คุณรับประทานผักและผลไม้ที่มีวิตามินซีมากเพียงพอหรือเปล่า? จำเป็นจะต้องทานวิตามินซีเสริมหรือไม่? วิตามินซีมีผลอย่างไรต่อโรคข้ออักเสบ?
วิตามินซีกับโรคข้ออักเสบ
มีการศึกษาหนึ่งที่พบว่า วิตามินซีสามารถช่วยป้องกันโรคข้ออักเสบและอาการของโรค ในขณะที่อีกการศึกษาหนึ่งกลับพบว่าวิตามินซีอาจทำให้โรคข้ออักเสบรุนแรงขึ้น
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
เหตุผลที่ทำให้เกิดความแตกต่างดังกล่าวนั่น ก็เป็นเพราะว่าการศึกษา 2 ชิ้นนี้ศึกษาในโรคข้ออักเสบที่ต่างกันซึ่งก็คือ โรคข้อเสื่อม (osteoarthritis) กับโรคข้ออักเสบรูห์มาตอยด์ (Rheumatoid arthritis) ซึ่งมีกระบวนการในการเกิดโรคที่ต่างกัน
วิตามินซีกับโรคข้อเสื่อม (osteoarthritis)
โรคข้อเสื่อม เป็นอาการของข้อที่ค่อย ๆ เสื่อมลง และจากการศึกษาในปี 2004 ในวารสารโรคข้อและรูห์มาติซึ่ม (Arthritis&Rheumatism) พบว่าการใช้วิตามินซีในระยะยาวอาจทำไห้โรคข้อเสื่อมที่เข่าแย่ลง โดยนักวิจัยได้ทำการวิเคราะห์ถึงผลกระทบของการให้วิตามินปริมาณต่างกันในหมูเป็นระยะเวลา 8 เดือน ซึ่งหมูที่ใช้ในการทดลองนี้ไม่สามารถสังเคราะห์วิตามินซีได้เช่นเดียวกับมนุษย์
จากการศึกษาพบว่ากลุ่มที่ได้วิตามินปริมาณสูงจะเกิดโรคข้อเสื่อมที่เข่าและมีการทำลายกระดูกอ่อนรุนแรงที่สุด นักวิจัยจึงสรุปว่า ไม่ควรรับประทานวิตามินซีเกินกว่าปริมาณที่แนะนำในปัจจุบันซึ่งก็คือ
- 90 มิลลิกรัมต่อวันในผู้ชาย
- 75 มิลลิกรัมต่อวันในผู้หญิง
วิตามินซีกับโรคข้ออักเสบแบบรูห์มาติก (Rheumatoid arthritis)
โรคข้ออักเสบแบบรูห์มาติก (Rheumatoid arthritis) เป็นโรคทางระบบภูมิคุ้มกันซึ่งทำให้เกิดการอักเสบภายในข้อ นำไปสู่การทำลายข้อและทำให้ข้อผิดรูป
มีรายงานในวารสารประจำปีของโรครูห์มาติก (Annals of the rheumatic disease) ที่ระบุว่าการรับประทานวิตามินซีช่วยป้องกันการอักเสบในหลาย ๆ ข้อของร่างการ (inflammatory polyarthritis) ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของโรคข้ออักเสบแบบรูห์มาติกที่เกิดขึ้นในหลายข้อ โดยการศึกษานี้ศึกษาจากประชากร 23,000 คนในศูนย์โรคมะเร็ง ประเทศสหราชอาณาจักร ทำการศึกษาโดยให้ผู้ร่วมวิจัยจดบันทึกอาหารที่กิน และขณะนั้นไม่ได้ป่วยเป็นโรคข้ออักเสบแบบรูห์มาติก
นักวิจัยได้ทำการเปรียบเทียบการรับประทานอาหารของผู้ร่วมวิจัยจำนวน 73 คนที่เป็นโรคข้ออักเสบแบบรูห์มาติกใน 8 ปี กับผู้ร่วมวิจัยอีก 146 คนที่ไม่เป็นโรค และสามารถสรุปว่าคนที่เป็นโรคนั้นรับประทานผักและผลไม้ปริมาณน้อยกว่าคนที่ไม่เป็น และผู้ร่วมวิจัยที่รับประทานผักและผลไม้น้อยที่สุดมีความเสี่ยงในการเกิด inflammatory arthritis สูงขึ้น 2 เท่า
มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญระหว่างปริมาณวิตามินซีที่รับประทานกับการเกิดโรคข้ออักเสบ ผู้ร่วมวิจัยที่รับประทานวิตามินซีปริมาณน้อยที่สุด มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคข้ออักเสบมากกว่าคนที่รับประทานวิตามินซีในปริมาณมากที่สุดถึง 3 เท่า
ผลดีของวิตามินซีต่อการเกิดโรคข้ออักเสบแบบรูห์มาติก อาจมีเหตุผลจาก
- วิตามินซี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีเยี่ยม ซึ่งสามารถทำลายสารที่กระตุ้นให้เกิดการอักเสบรูห์มาติกได้
- วิตามินซี มีบทบาทสำคัญในกระบวนการสร้างคอลลาเจน ซึ่งเป็นโปรตีนหลักในเนื้อเยื่อของข้อและกระดูก
- วิตามินซี มีบทบาทในการต่อสู้กับการติดเชื้อและอาจช่วยควบคุมการอักเสบซึ่งสัมพันธ์กับกาวติดเชื้อ
- บางคนเชื่อว่าการติดเชื้อกระตุ้นให้โรคข้ออักเสบแบบรูห์มาติกกำเริบ
สรุปวิตามินซีกับโรคข้ออักเสบ
แนะนำให้รับประทานวิตามินซีในปริมาณปานกลาง เพื่อช่วยคงสภาพของกระดูกและข้อ โดยแนะนำให้รับประทานผักและผลไม้ตามปริมาณที่แนะนำในแต่ละวัน และการรับประทานวิตามินซีที่มากเกินไปอาจทำให้เกิดปัญหาได้