การเข้าพบแพทย์ตั้งแต่ช่วงวัยที่เข้าสู่วัยรุ่นทุกปีจะช่วยให้แพทย์สามารถติดตามการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย อารมณ์ และพัฒนาการทางสังคมได้
นอกจากนี้แพทย์จะยังสามารถให้คำแนะนำเกี่ยวกับการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ต่างๆ ที่ส่งผลต่อสุขลักษณะที่ไม่ดีได้อีกด้วย เช่น การสูบบุหรี่ การหัดบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การอยากลองเสพยาเสพติด
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
แพทย์สามารถช่วยให้เด็กที่เริ่มเข้าสู่วัยรุ่นเข้าใจถึงความสำคัญในการดำเนินวิถีชีวิตที่ถูกสุขภาพ ตั้งแต่เรื่องการรับประทานอาหารที่ถูกหลักโภชนาการ การออกกำลังกายอย่างเหมาะสม ไปจนถึงความปลอดภัยในการมีเพศสัมพันธ์ และเรื่องเพศที่เด็กวัยนี้อาจกำลังอยากรู้อยากเห็น
ยิ่งเด็กวัยรุ่นมีความตระหนักถึงพัฒนาการทางร่างกาย และเพศของพวกเขามากเท่าไร พวกเขาก็จะยิ่งตระหนักถึงกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพของพวกเขามากขึ้นเท่านั้น
การตรวจสุขภาพเด็กอายุ 13-18 ปีซึ่งอยู่ในช่วงวัยรุ่นอาจยังไม่จำเป็นต้องมีการตรวจคัดกรองโรคร้ายแรงเช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ หรือโรคเบาหวาน แต่จะเป็นการตรวจเพื่อให้แน่ใจว่า อวัยวะทุกส่วนของเด็กยังทำงานสมบูรณ์พร้อมอยู่
การตรวจสุขภาพที่เด็กวัยรุ่นอายุ 13-18 ปีควรตรวจ
เด็กวัยรุ่นควรเข้าพบแพทย์เป็นประจำทุกปี โดยรายการที่เด็กควรตรวจ มีดังต่อไปนี้
- ชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง วัดความดัน
- ตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด
- ตรวจน้ำตาลในเลือด
- ตรวจไขมันในเลือด
- ตรวจตา ค่าสายตา ทดสอบการมองเห็น
- ตรวจคัดกรองการได้ยิน
- ตรวจสุขภาพเหงือก และฟัน
- ตรวจเอกซเรย์ปอด
- ตรวจการทำงานของต่อมไทรอยด์
- ตรวจการทำงานของตับ
- ตรวจการทำงานของไต
- ตรวจคัดกรองโรคกระดูกสันหลังคด และความแข็งแรงของกระดูก
- ตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบเอ และบี
- ตรวจคัดกรองภาวะซีด หรือภาวะขาดธาตุเหล็ก
- ตรวจปัสสาวะ
สำหรับเด็กที่มีความเสี่ยงจะเกิดภาวะสุขภาพ มีโรคประจำตัวแต่กำเนิด หรือมีพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เสี่ยงต่อการเจ็บป่วย แพทย์มีการแนะนำให้เข้ารับการตรวจอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น
- ตรวจภูมิแพ้ และภาวะแพ้
- ตรวจความเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูง
- ตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
- ตรวจระดับสารแอลกอฮอล์ และสารเสพติด
- ตรวจวัณโรค
- ตรวจคัดกรองภาวะซึมเศร้า โรคเครียด
- ตรวจประเมินพัฒนาการด้านการเรียนรู้ พฤติกรรม และอารมณ์
การฉีดวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันสำหรับเด็กวัยรุ่นอายุ 13-18 ปี
นอกจากการตรวจสุขภาพ ผู้ปกครองยังควรตรวจสอบ และขอคำแนะนำจากแพทย์ด้วยว่า ควรให้เด็กเข้ารับวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันตัวใดบ้าง โดยเด็กที่มีอายุ 13 ปีขึ้นไป ควรได้รับการฉีดวัคซีนภูมิคุ้มกันต่อโรคเหล่านี้
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
- วัคซีนอีสุกอีใส (Varicella) (หากยังไม่เคยเป็นอีสุกอีใสมาก่อน)
- วัคซีนโรคหัด คางทูม หัดเยอรมัน (Measles-Mumps-Rubella Vaccine: MMR)
- วัคซีนไวรัสตับอักเสบ B (Hepatitis B Virus: HBV)
- วัคซีนไวรัสตับอักเสบ A (Hepatitis A Virus: HAV)
- วัคซีนไข้กาฬหลังแอ่น
- วัคซีนป้องกันเกิดโรคมะเร็งปากมดลูก หรือวัคซีน HPV (Human Papilloma Virus)
- วัคซีนรวมคอตีบ บาดทะยัก และไอกรน (Tdap)
วัคซีน Tdap ยังถูกแนะนำให้กับผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ในช่วงครึ่งที่สองของการตั้งครรภ์ โดยไม่เกี่ยวว่า แม่จะเคยได้รับวัคซีนตัวนี้มาแล้วหรือไม่ แพทย์ยังแนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดก่อนเข้าฤดูเสี่ยงทุกปีอีกด้วย
การให้ความรู้ด้านสุขภาพที่เด็กช่วงอายุ 13-18 ปีควรได้รับ
เมื่อเด็กวัยรุ่นเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ ผู้ปกครองควรมีการอบรมในประเด็นสุขภาพทางเพศแก่พวกเขา เพราะเป็นวัยเริ่มอยากรู้อยากลอง วัยรุ่นผู้หญิงอาจถูกส่งไปพบนรีแพทย์ครั้งแรกในช่วงนี้ ส่วนวัยรุ่นผู้ชายก็ควรไปตรวจภาวะไส้เลื่อนกับมะเร็งอัณฑะ พร้อมกับเรียนรู้วิธีการตรวจอัณฑะด้วยตัวเองด้วย
นอกจากนี้ผู้ปกครองยังควรทำการสอบถามเกี่ยวกับปัญหาทางอารมณ์หรือพฤติกรรมของวัยรุ่นเพื่อเฝ้าระวังสัญญาณของภาวะซึมเศร้า หรือความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย โดยแพทย์สามารถทำหน้าที่เป็นผู้ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมเสี่ยง และประเด็นอื่นๆ ได้ เช่น
- กิจกรรมทางเพศที่อาจส่งผลต่อการตั้งครรภ์ในวัยเรียน และเสี่ยงติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STD)
- การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาเสพติด และสารเคมีต่างๆ
- การสูบบุหรี่ ตั้งแต่ซิการ์ไปจนถึงบุหรี่ไร้ควัน หรือบุหรี่ไฟฟ้า
- การดื่มเหล้า และการขับขี่ยานพาหนะอย่างปลอดภัย
- ความสำคัญของหมวกกันน็อก เข็มขัดนิรภัย และอุปกรณ์ป้องกันร่างกายขณะเล่นกีฬา
- วิธีจัดการกับความขัดแย้งโดยไม่ใช้ความรุนแรง รวมไปถึงวิธีการเลี่ยงไม่ใช้อาวุธ
- ปัญหาทางการเรียนรู้ หรือความอึดอัดระหว่างเพื่อนๆ ที่โรงเรียน รวมถึงการปรับตัวเข้ากับสังคม
- ความสำคัญของการออกกำลังกาย และการเลือกรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพที่ดี
นอกจากนี้การบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา และปัญหาอื่น ๆ อย่างอาการปวดเข่า และปวดศีรษะเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยมากเช่นกัน โดยแพทย์ผู้ดูแลเด็กวัยรุ่นจะสามารถประเมินความเจ็บปวดว่า มีความรุนแรงอย่างไร หรือจะเกิดขึ้นระยะยาว หรือไม่ได้
สำหรับประเด็นเรื่องพัฒนาการทางเพศ และการเจริญพันธุ์บางอย่าง หากผู้ปกครองไม่สามารถถ่ายทอดความรู้ได้อย่างถูกต้อง หรือรู้สึกว่า ไม่รู้จะพูดอย่างไรให้เด็กเข้าใจ ก็สามารถปรึกษากับแพทย์ หรือขอให้แพทย์เป็นผู้ตอบคำถามที่เด็กๆ สงสัยเกี่ยวกับเรื่องเพศได้
นอกจากนี้หากผู้ปกครองล่วงรู้ความลับเกี่ยวกับเรื่องเพศ หรือเกี่ยวกับกิจกรรมบางอย่างที่วัยรุ่นเคยเก็บไว้เป็นความลับ ก็ไม่ควรนำไปเผยแพร่ให้ผู้อื่นรู้ แต่ควรแสดงออกให้ผู้อื่นเห็นว่า พร้อมจะเก็บความลับไว้เช่นเดิม และเด็กสามารถปรึกษาพูดคุยด้วยได้ทุกเรื่อง
เพราะหากเด็กไม่มีความไว้ใจต่อผู้ปกครอง ก็ยากที่ทั้ง 2 ฝ่ายจะสื่อสารหากันได้ในอนาคต และจะส่งผลทำให้ความสัมพันธ์เหินห่างกันมากกว่าเดิม
เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจตรวจสุขภาพทั่วไป จากคลินิกและโรงพยาบาลใกล้คุณ และไม่พลาดทุกอัปเดตเรื่องสุขภาพและโปรโมชั่นเมื่อกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android