การหาซื้อยาเสพติดไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินไป ในบางครั้งคุณอาจพบว่า แม้แต่คนใกล้ตัวก็เสพยาเสพติด และชักชวนให้ลองเสพยาด้วยเหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม ยาเสพติดเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นในด้านของผู้เสพ มีไว้ในครอบครอง หรือเป็นผู้จัดจำหน่าย นอกจากจะทำให้เสียอนาคตแล้ว สารในยาเสพติดยังส่งผลกระทบต่อร่างกาย และเป็นอันตรายมากกว่าที่คิด
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ยาเสพติดออกฤทธิ์อย่างไร?
ยาเสพติดบางชนิดเป็นสารเคมี หรือมีสารประกอบของสารเคมีที่ส่งผลให้การทำงานของสมองและร่างกายทำงานผิดเพี้ยนไป
ถึงแม้ว่า ยาเสพติดบางชนิดจะเป็นยารักษาโรค แต่ก็ต้องได้รับการควบคุมการใช้อย่างใกล้ชิดโดยแพทย์ และส่วนใหญ่ไม่มีประโยชน์ใดๆ เลย
เมื่อเสพยาเสพติดเข้าร่างกายด้วยวิธีการรับประทาน สูดดม หรือการฉีดสารเข้าทางเส้นเลือด สารเคมีของยาเสพติดจะถูกส่งไปตามกระแสเลือดขึ้นสู่สมอง และอวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกาย
สารเคมีที่เข้าสู่สมองนั้นจะส่งผลต่อการทำงานสมองส่วนความคิด (Cerebral Cortex) และสมองส่วนอยาก (Limbic System) กระตุ้นให้หลั่งโดปามีน (Dopamine) หรือสารที่ทำให้เกิดความสุขมากขึ้นกว่าปกติ
อย่างไรก็ตาม เมื่อยาหมดฤทธิ์จะทำให้รู้สึกหงุดหงิด ซึมเศร้า ทำให้ต้องการเสพยาซ้ำไปเรื่อยๆ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการ จนเกิดเป็นภาวะสมองติดยาได้
ด้วยเหตุผลต่างๆ เหล่านี้ สารเคมีจากยาเสพติดจึงส่งผลกระทบต่อสมรรถนะทางร่างกาย ระบบความคิด และการตัดสินใจ แม้แต่การดื่มแอลกอฮอล์ก็สามารถทำให้ผู้ดื่มตกอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงได้ โดยเฉพาะการเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
ผลกระทบจากการเสพยาต่อสมอง
สารในยาเสพติดจะออกฤทธิ์ต่อสมองและระบบประสาทโดยตรง ซึ่งส่งผลให้เกิดการทำลายเซลล์สมองส่วนความคิดได้ ทำให้การใช้ความคิดที่เป็นเหตุเป็นผลเสียไปจนทำให้สมองส่วนอยากมีอิทธิพลเหนือสมองส่วนคิด โดยเฉพาะช่วงอาการอยากสารเสพติด
ผลกระทบจากการที่เซลล์สมองส่วนความคิดถูกทำลายคือ ผู้เสพยาจะทำอะไรตามใจมากกว่าเหตุผล เช่น ฉุนเฉียวง่าย มีพฤติกรรมก้าวร้าว ไม่สามารถควบคุมตัวเอง หรือขาดความยับยั้งชั่งใจ จนนำไปสู่ความรุนแรงในสังคมที่พบได้บ่อยๆ
เช่น การปล้นจี้ ลักขโมย หรือทำร้ายร่างกายได้
ไม่เพียงเท่านั้น ผลกระทบจากยาเสพติดยังอาจทำให้เกิดอาการทางจิต มีหูแว่ว เห็นภาพหลอน จนกลายเป็นผู้ป่วยจิตเวช
สิ่งที่ผู้กำลังคิดจะลองเสพยาควรชั่งใจให้ดีก็คือ การเสพยาเพียงหนึ่งครั้งก็สามารถทำลายเซลล์สมองได้ และเป็นเรื่องยากที่จะสามารถบำบัดรักษาให้สมองฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม แม้ว่าจะเข้ารับการบำบัดอย่างรวดเร็วก็ตาม
หลายคนใช้ยาเสพติดเพราะเหตุใด?
เนื่องจากยาเสพติดนั้นมีหลายชนิดมาก จึงมีหลากหลายเหตุผลที่คนอยากทดลองเสพ เช่น
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
- เชื่อว่า การเสพยาจะทำให้พวกเขารู้สึกเคลิบเคลิ้ม มีความสุข
- ใช้ยาเพราะอย่างน้อยช่วงเวลาที่เสพยาทำให้พวกเขารู้สึกดี คลายเครียด
- มีอีกหลายคนที่ชักชวนเพื่อนให้เข้าสู่วงจรนี้ด้วย เนื่องจากพวกเขาไม่อยากเสพยาตามลำพัง
- เสพยาเพื่อให้พวกเขาคิดงานออก มีไอเดียใหม่ๆ
- เสพยาเพื่อให้เป็นที่ยอมรับในกลุ่มเพื่อน หรืออาจได้รับความกดดันจากกลุมเพื่อน
- อยากรู้ อยากลอง และคิดว่า เสพยาไม่กี่ครั้ง ไม่ทำให้ติดยา
- เสพยาเพราะมีอาการซึมเศร้า และเชื่อว่า การเสพยาจะช่วยบรรเทาอาการดังกล่าวได้
- เสพยาเพราะเครียด มีปัญหา
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ยาจะช่วยบรรเทาอาการได้เพียงชั่วคราว และไม่ได้แก้ปัญหาได้จริง และเมื่อไม่ได้เสพยาพวกเขาจะกลับมามีอาการแย่ลง ทำให้ต้องใช้ยามากขึ้นเรื่อยๆ อีก
ในส่วนของความเครียด มีวิธีแก้ปัญหามากมาย แตกต่างไปตามแต่ระดับความเครียดของแต่ละบุคคล การตรวจวิเคราะห์ความเครียด หรือปรึกษาจิตแพทย์ น่าจะเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ตกอยูในสถานการณ์นี้
ตัวอย่างยาเสพติดให้โทษ
- ยาคานิโทน หรือ Bath Salts
- โคเคน
- ยาแก้ไอและยาแก้หวัด
- Crack หรือโคเคนสำหรับสูบ
- ยากดประสาท
- จีเอชบี (GHB)
- เฮโรอีน
- สารระเหย
- ยาเค
- แอลเอสดี (LSD)
- ยาอี
- กัญชา
- เมทแอมเฟตามีน (Meth)
- เห็ดเมา
- พีซีพี (PCP)
- ยาแก้ปวดกลุ่มโอปิออยด์
- โรฮิปนอล
- แซลเวีย
การเลิกยา และการรักษา
หากคิดว่า เพื่อนของคุณ หรือแม้แต่ตัวคุณเองกำลังติดยา แนะนำให้รีบปรึกษาผู้ปกครอง แพทย์ ครูที่ปรึกษา หรือพยาบาลเพราะ บุคคลเหล่านี้สามารถช่วยคุณได้
เนื่องจากมีการรักษาต่างๆ มากมายที่ถูกกำหนดมาเพื่อการรักษาอาการติดยา โดยการรักษามี 2 ลักษณะใหญ่ๆ คือ
- พฤติกรรมบำบัด เป็นการบำบัดโดยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ป่วย
- เภสัชบำบัด เป็นการรักษาด้วยยา
ผู้เชี่ยวชาญ หรือนักบำบัดจะมีวิธีการรักษาให้ผู้ป่วยสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยการไม่ต้องเสพยา เช่น การจัดการกับอาการลงแดง หรือการเลี่ยงสถานการณ์เสี่ยงต่อการกลับไปเสพยา
การรักษาโดยการใช้ยาเพียงอย่างเดียวมักไม่ได้ผล นอกจากนี้การรักษาเพื่อเลิกยาเสพติดยังต้องใช้ระยะเวลานานในการรักษา
อาจไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเลิกเสพยาได้โดยไม่ต้องพึ่งพาการบำบัดรักษา เนื่องจากต้องให้เวลากับตัวเอง และจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือสนับสนุน หรือได้รับกำลังใจจากคนรอบข้าง
ดังนั้นเมื่อคุณ หรือเพื่อนติดยา ควรเข้ารับการรักษากับศูนย์บำบัดในพื้นที่ใกล้เคียง หรืออาจขอคำแนะนำเกี่ยวกับการรักษาจากแพทย์ หรือคนใกล้ชิด
เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจตรวจสารเสพติด จากคลินิกและโรงพยาบาลใกล้คุณ และไม่พลาดทุกการอัปเดตเรื่องสุขภาพและโปรโมชั่นเมื่อกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android