หรือมีภาวะทางด้านจิตใจ เช่น มีภาวะซึมเศร้า
วิธีส่งเสริมสุขภาพเด็กดีควรทำอย่างไร?
การส่งเสริมสุขภาพเด็ก มีดังนี้
- ติดตามการเจริญเติบโตของเด็กอย่างสม่ำเสมอ โดยดูน้ำหนัก ส่วนสูง และเส้นรอบศีรษะ อาจใช้วิธีบันทึกข้อมูลในสมุดสุขภาพและดูแนวโน้นการเจริญเติบโตเป็นระยะๆ
- ส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวจนถึงอายุ 6 เดือน
- แนะนำอาหารเสริมตามวัยในเด็กอายุตั้งแต่ 6 เดือน ขึ้นไป ควรรับประทานกลุ่มข้าว แป้ง ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ และนม ตามความต้องการในแต่ละช่วงอายุ
- พาเด็กไปฉีดวัคซีนตามกำหนด เพื่อให้ภูมิคุ้มกันที่เหมาะสมตามวัย
- ส่งเสริมการอ่านนิทาน เลือกหนังสือที่มีรูปภาพ เนื้อหาเหมาะสมตามช่วงวัย
- ให้เด็กนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ ตามระยะเวลาที่กำหนดในแต่ละช่วงวัย
- พูดคุย สื่อสาร จัดสถานที่ที่ปลอดภัย หาของเล่นที่เหมาะสมให้เด็ก เพื่อให้เด็กมีพัฒนาการที่ดี