“ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ” ใคร ๆ ก็ว่าไว้เช่นนั้น เพราะดวงตาเป็นประตูด่านแรกที่ทำให้คนเราได้รู้จักพูดคุยกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความรักหรือการคุยธุรกิจ การที่คนเราจะประทับใจกันหรือไม่ ธุรกิจหรือความรักจะไปต่ออย่างไร มักเริ่มต้นด้วยการสื่อผ่านดวงตานี่เอง สำหรับผู้ที่กำลังสนใจจะทำตาสองชั้นเพื่อเพิ่มความมั่นใจและสร้างความประทับใจต่อทุกความสัมพันธุ์ สามารถศึกษาได้จากข้อมูลด้านล่างต่อไปนี้
ศัลยกรรมตาสองชั้น มีกี่แบบอะไรบ้าง
ไม่น่าเชื่อว่านวัตกรรมและเทคโนโลยีจะสามารถทำให้มีวิธีศัลยกรรมดวงตาได้หลากหลายวิธีขนาดนี้ แต่นั่นก็เป็นผลดีของสาว ๆ ทั้งปวง ที่จะได้เลือกวิธีที่ตนเองชอบที่สุด เหมาะกับดวงตาของตนที่สุด เพื่อให้ผลลับออกมาสวยที่สุด ซึ่งวิธีการทำตาสองชั้นที่ได้รับความนิยมสูงมีดังนี้
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
- 1.กรีดหนังตา เป็นวิธีที่คุ้นเคยกันดีกับการทำตาสองชั้น หรือจะเรียกว่าวิธีมาตณฐานก็ว่าได้ เพราะมีผู้ทำตาสองชั้นด้วยวิธีนี้มีมากเป็นอันดับหนึ่งเลยเดียว ซึ่งมีทั้งแบบกรีดสั้นและกรีดยาว คือ
- 2.การเจาะรูหรือบางที่เรียกวิธีการเย็บจุด คือการไม่ต้องกรีดหนังตาแต่เปลี่ยนเป็นการเจาะรูเล็ก ๆ ที่เปลือกตาห่างกัน 3-4 จุด สามารถเอานำไขมันส่วนเกินออกได้ จากนั้นทำการเย็บปมไหมไปตามแนวเส้นที่ได้กำหนดไว้เข้ากับกล้ามเนื้อตา จะทำให้เกิดเป็นตาสองชั้นขึ้น ข้อดีคือไม่ทำให้เกิดรอยแผลเป็น และเกิดการบวมช้ำเพียงเล็กน้อย
- 3.การเลเซอร์ เป็นการใช้เลเซอร์คลื่น plasma ยิงไปที่หนังตาทำให้มีหนังตา 2 ชั้นขึ้นมาอย่างง่ายดาย ถึงจะเจ็บจี๊ดแทบน้ำตาไหล แต่ข้อดีคือทิ้งแผลเอาไว้น้อยมาก ใช้เวลาพักฟื้นน้อยมาก ใช้ชีวิตปกติได้แทบจะทันที แต่วิธีการนี้มีข้อระวังคือ เหมาะสำหรับผู้ที่มีตาสองชั้นอยู่แล้วแต่มีหนังตาหย่อนคล้อย หนังตาตกเล็กน้อย หรือต้องการแก้ไขเพียงนิดหน่อย กลุ่มคนเหล่านี้จะเห็นผลได้ดี ไม่เหมาะกับผู้ที่มีตาชั้นเดียวเพราะการเลเซอร์จะได้ผลลัพธ์ไม่ดีเท่าการศัลยกรรมรูปแบบอื่น
- กรีดสั้น เป็นการกรีดตรงกึ่งกลางหนังตา เอาไขมันออกและเย็บปิดแผล ข้อดีคือทำให้แผลเป็นที่เล็ก หายไว เหมาะสำหรับสาว ๆ ที่อายุยังน้อย
- กรีดยาว เป็นการกรีดกหนังตาให้ได้ความโค้งที่สมดุลสวยงามตั้งแต่หัวตาจรดส่วนหาง เอาไขมันส่วนเกินออกมาแล้วเย็บแผล เหมาะสำหรับคนที่มีไขมันบริเวณใต้เปลือกตามาก ๆ กระบวนการนี้ยังสามารถ ทำให้มีดวงตาโตขึ้น แบ๊วขึ้น เหมาะกับสไตล์สาวหวาน ดวงตากลมโตเหมือนสาวเกาหลี
วิธีการศัลยกรรมตาสองชั้นเป็นอย่างไรบ้าง
สำหรับผู้ที่อยากทำตาสองชั้นส่วนใหญ่จะมีแบบมาแล้ว โดยคุณสามารถนำภาพตัวอย่างนั้นไปปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำเบื้องต้นก่อน จากนั้นปรึกษาถึงความเป็นไปได้กับใบหน้าและหนังตาของเรา ว่าสามารถทำได้หรือไม่ หรือควรปรับแก้ไขตรงไหนอย่างไร จากนั้นทำการนัดวันเวลาเข้ารับการผ่าตัดอีกครั้ง
ขั้นตอนคร่าว ๆ ของการศัลยกรรมทำตาสองชั้น แพทย์จะทำการฉีดยาชาก่อนเพื่อลดความเจ็บปวด การผ่าตัดขึ้นอยู่กับวิธีการที่คุณเลือกใช้ ว่าจะเป็นการกรีดตาด้วยมีด การเจาะรูเย็บจุด หรือเป็นเพียงการเลซอร์เท่านั้น ซึ่งแพทย์จะเครื่องมือที่มีนวัตกรรมทางเทคโนโลยีแตกต่างกันออกไป จากนั้นทำการตกแต่งผิวหนังรอบดวงตา แก้ไปปัญหาหนังตาตกหรือไขมันที่เปลือกตา ทำการเย็บแผลและพักฟื้นอีกเล็กน้อยก่อนแพทย์จะพิจารณาให้กลับบ้าน
วิธีการดูแลตัวเองก่อนและหลัง
หลังจากทำตาสองชั้น แน่นอนว่าจะต้องรู้สึกปวด มีอาการบวม และฟกช้ำบริเวณเปลือกตา โดยเฉพาะ 7-14 วันแรก ช่วงนี้ให้ดูตัวเองเป็นพิเศษ ทานยาตามแพทย์สั่ง งดทุกกิจกรรมที่จะทำให้แผลสะเทือน ระวังแผลโดนน้ำ เลือกกินอาหารอ่อน ๆ อาหารที่ไม่หมักดอง อาหารที่ไม่กระตุ้นการไหลเวียนของเลือดเนื่องจากอาจทำให้เลือดคั่งภายในจะเกิดการห้อเลือดได้ ทานอาหารที่ดีต้อการฟื้นฟูร่างกาย หลังจากนั้นแผลจะเริ่มหาย อาการบวมจะลดลง ตาสองชั้นจะเริ่มเข้าที่และสวยขึ้นเรื่อย ๆ
- ก่อนและหลังผ่าตัดควรงดใช้เครื่องสำอางบริเวณใบหน้า เพื่อป้องกันสิ่งสกปรกซึ่งอาจทำให้แผลติดเชื้อได้
- ระวังอย่าให้แผลโดนน้ำ โดยเฉพาะการอาบน้ำ ล้างหน้า หรือสระผม แนะนำให้สระผมก่อนผ่าตัด เพื่อเลี่ยงแผลโดนน้ำให้มากที่สุด
- วิธีทำความสะอาดแผลให้ใช้คอตตอนบัดหรือสำลีชุบน้ำต้มสุก บีบสำลีให้หมาด ๆ แล้วเช็ดเบา ๆ
- หลังจากทำตาสองชั้น 2-3 วันแรก ให้ประคบเย็นเพื่อลดการไหลเวียนของเลือด ทำให้เลือดไปเลี้ยงบริเวณตาน้อยลง ลดการบวมและห้อเลือด
- เมื่อแผลเริ่มแห้งแล้วจึงค่อยประคบร้อนเพื่อทำให้เลือดไหลเวียนได้ตามปกติ
- เวลานอนหนุนหมอนยกศรีษะให้สูง ๆ จะช่วยลดอาการบวมรอบดวงตาได้
ค่าใช้จ่ายสำหรับการผ่าตัดตาสองชั้น
การศัลยกรรมตาสองชั้น อาจมีราคาที่แตกต่างกันไปตามกรรมวิธี เครื่องมือที่ใช้ ชื่อเสียงของคลินิก และประสบการณ์ของเพทย์ ราคาเฉลี่ยอยู่ที่หลักหมื่นบาท ซึ่งมีตั้งแต่ 15,000 - 30,000 เป็นต้นไป อย่างไรก็ตามไม่แนะนำให้ศัลยกรรมกับคลินิกที่มีราคาถูกจนน่าตกใจ เนื่องจากอาจมีความเสี่ยงที่จะได้รับบริการที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่ว่าจะเป็นนวัตกรรมเครื่องมือ อุปกรณ์ ความชำนาญของแพทย์ รวมทั้งซิลิโคนที่จะต้องอยู่ในร่างกายเราไปอีกหลายปี ทั้งนี้ผู้ป่วยควรสอบถามราคาที่แน่นอนกับแต่ละคลินิกอีกครั้ง