เคยสงสัยไหมว่าทำไมเด็กแต่ละคนที่ใช้วิธีการฝึกระเบียบวิธีเดียวกัน แต่กลับให้ผลลัพธ์ที่ต่างกัน นั่นก็เพราะลักษณะนิสัยที่แตกต่างของพวกเขานั่นเอง ดังนั้นการจะฝึกให้ลูกมีระเบียบวินัยได้จึงต้องคำนึงถึงนิสัยของเขาด้วย เพื่อจะได้เลือกวิธีการฝึกระเบียบได้อย่างเหมาะสมและให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ
ทำความเข้าใจกับนิสัยของลูก
เนื่องจากการฝึกระเบียบมีความสัมพันธ์กันกับลักษณะนิสัยของเด็ก ดังนั้นอันดับแรกจึงต้องทำความเข้าใจก่อนว่าพวกเขามีนิสัยอย่างไร โดยมี 9 ข้อที่จะต้องทำความเข้าใจเพื่อประเมินนิสัยของลูก ดังนี้
1. พฤติกรรม : สังเกตว่าลูกมักจะตื่นขึ้นมากลางดึกบ่อยแค่ไหนเมื่อเทียบกับเด็กในวัยเดียวกัน
2. ความสม่ำเสมอ : ลูกมักจะกิน และนอนในเวลาเดียวกันทุกวันหรือไม่ ซึ่งหากไม่แน่นอนก็แสดงว่าเขามีนิสัยที่ขาดวินัยพอสมควร
3. ความสนใจ : ลูกมีความสนใจในสิ่งใหม่ๆ และชอบที่จะพบปะผู้คนใหม่ๆ หรือไม่
4. การปรับตัว : ลูกสามารถปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว หรือผิดหวังและเสียใจเมื่อเจอกับความเปลี่ยนแปลง
5. ความรุนแรงในการตอบสนอง : ลูกสามารถตอบสนองต่ออารมณ์ได้ดีหรือไม่ ทั้งในเรื่องดีและไม่ดี
6. ความไวในการตอบสนอง : ลูกมีความไวในกรตอบสนองต่อสิ่งเร้ามากแค่ไหน เช่น รสชาติ กลิ่น และรูปร่างลักษณะ
7. สิ่งที่ทำให้ไข้เขว : ลูกมักจะมุ่งอยู่กับสิ่งที่สนใจโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง หรือไขว้เขวได้ง่ายเมื่อมีอะไรมารบกวน
8. ระยะเวลาของความสนใจ : เมื่อลูกให้ความสนใจกับบางสิ่ง เขาจะทำมันจนสำเร็จหรือล้มเลิกความสนใจไปได้โดยง่าย
9. อารมณ์ : ลูกสามารถปรับอารมณ์ไปตามสภาพแวดล้อมโดยรอบได้ดีหรือปรับอารมณ์ได้ช้า
จาก 9 ข้อนี้ จะทำให้เราสามารถจำแนกนิสัยของลูกได้โดยง่าย และทราบว่าลูกมีนิสัยที่จัดอยู่ในกลุ่มไหน ควรเลือกวิธีการฝึกระเบียบอย่างไรจึงจะเหมาะสมที่สุด
นักวิจัยได้แบ่งเด็กออกเป็น 3 กลุ่ม คือ
กลุ่มที่ 1 : เด็กส่วนใหญ่จะมีนิสัยที่จัดอยู่ในกลุ่มนี้ประมาณ 40% ซึ่งพวกเขาจะมีอารมณ์ที่มั่นคงและมองโลกในแง่ดีเสมอ โดยสามารถที่จะปรับเปลี่ยนอารมณ์และพฤติกรรมไปตามความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้โดยง่าย หรืออาจเรียกได้ว่าพวกเขาสามารถที่จะปรับตัวได้เร็วนั่นเอง
การฝึกระเบียบที่เหมาะกับเด็กกลุ่มนี้ สามารถใช้วิธีการใดก็ได้ เพราะพวกเขามีการเรียนรู้และตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงได้ง่ายอยู่แล้ว แต่เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ดีที่สุด อาจใช้วิธีการให้รางวัลเมื่อพวกเขาทำสำเร็จและการลงโทษเมื่อทำผิดผสมกันไป
กลุ่มที่ 2 : เด็กกลุ่มนี้จะมีประมาณ 15% โดยพวกเขามักจะไม่ค่อยสนใจสิ่งรอบข้างมากนักและสามารถเรียนรู้ได้ช้า ซึ่งก็จะมีการปรับตัวเข้าสู่สังคมได้ยากพอสมควร แต่ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ชอบที่จะเรียนรู้จากการสังเกตเช่นกัน
การฝึกระเบียบที่เหมาะกับเด็กกลุ่มนี้ จะต้องใช้วิธีการกระตุ้นให้พวกเขาได้ลองสิ่งใหม่ๆ และใช้ระบบการให้รางวัลเป็นหลัก ซึ่งพบว่าพวกเขาจะมีการตอบสนองต่อการให้รางวัลมากที่สุด เพราะการให้รางวัลที่เขาสนใจ จะทำให้เขาเกิดแรงดึงดูดที่จะทำการฝึกระเบียบให้สำเร็จมากขึ้น
กลุ่มที่ 3 : เด็กกลุ่มนี้จะมีประมาณ 10% ซึ่งพวกเขามักจะมีอารมณ์ที่รุนแรง หงุดหงิดง่าย มีความไวต่อสิ่งเร้า แต่กลัวที่จะพบปะกับผู้คนใหม่ๆ ทำให้เข้าสังคมได้ยากพอสมควร นอกจากนี้พวกเขาก็มักจะมีการตอบสนองอย่างรุนแรงต่อคนที่ไม่ชอบอีกด้วย
การฝึกระเบียบที่เหมาะกับเด็กกลุ่มนี้ จะต้องใช้วิธีการค่อยเป็นค่อยไป ให้พวกเขาได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ ไปทีละนิด และที่สำคัญควรเลือกกิจกรรมที่ส่งเสริมและพัฒนาทางด้านอารมณ์เป็นหลัก เพื่อลดความรุนแรงทางด้านอารมณ์ของลูกให้น้อยลงนั่นเอง
การฝึกระเบียบวินัยให้กับลูกเป็นสิ่งสำคัญที่พ่อแม่ไม่ควรมองข้าม แต่จะฝึกอย่างไรให้ได้ผลลัพธ์ที่โดนใจและทำให้ลูกเรียนรู้ได้ง่ายขึ้น จะต้องทำความเข้าใจกับลักษณะนิสัยของเขาให้ได้ก่อน เพื่อจะได้เลือกวิธีการฝึกได้อย่างเหมาะสมและให้ผลลัพธ์ที่ไม่ผิดหวังนั่นเอง นอกจากนี้การเลือกวิธีที่เหมาะสม ก็ไม่ทำให้ลูกรู้สึกแย่กับการฝึกระเบียบอีกด้วย