เมื่อโรคสมองเสื่อมพัฒนาไปเรื่อย ๆ สัมผัสประสาทและการประมวลผลของผู้ป่วยก็จะแย่ลง ทำให้การสื่อสารและการตระหนักถึงสิ่งรอบตัวเป็นไปได้ยาก และอาจต้องใช้วิธีต่าง ๆ กระตุ้นในชีวิตประจำวันให้มากขึ้น
การสื่อสารกับผู้ป่วยโรคสมองเสื่อม
โรคสมองเสื่อมเป็นภาวะความเจ็บป่วยซึ่งมีการดำเนินของโรคอยู่เรื่อย ๆ เมื่อเวลาผ่านไปโรคจะส่งผลต่อความสามารถของผู้ป่วยในการจดจำและทำความเข้าใจข้อมูลต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันแม้กระทั่งข้อมูลพื้นฐานง่าย ๆ เช่น ชื่อบุคคล วันที่ และสถานที่ เป็นต้น
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
นอกจากนี้ โรคสมองเสื่อมจะค่อยๆส่งผลกระทบต่อความสามารถในการสื่อสารอีกด้วย ความสามารถของผู้ป่วยในการแสดงความคิดอย่างเป็นลำดับและการให้เหตุผลอย่างชัดเจนจะแย่ลงเรื่อยๆ
หากคุณกำลังดูแลผู้ป่วยโรคสมองเสื่อม คุณอาจพบว่าเมื่อโรครุนแรงมากขึ้นคุณอาจต้องเป็นฝ่ายเริ่มต้นการสนทนาเสมอ และอาจต้องพูดหลายครั้งเพื่อสื่อสารกับผู้ป่วยเหล่านั้น สิ่งนี้เป็นเรื่องที่พบได้บ่อยเนื่องจากความสามารถในการประมวลผลข้อมูลของผู้ป่วยนั้นแย่ลงและการตอบสนองของพวกเขาจะช้าลงเช่นเดียวกัน
การส่งเสริมผู้ป่วยสมองเสื่อมให้สื่อสารได้มากขึ้น
พยายามเริ่มต้นการสนทนากับผู้ป่วยที่คุณกำลังดูแลอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณสังเกตเห็นว่าพวกเขาทำการเริ่มการสนทนาน้อยลง เพื่อให้เกิดการ ส่งเสริมให้ผู้ป่วยเริ่มสื่อสารมีข้อแนะนำ ดังนี้:
- พูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ และพูดช้า ๆ โดยใช้ประโยคสั้น ๆ
- สบตากับพวกเขาขณะพูด ถามคำถาม หรือการสนทนาอื่น ๆ
- เว้นระยะการพูดให้พวกเขามีเวลาคิดและตอบสนอง เพราะผู้ป่วยอาจรู้สึกกดดันหากคุณพยายามเร่งให้ตอบ
- กระตุ้นให้พวกเขาเข้าร่วมการสนทนากับผู้อื่น หากเป็นไปได
- ปล่อยให้พวกเขาพูดเรื่องที่เกี่ยวกับตัวเองระหว่างการอภิปรายถกเถียงเกี่ยวกับสวัสดิการ หรือปัญหาสุขภาพของพวกเขา เนื่องจาก พวกเขาอาจไม่กล้าพูดถึงตัวเองในเรื่องอื่น ๆ
- พยายามอย่าขำเยาะเย้ยพวกเขา หรือเล่นตลกกับคำพูดของผู้ป่วย
- รับฟังสิ่งที่พวกเขาพูด แม้ว่าคำตอบเหล่านั้นอาจจะไม่ตอบคำถามของคุณ หรือสิ่งที่พวกเขาพูดนั้นไม่เกี่ยวข้องกับบทสนทนาเลย แสดงให้พวกเขาเห็นว่าคุณกำลังรับฟัง และกระตุ้นให้พวกเขาพูดให้มากขึ้น ขยายความมากขึ้นเกี่ยวกับคำตอบเหล่านั้น
- ให้ตัวเลือกง่าย ๆ - หลีกเลี่ยงการสร้างทางเลือกที่ซับซ้อนสำหรับพวกเขา
- ใช้วิธีอื่นในการสื่อสาร - เช่น การตั้งคำถามใหม่ให้ง่ายและซับซ้อนน้อยลงเนื่องจากพวกเขาอาจไม่สามารถตอบคำถามได้ซับซ้อนอย่างที่เคยเป็น
การสื่อสารผ่านภาษากาย และการสัมผัส
การสื่อสารไม่ใช่แค่การพูดทางวาจาเท่านั้น ท่าทาง การเคลื่อนไหว และการแสดงออกทางสีหน้าทั้งหมดนั้นสามารถถ่ายทอดความหมายหรือช่วยให้คุณสื่อสารระหว่างกันได้ ภาษากายและการสัมผัสร่างกายมักกลายเป็นเรื่องสำคัญเมื่อการสื่อสารกับผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมด้วยวาจานั้นทำได้ยากมากขึ้นเรื่อย ๆ
ข้อแนะนำในการสื่อสารกับผู้ป่วยที่พูดได้ลำบาก หรือทำให้เข้าใจกันง่ายขึ้น ได้แก่:
- ความใจเย็น และท่าทีที่สงบนิ่งสามารถช่วยให้การสื่อสารง่ายขึ้น
- ใช้น้ำเสียงที่สดใส เป็นมิตรและเป็นกันเอง หากเป็นไปได้ในสถานการณ์นั้น
- พูดคุยกับพวกเขาในระยะห่างที่เหมาะสม เพื่อหลีกเลี่ยงความรู้สึกข่มขู่พวกเขา - ยืนหรือนั่งอยู่ในระดับเดียวกันหรือต่ำกว่าผู้ป่วยก็สามารถทำให้บรรยากาศการสนทนาดีขึ้นได้เช่นกัน
- ค่อย ๆ ลูบไหล่หรือจับมือผู้ป่วยในขณะกำลังพูดคุยกับพวกเขา สามารถสร้างความมั่นใจให้พวกเขาและทำให้คุณรู้สึกใกล้ชิดกันมากขึ้น ให้สังเกตภาษากายของพวกเขาและรับฟังสิ่งที่พวกเขาพูดว่าพวกเขารู้สึกดีกับสิ่งเหล่านี้หรือไม่
สิ่งสำคัญคือคุณต้องสนับสนุนให้ผู้ป่วยสามารถสื่อสารถึงสิ่งที่พวกเขาต้องการ เพราะจำไว้ว่า เราทุกคนต่างรู้สึกหงุดหงิดเมื่อไม่สามารถสื่อสารได้ดั่งใจ หรือสื่อสารแล้วมีการเข้าใจผิดอยู่เสมอ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
การรับฟังและทำความเข้าใจผู้ป่วยโรคสมองเสื่อม
การสื่อสารเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นสองทาง ในฐานะผู้ดูแลผู้ป่วยโรคสมองเสื่อม คุณอาจจะต้องเรียนรู้ที่จะ "ฟัง" อย่างรอบคอบมากขึ้น
คุณอาจต้องตระหนักถึงข้อความที่ไม่ได้มาจากคำพูดต่าง ๆ เช่น การแสดงออกทางสีหน้า และภาษากาย นอกจากนี้ คุณอาจจะต้องใช้การสัมผัสทางกายมากขึ้น เช่น การให้ความมั่นใจโดยการแตะไหล่ หรือยิ้มไปพร้อมกับการพูด เคล็ดลับต่อไปนี้อาจช่วยให้การสื่อสารระหว่างคุณและบุคคลที่คุณห่วงใยมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การฟังอย่างตั้งใจ
เมื่อสื่อสารกับผู้ป่วยโรคสมองเสื่อม ทักษะการฟังเชิงรุกหรือการฟังอย่างตั้งใจนั้นมีประโยชน์ โดยมีข้อแนะนำในการปฏิบัติ ดังนี้:
- สบตาคนที่พูด และกระตุ้นให้พวกเขาสบตาคุณเช่นกันเมื่อคุณกำลังพูด
- พยายามไม่ขัดจังหวะพวกเขาแม้ว่าคุณทราบสิ่งที่พวกเขากำลังพูดอยู่แล้ว
- หยุดกิจกรรมที่คุณกำลังทำอยู่ เพื่อให้คุณสามารถให้ความสนใจเมื่อพวกเขาพูดให้มากที่สุด
- ลดการรบกวนต่อการสื่อสาร เช่น ลดเสียงโทรทัศน์หรือวิทยุที่เสียงดังเกินไปหากเป็นไปได้
- พูดทวนสิ่งที่คุณได้ยิน และถามว่ามันถูกต้องหรือไม่ หรือขอให้พวกเขาพูดซ้ำสิ่งที่พวกเขากล่าว
- แสดงถึงการตั้งใจ "ฟัง" ในรูปแบบที่แตกต่างกัน ซึ่งการส่ายหน้า เอียงศีรษะหนีหรือพูดพึมพำนั้นถือเป็นวิธีที่แสดงถึงการปฏิเสธ หรือเป็นการแสดงความไม่พอใจออกมาให้เห็นได้
กิจกรรมของผู้ป่วยโรคสมองเสื่อม
การใช้ชีวิตที่มีการเข้าสังคมอย่างสม่ำเสมอเป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญในการช่วยให้ผู้ป่วยสมองเสื่อมรู้สึกมีความสุขและมีแรงบันดาลใจในชีวิตมากขึ้น
มีคลับและกิจกรรมหลายอย่างที่ออกแบบมาเพื่อช่วยผู้คนในสถานการณ์ดังกล่าว ซึ่งอาจถือเป็นรางวัลสำหรับทั้งผู้ป่วยภาวะสมองเสื่อมและครอบครัวรวมทั้งผู้ดูแลของพวกเขา
ทุกคนต้องการรู้สึกถึงคุณค่าชีวิต และมีความสุขกับการใช้ชีวิตในแต่ละวัน การกระตุ้นให้คนที่มีภาวะสมองเสื่อมทำอะไรบางอย่างที่สร้างสรรค์ เช่น การออกกำลังกายเบา ๆ บางอย่าง หรือมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ จะช่วยให้พวกเขาตระหนักถึงศักยภาพของพวกเขาเอง และสามารถช่วยเพิ่มความภาคภูมิใจในตนเองและลดความเหงาลงได้มาก ผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมในระยะแรก ๆ อาจจะชอบเดินไปนั่นไปนี่ เข้าเรียนในคลาสออกกำลังกายสำหรับผู้สูงอายุ หรือพบปะกับเพื่อนซึ่งเข้าใจและให้กำลังใจได้ดี
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
ในกรณีที่คุณกำลังดูแลผู้ป่วยโรคสมองเสื่อม หากมีกิจกรรมใดที่สามารถทำด้วยกันได้ ก็อาจทำให้คุณทั้งสองคนมีความสุขมากขึ้นและสามารถเพลิดเพลินไปกับเวลาดีๆ เหล่านั้นได้ด้วย
กิจกรรมสัมผัสประสาทหลายด้าน (Multisensory activities)
ถ้าคนที่คุณห่วงใยเริ่มค่อย ๆ ปลีกตัวออกไปจากชีวิตคุณมากขึ้น คุณอาจต้องการค้นหาวิธีต่างๆในการเชื่อมต่อกับผู้ป่วย สมาคมผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer's Society) มีคำแนะนำเพิ่มเติมเรื่องเหล่านี้ เช่น การทำสวน การอบขนม การแก้ปริศนาเชาว์ และกิจกรรมอื่น ๆ นอกจากนี้ ยังมีแนวคิดในการจดจำอดีตที่มีความสุข เช่น การเยี่ยมชมสถานที่ที่ชื่นชอบ หรือการเก็บสิ่งต่าง ๆ ใส่กล่องความจำไว้
กิจกรรมที่ใช้สัมผัสประสาทหลายด้านมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งเมื่อมีผู้ป่วยภาวะสมองเสื่อมพัฒนาโรคไปยังระยะที่รุนแรงมากขึ้น เนื่องจากทั้งสีสันที่สดใส เสียงที่น่าสนใจ และสิ่งของที่สัมผัสได้ของกิจกรรมดังกล่าวสามารถดึงดูดความสนใจของพวกเขาในทางที่กิจกรรมอื่น ๆ เช่น การพูดคุยหรือการอ่านหนังสือธรรมดา ๆ นั้นทำไม่ได้อีกต่อไป
สวนเพื่อกระตุ้นสัมผัสประสาท
บ้านพักผู้ป่วยหลายแห่งมีสวนเพื่อให้ผู้อยู่อาศัยสามารถใช้เวลาอยู่ในนั้น สามารถกระตุ้นสัมผัสประสาทด้านต่าง ๆ ได้ โดยปกติแล้ว สวนจะสามารถเข็นเก้าอี้รถเข็นเข้าไปได้ และคัดเลือกพันธุ์พืชและดอกไม้เพื่อดึงดูดสัตว์ในท้องถิ่นเข้ามาด้วย สวนกระตุ้นสัมผัสประสาทนั้นเป็นสวนหรือแปลงพืชที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้เข้าชมมีประสบการณ์ทางประสาทสัมผัสที่แตกต่างกันหลายด้าน สวนกระตุ้นประสาทสัมผัสอาจประกอบด้วยส่วนต่าง ๆ ดังนี้
- พืชส่งกลิ่นหอมและกินได้
- ประติมากรรม และราวจับเดินชนิดแกะสลัก
- ส่วนน้ำตก น้ำพุหรือทางเดินน้ำที่ส่งเสียง และสัมผัสได้
- พื้นผิวสัมผัสต่าง ๆ
- จอแว่นขยาย
- คำอธิบายแบบอักษรเบรลล์
สวนกระตุ้นประสาทสัมผัสจะเป็นประโยชน์แก่ผู้สูงอายุโดยสามารถกระตุ้นให้พวกเขาใช้เวลามากขึ้นนอกบ้าน การออกแบบและรูปแบบของสวนดังกล่าวตั้งใจที่จะกระตุ้นผ่านทางความรู้สึกด้านต่าง ๆ ซึ่งก่อให้เกิดความตระหนักเกี่ยวกับสิ่งที่อยู่รอบตัวพวกเขาให้มากขึ้น