การร้อยไหม (Threads lifts) คือ การยกกระชับผิวหน้าด้วยการสอดไหมละลายเข้าไปในชั้นใต้ผิวหนัง ช่วยฟื้นฟูใบหน้าและข้างแก้มที่ดูหย่อนคล้อยให้แน่นขึ้น การร้อยไหมกระชับผิวหน้าเป็นการฟื้นฟูใบหน้าในระยะสั้น แต่สามารถกลับมาทำซ้ำใหม่ได้ภายหลัง เนื่องจากต้องการเวลาพักฟื้นเพียงไม่กี่วันจากอาการบวม ทำให้สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างรวดเร็ว การร้อยไหมสามารถทำได้ทั้งใบหน้าหรือเฉพาะจุดก็ได้ เช่น รอบดวงตา ข้างแก้ม ร่องน้ำหมาก เหนียง และจมูก จึงถือเป็นทางเลือกใหม่สำหรับการกระชับผิวโดยไม่ต้องผ่าตัดแต่อย่างใด
ผู้รับการร้อยไหมจะเห็นผลได้ในทันทีหลังจากเสร็จสิ้นการร้อยไหม และผลลัพธ์จะพัฒนายิ่งขึ้นหลังจาก 3 เดือน เพราะตลอดกระบวนการที่ไหมค่อยๆ ละลายใต้ชั้นผิวหนังนั้น เนื้อเยื่อที่ร้อยไหมจะทำการรักษาตัวเอง และกระตุ้นไฟโบรบาสต์ในร่างกายให้สร้างคอลลาเจนเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นการตอบสนองโดยธรรมชาติที่เกิดขึ้นเมื่อร่างกายสัมผัสกับสิ่งแปลกปลอม
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
ไหมที่ใช้ร้อยไหมมีกี่แบบ มีข้อดี-ข้อเสียแตกต่างกันอย่างไร?
ไหมที่นำมาร้อยในการยกกระชับผิวหน้านั้นมีหลากหลายชื่อที่ถูกเรียกต่างกันไปตามชื่อการค้า แต่หากแบ่งตามลักษณะของตัวไหมจะมีดังต่อไปนี้
- ไหมเรียบ (Mono threads) เป็นไหมละลายเส้นเรียบ ไม่มีเงี่ยงหรือเกลียว เป็นไหมที่ใช้ในสมัยแรกๆ ที่การร้อยไหมยังไม่เป็นที่นิยม ลักษณะเป็นเส้นสั้นสอดเข้าชั้นผิวตื้นเพื่อให้ใบหน้าตึงขึ้น แต่ไม่ได้ช่วยยกกระชับผิวแต่อย่างใด อาการบวมหลังจากการร้อยไหมประเภทนี้ ทำให้ผู้ที่ร้อยไหมรู้สึกใบหน้าดูเต่งตึงขึ้นในระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น จึงไม่ได้รับความนิยม ในปัจจุบันนี้แทบไม่มีผู้ที่ร้อยไหมเพื่อยกกระชับใบหน้าโดยใช้ไหมเรียบแล้ว
- ไหมเกลียว (Screw threads) เป็นไหมละลายที่มีความแข็งแรงกว่าไหมเรียบ มีลักษณะเป็นม้วนคล้ายสปริง และอาจเป็นเส้นเดียวหรือสองเส้นพันกันเป็นเกลียว ลักษณะเกลียวที่เพิ่มขึ้นมานี้ จะช่วยเพิ่มปริมาตรบริเวณผิวหนังที่ยุบเป็นแอ่งได้ และสามารถช่วยยกกระชับผิวหนังที่หย่อนยาน
- ไหมเงี่ยง (Barbed threads หรือ Cog threads) เป็นไหมละลายที่นิยมมากในปัจจุบัน ลักษณะเป็นเส้นคล้ายก้างปลาจึงใช้ดึงผิวให้ยกขึ้นได้ดี ช่วยลดความหย่อนคล้อยของใบหน้าได้ ไหมชนิดนี้อาจมีการใช้ชื่ออื่นๆ เช่น ไหมก้างปลา ไหมปากฉลาม หรือไหมกุหลาบ
- ไหมกรวย (Silhouette soft) เป็นไหมละลายรูปแบบใหม่ ที่มีปมกลมๆ ตามแนวเส้นไหม และมีพลาสติกทรงกรวยเล็กๆ อยู่ระหว่างปมของเส้นไหม ซึ่งลักษณะเช่นนี้ทำให้จับเนื้อเยื่อได้มากขึ้น โดยไม่มีผลทำให้เนื้อเยื่อภายในบาดเจ็บมากนัก ไหมชนิดนี้จึงเน้นช่วยยกกระชับผิวมากกว่าการสร้างคอลลาเจน สามารถยกกระชับผิวได้ดีกว่าไหมรูปแบบอื่น ไม่เกิดความระคายเคือง และถูกออกแบบมาเพื่อให้ได้ผลยกกระชับที่ยาวนานกว่า โดยผลจะคงอยู่ 1-3 ปี
ข้อเสียของไหมกรวยคือ อาจใช้เวลาในการทำนานกว่า และมีอาการปวดหรือบวมหลังจากการทำ แต่อาการจะหายไปภายใน 2-3 วัน นอกจากนี้ ไหมชนิดนี้ราคาค่อนข้างสูงจึงไม่ค่อยเป็นที่นิยม
วัสดุที่นิยมนำมาทำไหมละลาย
เมื่อร้อยไหมละลายเข้าไปใต้ผิวหนัง ผิวหนังจะเกิดการอักเสบ และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ในขณะที่ไหมละลายนั้นจะค่อยๆ ละลายหายไป ดังนั้นไหมที่ยิ่งใช้เวลาละลายตัวนาน ยิ่งเป็นที่นิยม เพราะสามารถส่งผลให้ใบหน้าฟื้นฟูได้ยาวนาน โดยส่วนมากจะอยู่ที่ 6-8 เดือน มักจะผลิตจากวัสดุดังนี้
- โพลีไดออกซาโนน (Polydioxanone: PDO) เป็นวัสดุที่ละลายในร่างกายคนได้ภายใน 6-8 เดือน โดยปกติถูกนำมาประยุกต์ใช้ทางการแพทย์บ่อย เช่น การเย็บแผล ไหมที่ใช้วัสดุชนิดนี้ ได้แก่ ไหมเรียบ ไหมเกลียว และไหมเงี่ยง
- โพลีไกลโคอิก แอซิด (Polyglycoic acid: PGA) เป็นวัสดุที่ละลายในร่างกายคนได้ภายใน 6-12 เดือน ไหมที่ใช้วัสดุชนิดนี้ ได้แก่ ไหมกรวย
- วัสดุอื่นๆ เช่น โพลีแอลแลคติกแอซิด (Poly L-Lactic acid: PLLA) โพลีคาโปรแลคโตน (Polycaprolactone: PCL) เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ไหมชนิดใดใช้วัสดุอะไรนั้นขึ้นอยู่กับแต่ละยี่ห้อด้วย บางยี่ห้ออาจใช้วัสดุหลายอย่างผสมกันในอัตราส่วนเฉพาะ เพื่อให้ได้คุณสมบัติที่ดีขึ้น หรือลักษณะเฉพาะ ในแง่ความแข็งแรงของเส้นไหม และระยะเวลาในการสลายตัว ซึ่งเป็นตัวกำหนดระยะเวลาในการเห็นผลของร้อยไหม
ขนาดของเส้นไหมก็มีผลต่อระยะเวลาในการสลายตัวเช่นกัน โดยขนาดที่ใหญ่กว่าจะละลายช้า การฟื้นฟูผิวหน้าจะอยู่ได้นานกว่า
วิธีการร้อยไหมทำอย่างไร?
สำหรับคนที่กำลังคิดจะไปร้อยไหม และสงสัยว่ามีขั้นตอนอย่างไร เจ็บหรือไม่ สามารถดูขั้นตอนการร้อยไหมเบื้องต้นได้ดังนี้
- แพทย์จะให้คำปรึกษาและแนะนำ สอบถามประวัติว่ามีโรคหรือยาที่ใช้ประจำหรือไม่ เนื่องจากสารในตัวยาบางชนิดอาจมีผลต่อการร้อยไหม เช่น แอสไพริน นอกจากนี้แพทย์จะวิเคราะห์วางแผนการร้อยไหมจากอายุ และลักษณะใบหน้าส่วนบุคคล เพื่อการเลือกชนิดไหม ขนาด จำนวนไหม
- ฉีดยาชา แพทย์จะฉีดยาชาให้กับผู้ร้อยไหมในกรณีที่ไม่มีประวัติการแพ้ยาชา
- ทำสัญลักษณ์ ตามตำแหน่งที่จะทำการร้อยไหม
- ทำการร้อยไหม โดยการสอดเส้นไหมเข้าไปในเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง ส่วนของเส้นไหมที่เป็นเงี่ยงจะทำการยกกระชับผิวหน้าขึ้น รวมทั้งทำให้เกิดการอักเสบเพื่อเป็นการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
- ในกระบวนการทั้งหมดนี้แพทย์จะใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที แต่หลังจากนั้นอาจเกิดอาการบวมที่ใบหน้า ซึ่งจะหายได้เองใน 1-2 วัน
ใครบ้างที่สามารถเข้ารับการร้อยไหม?
การร้อยไหมนั้นมีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำ มีความปลอดภัยสูง ไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้นนาน จึงทำให้ผู้ที่สามารถรับการร้อยไหมนั้นมีค่อนข้างมาก โดยปกติจะมีอายุระหว่าง 30-60 ปี มีความหย่อนคล้อยของผิวหนังเล็กน้อยถึงปานกลาง ไม่ได้มากถึงขนาดที่จะต้องใช้การผ่าตัดยกกระชับใบหน้า (facelift) ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูง และยังเหมาะกับผู้ที่กำลังจะมีการออกงานสำคัญและต้องใช้การยกกระชับใบหน้าในระยะสั้น
ข้อควรระวังทั้งก่อนและหลังไปร้อยไหม
แม้การร้อยไหมจะมีความเสี่ยงต่ำ แต่ก็อาจเกิดอาการไม่พึงประสงค์ได้บ้าง เช่น ปวด บวม แดง ซึ่งส่วนมากมักหายได้เองในเวลาไม่กี่วัน
อย่างไรก็ตาม อาจเกิดความผิดพลาดขึ้นได้จากการติดเชื้อ เส้นประสาทเสียหาย และใบหน้าที่ไม่สมดุล ซึ่งการป้องกันไม่ให้เกิดความผิดพลาดนี้ สามารถทำได้ด้วยตัวเองตั้งแต่แรกเช่นกันดังต่อไปนี้
- สตรีมีครรภ์ห้ามทำการร้อยไหม
- งดกินอาหารใกล้เตาร้อน เช่น หม้อชาบู ปิ้งบาร์บีคิว หมูกระทะ
- ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่สัมผัสความร้อน หลังจากร้อยไหม เช่น ประคบร้อน การใช้ไดร์เป่าผมจ่อใกล้ใบหน้า และการเซาน่า (Sauna)
- งดอาหารเผ็ดร้อน รสจัด ที่ทำให้ใบหน้าแดง งดของหมักดอง เช่น ปลาร้า มะม่วงดอง หน่อไม้ดอง รวมถึงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เนื่องจากของหมักดองมีสารที่จะทำให้เส้นเลือดขยายตัวขึ้น ส่งผลให้อาการบวมลดลงช้า
- งดสูบบุหรี่ เนื่องจากมีสารที่ทำให้เส้นเลือดขยายตัวเช่นกัน
- หลังจากร้อยไหมแล้ว การไปหาหมอครั้งต่อๆ ไป ควรแจ้งประวัติการร้อยไหมให้หมอทราบด้วย เนื่องจากการรักษาอาการบางอย่างอาจต้องใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่มีความร้อน รังสีแม่เหล็ก หากใช้ไหมประเภทที่มีส่วนประกอบของโลหะ ทอง อาจทำให้เกิดความร้อนและไหม้ได้
- งดทำทรีตเมนต์อื่นๆ บริเวณใบหน้า โดยเฉพาะทรีตเมนต์ที่ต้องอาศัยความร้อน โดยควรเว้นระยะไว้ประมาณ 3 เดือนหลังร้อยไหม เช่น เลเซอร์เทอร์มาจ (Thermage) หรือไฮฟู่ อาร์เอฟ (Ulthera Hifu) โดยให้งดประมาณ 1 เดือน
แต่หากต้องการจะทำจริงๆ ก็ให้ทำก่อนที่จะร้อยไหม เพราะความร้อนจากเลเซอร์จะทำให้ไหมละลายได้ ส่วนการฉีดฟิลเลอร์ (Filler) หรือฉีดวิตามินบำรุงหน้า สามารถทำได้หลังร้อยไหม 2 สัปดาห์