กระต่าย เป็นสัตว์เลี้ยงที่คนไทยนิยมเลี้ยงกันมากรองจากสุนัขและแมว ด้วยขนาดตัวที่กะทัดรัด ไม่ส่งเสียงดัง ขนฟูนุ่มนิ่มน่ารัก หาซื้อได้ง่าย มีหลายสายพันธุ์ ราคาไม่แพง ซึ่งคนทั่วไปมักมีความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับวิธีการเลี้ยงดูกระต่าย โดยเฉพาะเรื่องอาหารที่ให้กระต่ายกิน จึงส่งผลต่อสุขภาพกระต่ายอย่างร้ายแรง
คนส่วนใหญ่มักเข้าใจผิดว่ากระต่ายจัดเป็นสัตว์ฟันแทะชนิดหนึ่ง แต่จริงๆ แล้วกระต่ายจัดอยู่ในกลุ่มสัตว์ประเภท ลาร์โกมอร์ฟ (Largomorph) ซึ่งมีโครงสร้างฟันและระบบทางเดินอาหารแตกต่างจากสัตว์ฟันแทะ โดยลาร์โกมอร์ฟมีทางเดินอาหารที่ซับซ้อนกว่ามาก
ทางเดินอาหารของกระต่าย
ฟันของกระต่ายจะมีลักษณะพิเศษ คือที่หลังฟันตัด (Incisor) จะมีฟันคู่เล็กๆ ซ้อนอยู่ด้านหลัง เรียกว่าเพกทีท (Peg teeth) รากฟันของกระต่ายเป็นรากฟันแบบเปิด จะงอกยาวตลอดชีวิตทุกซี่ ซึ่งต่างจากสัตว์ฟันแทะที่จะงอกยาวเฉพาะฟันหน้าเท่านั้น ทำให้กระต่ายจำเป็นต้องกินอาหารที่มีกากใยสูง เพื่อช่วยทำให้ฟันสึกกร่อนตลอดเวลา ไม่ให้ฟันยาวเกินไปจนเกิดปัญหาสุขภาพ
กระต่ายจัดเป็นสัตว์ที่มีกระเพาะอาหารเดี่ยว แต่มีโครงสร้างพิเศษที่ช่วยย่อยอาหารคือ ซีคัม (Caecum) เทียบในคนคือไส้ติ่ง ซีคัมของกระต่ายมีขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับขนาดตัว ในซีคัมมีจุลินทรีย์ช่วยในการหมักย่อยอาหาร แล้วเปลี่ยนเป็นสารอาหารและวิตามินที่มีประโยชน์ต่อร่างกายกระต่าย
อาหารที่เหมาะสมสำหรับกระต่าย
อาหารกระต่ายที่ดีควรมีสัดส่วนของใยอาหาร (Fiber) มากกว่า 20% ขึ้นไป หากสูตรอาหารที่เลี้ยงกระต่ายมีสัดส่วนเยื่อใยน้อยกว่า 20% จะเริ่มพบอาการป่วยและมีโอกาสเสียชีวิต หากเยื่อใยต่ำกว่า 17% จะเกิดภาวะแคระแกร็น กล้ามเนื้อไม่สมบูรณ์ หากเยื่อใยต่ำกว่า 10% จะเกิดภาวะกรดซีคัม เกิดกรดในกระแสเลือด เกิดภาวะลำไส้อักเสบระดับสูง เกิดการเสียสมดุลของจุลินทรีย์ชนิดดีในทางเดินอาหาร และกระต่ายอาจตายได้
นอกจากนี้เยื่อใยอาหารชนิดที่ไม่ละลายน้ำยังทำหน้าที่กระตุ้นการทำงานของทางเดินอาหาร ทำให้เกิดการบีบตัวของลำไส้ ไล่อาหารในทางเดินอาหาร ปั้นก้อนอุจจาระ ป้องกันการเกิดภาวะลำไส้นิ่ง ซึ่งจะทำให้เกิดอาการท้องอืดตามมา
อาหารหลักของกระต่ายควรเป็นหญ้าไม่ต่ำกว่า 75% ของอาหารทั้งหมด ที่เหลืออีก 25% เป็นผักหรืออาหารเม็ด หรือสามารถให้กินหญ้าทั้ง 100 เปอร์เซ็นต์เลยก็ได้
ในสมัยก่อน อาหารกระต่ายที่มีจำหน่ายในท้องตลาดมักมีเยื่อใยไม่สูงมาก เพียงแค่ 10% หรือมากกว่านั้นเล็กน้อยซึ่งทำให้กระต่ายในยุคนั้นมีปัญหาสุขภาพมากมาย อายุขัยเฉลี่ยเพียง 5 ปี เท่านั้น ต่อมาเมื่อมีการศึกษาวิจัยความเกี่ยวข้องของปริมาณเยื่อใยในอาหารที่ส่งผลต่อสุขภาพกระต่าย อาหารเม็ดรุ่นถัดๆ มาจึงค่อยๆ เพิ่มสัดส่วนเยื่อใยอาหารในสูตรอาหารเม็ดมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ยังคงไม่สามารถทนแทนหญ้าได้อย่าง 100%
ปัจจุบันมีอาหารกระต่ายที่ผลิตมาโดยมีจุดมุ่งหมายให้กระต่ายได้รับเยื่อใยอาหารอย่างเพียงพอ ซึ่งอาหารจำพวกนี้อาจจะมีเยื่อใยอาหารสูงจนถึง 28% เกือบจะเสมือนพืชวัตถุดิบตามธรรมชาติหรือหญ้า ทั้งนี้เพื่อใช้ให้เหมาะสมกับสุขภาพ ป้องกันการเกิดปัญหาภาวะท้องอืดและเสียสมดุลจุลินทรีย์ได้ และทำให้กระต่ายมีอายุขัยที่ยืนยาวขึ้น
โรคกระต่ายที่เกิดจากอาหารและวิธีการรักษา
เนื่องจากโครงสร้างและกลไกการทำงานของทางเดินอาหารกระต่ายสัมพันธ์กับอาหารที่กระต่ายกินเป็นอย่างมาก โดยคุณสามารถประเมินสุขภาพกระต่ายอย่างคร่าวๆ ได้จากลักษณะอุจจาระของกระต่าย อุจจาระที่ดีควรมีลักษณะเป็นเม็ดกลมทุกเม็ด ไม่มีเม็ดรีหรือทรงหยดน้ำ และควรมีขนาดเท่าๆ กันทุกเม็ด
หากอุจจาระมีขนาดเม็ดที่ไม่เท่ากัน อาจบ่งบอกว่าการบีบตัวของลำไส้มีปัญหา โรคอื่นๆ ของกระต่ายที่เป็นเพราะอาหาร ได้แก่
โรคลำไส้นิ่งหรือลำไส้อืด
เกิดจากลำไส้มีการเคลื่อนไหวน้อยจนเกินไปเกิดเป็นภาวะลำไส้นิ่ง เมื่อลำไส้ไม่ขยับเพื่อไล่กากอาหารทำให้เกิดแก๊สสะสมอยู่ในลำไส้ กระต่ายจึงท้องอืด หากมีแก๊สสะสมมากจนรู้สึกปวดท้องรุนแรง บางครั้งอาจช็อกและเสียชีวิตได้
วิธีรักษา
สัตวแพทย์จะทำการยากระตุ้นการเคลื่อนที่ของลำไส้ อาจมีการให้ยาระบาย มีการสวนทวารเพื่อระบายแก๊สที่คั่งค้างในลำไส้ออกมาเร็วที่สุด หลังจากแก้ไขปัญหาเรื่องลำไส้อืดแล้ว สัตวแพทย์อาจพิจารณาเสริมพรีไบโอติคส์เพื่อช่วยสนับสนุนจุลินทรีย์ชนิดดีในลำไส้
โรคฟันผิดรูปในกระต่าย
มักเกิดจากการได้รับอาหารที่มีเยื่อใยไม่เพียงพอ ฟันไม่เกิดการบดเคี้ยวมากพอที่จะทำให้ฟันกร่อนตามธรรมชาติ โดยจะมีปัญหาทั้งฟันหน้าและฟันกราม ฟันหน้ามักยื่นยาวจนบางครั้งกระต่ายไม่สามารถหุบปากได้ ส่วนฟันกรามด้านในจะเกิดเงื่ยงเล็กๆ ที่ขอบด้านข้างของฟันเรียกว่า สเปอร์ (Spur) สเปอร์ที่แหลมคมจะบาดกระพุ้งแก้มหรือลิ้นจนเกิดบาดแผล จนบางครั้งกระต่ายอาจเลิกกินอาหารหรือมีอาการน้ำลายไหลยืด
วิธีรักษา
สัตวแพทย์จะทำการตรวจฟันทั้งภายนอกและภายในช่องปากเพื่อประเมินระดับของฟันที่ผิดรูป ฟันหน้าที่ยาวเกินไปจะได้รับการตัดและตะไบให้มีลักษณะใกล้เคียงฟันปกติ ส่วนฟันกรามที่เกิดสเปอร์จะต้องกรอฟันลบคมโดยต้องคำนึงถึงการสบกันของฟันบนและฟันล่างด้วย ส่วนแผลที่เกิดจากการโดนสเปอร์บาดก็ทำการรักษาตามปกติ อนึ่งหากฟันมีระดับความเสียหายที่รุนแรงมาก สัตวแพทย์อาจพิจารณาถอนฟันออกและอาจต้องคอยเฝ้าระวังการล้มของฟันที่เกิดจากคู่สบฟันหายไปจากการถอน
โรครากฟันอักเสบ
กระต่ายเป็นสัตว์ที่มีรากฟันแบบเปิด จึงทำให้ฟันงอกยาวตลอดเวลา ยาวขึ้นทั้งตัวฟันและรากฟัน โรครากฟันอักเสบนี้เกิดจากการได้รับอาหารที่มีเยื่อใยไม่เพียงพอเช่นเดียวกับโรคฟันผิดรูป รากฟันบนที่ยาวเกินไปจะไปเบียดช่องไซนัสในโพรงจมูก จนเกิดเป็นไซนัสอักเสบหรือกลายเป็นฝี หรืออาจเบียดท่อน้ำตาจนท่อน้ำตาอุดตัน อาการคือกระต่ายจะมีน้ำตาไหลตลอดเวลา ส่วนรากฟันล่างที่ยาวเกินไปจะดันกระดูกกรามล่าง เมื่อลูบจะรู้สึกขรุขระ ทั้งรากฟันบนและล่างเมื่อยาวมากๆ จะทำให้กระดูกขากรรไกรเกิดการสลายตัว เนื้อกระดูกบางลง และฟันหลุดในที่สุด
การรักษาท่อน้ำตาอุดตัน
สัตวแพทย์จะทำการทดสอบการอุดตันของท่อน้ำตาว่าอุดตันเพียงบางส่วนหรืออุดตันทั้งหมด เมื่อทราบและจะทำการสวนท่อน้ำตาที่อุดตันในสามารถกลับมาระบายน้ำตาได้ตามปกติ แต่การรักษานี้เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า อาจเกิดการอุดตันซ้ำได้อีกเนื่องจากรากฟันที่ยาวจนไปเบียดท่อน้ำตา ในกระต่ายบางตัวอาจไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการสวนท่อน้ำตา
การรักษารากฟันอักเสบและฝี
ฝีหนองของกระต่ายจะมีลักษณะเป็นก้อนข้นๆ คล้ายชีส ไม่เป็นของเหลวเหมือนหนองในสัตว์อื่น กรณีที่ฝีมีขนาดใหญ่มากอาจต้องทำการเปิดแผลแล้วคว้านเอาฝีออกเป็นบริเวณกว้าง จากนั้นจึงค่อยรักษาแผลเปิดจนกว่าแผลจะหาย ซี่งกินเวลาหลายสัปดาห์
หลังจากการรักษาข้างต้นเสร็จสิ้น จะเน้นการดูแลด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน โดยจำเป็นต้องหัดให้กระต่ายกินหญ้ามากขึ้น รวมทั้งเปลี่ยนชนิดของอาหารเม็ดที่มีส่วนผสมของหญ้ามากขึ้น มีสัดส่วนเยื่อใยอาหารมากขึ้น งดการให้ขนม ผลไม้ต่างๆ เพื่อฝึกให้กระต่ายเคี้ยวอาหารให้นานขึ้น นานพอที่ฟันจะสามารถสึกกร่อนได้ตามธรรมชาติเพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาสุขภาพดังที่กล่าวข้างต้นซ้ำอีก