ภาวะเพ้อคลั่ง เป็นอาการที่พบได้ในผู้ที่มีปัญหาทางสมอง ผู้ที่อยู่ในช่วงถอนพิษสุรา และผู้ที่ใช้ยาบางชนิด แต่ภาวะนี้สามารถรักษาให้หายขาดได้ หากรักษาอย่างถูกวิธี
ภาวะเพ้อคลั่ง (Delirium) คือการเปลี่ยนแปลงที่เกิดอย่างฉับพลันในสมอง ทำให้เกิดความสับสนด้านการรับรู้และเสียการควบคุมทางอารมณ์และจิตใจ ส่งผลให้ทักษะการคิด การจำ การตั้งสมาธิ การนอนหลับ และอื่นๆ ถดถอยลง สามารถพบได้ในผู้ที่อยู่ในภาวะถอนพิษสุรา ช่วงหลังผ่าตัด หรือมีภาวะสมองเสื่อม เป็นต้น อาการเพ้อคลั่งมักเกิดขึ้นชั่วคราว และส่วนใหญ่สามารถรักษาให้หายได้
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
อาการเพ้อคลั่งสามารถแบ่งประเภทตามสาเหตุได้ ดังนี้
- ภาวะเพ้อคลั่งจากภาวะถอนพิษสุรา (Delirium Tremens) เป็นภาวะรุนแรงที่เกิดกับผู้ที่ต้องการเลิกแอลกอฮอล์ หลังจากดื่มแอลกอฮอล์อย่างหนักติดต่อกันมาหลายปี
- ภาวะเพ้อคลั่งแบบกระวนกระวาย (Hyperactive Delirium) ผู้ป่วยจะมีลักษณะตื่นตัวมากผิดปกติ โดยที่ไม่สามารถควบคุมได้
- ภาวะเพ้อคลั่งแบบเซื่องซึม (Hypoactive Delirium) เป็นลักษณะที่พบบ่อยที่สุด ผู้ป่วยมักมีอาการง่วงซึม เฉยเมย และละเลยหน้าที่ในชีวิตประจำวัน บางครั้งอาจลืมรับประทานอาหารหรือลืมการนัดหมายด้วย
ผู้ป่วยบางคนอาจมีลักษณะของภาวะเพ้อคลั่งได้ทั้งแบบกระวนกระวายและแบบเซื่องซึมสลับกันไปมา
อาการของภาวะเพ้อคลั่ง
ภาวะเพ้อคลั่งส่งผลต่อจิตใจ อารมณ์ การควบคุมกล้ามเนื้อ การนอนหลับ และอาจทำให้ไม่สามารถจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง รวมถึงอาจทำให้ร่างกายเคลื่อนไหวช้าลงหรือเร็วขึ้นกว่าปกติ และมีอาการอื่นๆ ตามมาได้ เช่น
- ไม่สามารถคิดหรือพูดได้ชัดเจน
- อารมณ์แปรปรวน
- นอนไม่หลับ และรู้สึกเซื่องซึม
- ความจำระยะสั้นแย่ลง
- สูญเสียการควบคุมกล้ามเนื้อ เช่น กลั้นปัสสาวะไม่ได้
สาเหตุของภาวะเพ้อคลั่ง
มีหลายสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะเพ้อคลั่ง ได้แก่
- โรคที่ทำให้เกิดการอักเสบและการติดเชื้อ เช่น โรคปอดบวม หากมีอาการรุนแรงอาจทำให้เกิดการติดเชื้อที่สมอง
- การใช้ยาบางชนิด และการเลิกใช้ยาบางชนิด เช่น ยารักษาความดันโลหิต หรือยาระงับประสาท อาจส่งผลรบกวนการหลั่งสารเคมีในสมอง
- ผู้ที่อยู่ในภาวะถอนพิษสุรา (Alcohol Withdrawal)
- การรับประทานหรือดื่มสารพิษเข้าไป
- การหายใจติดขัดจากโรคหอบหืด หรือความผิดปกติอื่นๆ ที่ทำให้สมองได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ
- การพักผ่อนไม่เพียงพอ หรืออดหลับอดนอนเป็นเวลานาน
- ผู้ที่มีภาวะร่างกายขาดน้ำ (Dehydration)
- ผู้ที่ภาวะร่างกายขาดสารอาหาร (Nutritional Deficiency)
การวินิจฉัยภาวะเพ้อคลั่ง
แพทย์จะสังเกตอาการ และประเมินว่าผู้ป่วยสามารถคิด พูดคุย และเคลื่อนไหวได้เป็นปกติหรือไม่ โดยใช้วิธี Confusion Assessment Method (CAM) เพื่อสังเกตว่าผู้ป่วยมีพฤติกรรมดังต่อไปนี้หรือไม่
- มีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไม่คงที่ตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะเมื่อเข้ารักษาในโรงพยาบาล
- ไม่สามารถจดจ่อกับสิ่งใดได้ หรือไม่สามารถตามสิ่งที่คนอื่นพูดทัน
- พูดเพ้อเจ้อเรื่อยเปื่อย
หากพบว่าสาเหตุของภาวะเพ้อคลั่ง อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงของสารเคมีในสมอง แพทย์อาจใช้การตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อช่วยในการวินิจฉัย เช่น การตรวจทางเคมีในเลือด การตรวจระดับยาและแอลกอฮอล์ การตรวจไทรอยด์ หรือการตรวจการทำงานของตับ เป็นต้น
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
การรักษาภาวะเพ้อคลั่ง
การรักษาภาวะเพ้อคลั่ง ขึ้นอยู่กับสาเหตุที่เกิดขึ้น หากเกิดจากการใช้ยาบางชนิด แพทย์อาจให้หยุดใช้ยาชนิดนั้น หรือปรับเปลี่ยนตัวยาและขนาดการใช้ยา แต่หากสาเหตุเกิดจากภาวะหอบหืดเฉียบพลัน ก็อาจใช้ยาพ่นหรือเครื่องช่วยหายใจเพื่อทำให้การหายใจกลับมาเป็นปกติ และหากสาเหตุเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย แพทย์ก็อาจรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ
ในกรณีที่ผู้ป่วยรู้สึกซึมเศร้าหรือกระวนกระวายร่วมอยู่ด้วย แพทย์อาจให้ยาตัวใดตัวหนึ่งดังต่อไปนี้ในปริมาณเล็กน้อย เพื่อบรรเทาอาการให้ดีขึ้น
- ยาต้านเศร้า : เพื่อบรรเทาอาการซึมเศร้า
- ยาระงับประสาท : เพื่อบรรเทาอาการถอนพิษสุรา
- ยายับยั้งโดพามีน : เพื่อช่วยรักษาพิษจากยาเสพติด
- ไทอะมีน (Thiamine) : เพื่อช่วยป้องกันภาวะสับสน
การฟื้นตัวจากภาวะเพ้อคลั่ง
การรักษาอย่างถูกวิธี สามารถช่วยให้ผู้ป่วยหายขาดจากอาการเพ้อคลั่งได้ แต่อาจจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2-3 สัปดาห์ เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถกลับมาคิด พูดคุย และรู้สึกเป็นปกติเหมือนเดิม
ที่มาของข้อมูล
Chitra Badii, What Causes Delirium? (https://www.healthline.com/symptom/delirium), April 2018