นโยบายของรัฐบาลที่คุ้มครองผู้เข้าร่วมวิจัยเป็นที่รู้จักกันในอีกชื่อคือ Common Rule ซึ่งคุ้มครองสิทธิของคุณหากคุณเข้าร่วมในการวิจัยเชิงทดลองทางคลินิก (clinical trial) โดยกฎหมายแล้ว ชาวอเมริกันได้รับการรับประกันสำหรับการปฏิบัติทางจริยธรรมเมื่อพวกเขาตกลงที่จะเข้าร่วมในการวิจัยทางการแพทย์ รวมถึงการวิจัยเชิงทดลองทางคลินิก นโยบายดังกล่าวอ้างอิงจาก Belmont Report ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงปีทศวรรษ 1970s เพื่อแนะแนวทางด้านจริยธรรมในงานวิจัยให้แก่ผู้วิจัยทางการแพทย์
หลักการของรัฐเพื่อให้การคุ้มครองผู้เข้าร่วมวิจัย
มีหลักการทางจริยธรรมสามข้อในกฎ Common Rule
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
1. เคารพในการให้ความยินยอม (informed consent) ผู้วิจัยต้องทำให้ผู้เข้าร่วมวิจัยเข้าใจแง่มุมทุกอย่างของการวิจัยเชิงทดลองทางคลินิก หรือการวิจัยใด ๆ ก็ตามที่พวกเขาเข้าร่วมอย่างซื่อตรง ผู้เข้าร่วมวิจัยต้องอาสาด้วยตนเองหลังจากนั้นจึงให้ความยินยอมเข้าร่วม
2. การไม่ทำอันตราย นี่เป็นหลักการ “ขั้นแรกสุดคือไม่ทำให้เกิดอันตราย” ของงานวิจัย ผู้วิจัยต้องมุ่งเน้นที่จะลดความเสี่ยงต่อผู้เข้าร่วมวิจัยให้เหลือน้อยที่สุด
3. ความยุติธรรม การแบ่งค่าใช้จ่ายและผลประโยชน์ระหว่างผู้เข้าร่วมต้องเป็นไปอย่างสมเหตุสมผล ไม่เอาเปรียบ ยุติธรรม และเท่าเทียม
ความผิดพลาดสำหรับแนวทางของรัฐเพื่อให้การคุ้มครองผู้เข้าร่วมวิจัย
มีความผิดพลาดสองประเภทที่คุณควรระวัง
1. กลุ่มใด ๆ เช่น สถาบันการศึกษาทางการแพทย์หรือบริษัทยาที่ทำการวิจัยเชิงทดลองทางคลินิกหรือทำการทดลองใด ๆ ในคนต้องสร้างความสัมพันธ์กับคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัย (Institutional Review Board-IRB) คณะกรรมการดังกล่าวมีหน้าที่ตรวจสอบการวิจัยในคนทั้งหมด ให้แน่ใจว่าผู้วิจัยยังยึดมั่นในหลักจริยธรรมตามที่ได้กล่าวไปแล้ว
2. ความผิดพลาดของคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัย ซึ่งตรวจสอบโดยสำนักงานคุ้มครองการวิจัยในคน (Office for Human Research Protections-OHRP) สำนักงานดังกล่าวอยู่ในสังกัดกระทรวงบริการด้านสุขภาพและมนุษย์แห่งสหรัฐอเมริกา สำนักงานดังกล่าวมีหน้าที่ปกป้องสิทธิ สวัสดิการ และความเป็นอยู่ของใครก็ตามที่เข้าร่วมการวิจัยทางการแพทย์ในสหรัฐอเมริกา
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
แนวทางดังกล่าวมีความหมายอะไรกับคุณ
ใครก็ตามที่กำลังพิจารณาจะเข้าร่วมการวิจัยเชิงทดลองทางคลินิกหรือการวิจัยรูปแบบใด ๆ ควรจะคุ้นเคยกับหลักการและการควบคุมของพวกเขา แม้ว่าพวกเขาจะรับรองว่าผู้เข้าร่วมวิจัยจะได้รับความคุ้มครอง แต่ก็เป็นไปได้ที่ผู้ป่วยจะไม่ได้รับความคุ้มครองหากผู้วิจัยทางการแพทย์ดังกล่าวไม่ทำตามกฎ
หากคุณเกี่ยวข้องในงานวิจัยใด ๆ และรู้สึกว่าถูกละเมิดสิทธิ ตั้งคำถาม และพยายามจัดลำดับปัญหาที่คุณมีให้ชัดเจน หากคุณยังรู้สึกยังว่ามีการละเมิดอยู่ คุณอาจต้องการติดต่อกับสำนักงานคุ้มครองการวิจัยในคน
ทำไมเราจึงต้องมีแนวทางของรัฐเพื่อคุ้มครองผู้เข้าร่วมวิจัย
แม้ว่าดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้อีกแล้วในปัจจุบัน แต่จากประวัติศาสตร์ของการวิจัยทางการแพทย์ที่ผ่านมา ผู้เข้าร่วมวิจัยถูกกระทำอย่างไร้จริยธรรมโดยที่นักวิทยาศาสตร์ใช้คำอธิบายว่าเพื่อความก้าวหน้าของการวิจัย สิ่งสำคัญคือไม่มีผู้เข้าร่วมวิจัยคนไหนเลยที่มีทางเลือกหรือให้คำยินยอมแล้ว พวกเขาถูกหลอก หรือไม่ก็กำลังถูกจับเป็นนักโทษและไม่มีทางเลือกอื่น
คุณอาจคุ้นเคยกับตัวอย่าง ดังต่อไปนี้
- Tuskegee Syphilis study ซึ่งเป็นการศึกษาที่ทำในช่วงปี 1932-1972 กับชาวนาผิวดำยากจนที่เป็นซิฟิลิสในรัฐอลาบามา ชาวนากลุ่มนี้ไม่ได้รับการรักษาเพื่อจะได้ติดตามว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาบ้าง แม้ว่าขณะนั้นจะมีเพนนิซิลินใช้แล้วก็ตาม ไม่เพียงแต่ชาวนากลุ่มนี้จะเสียชีวิตจากซิฟิลิส แต่ภรรยาของพวกเขาก็ติดเชื้อและเสียชีวิตด้วยเช่นกัน
- นักโทษในเรือนจำที่อิลินอยส์ถูกทำให้ติดเชื้อมาลาเรียโดยตั้งใจโดยเริ่มต้นตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1940s เพื่อทดลองเรื่องการรักษามาลาเรีย
- จากประวัติศาสตร์การวิจัยในอเมริกา ผู้เข้าร่วมวิจัยได้รับการฉีดหรือให้กินสารกัมมันตภาพรังสี เช่น ยูเรเนียม พลูโตเนียม และไอโอดีนเพื่อดูว่าร่างกายของพวกเขาจะได้รับผลกระทบอย่างไรบ้าง ซึ่งมีทั้งทารก เด็กเล็ก นักโทษ และหญิงตั้งครรภ์ ไม่มีใครในการศึกษานี้เลยที่รู้ว่าพวกเขากำลังได้รับสารกัมมันตภาพรังสีอยู่
- การวิจัยในชาวยิวและนักโทษคนอื่น ๆ ที่ทำโดยนาซีในช่วงทศวรรษที่ 1930s และ 1940s เช่นการทดลองเพื่อเปลี่ยนสีตาโดยการฉีดสารเคมีเข้าไปในตาของเด็ก หรือการใช้รังสีเป็นการทำหมัน การทดลองของนาซีหลายอย่างจัดว่าเป็น “สุพันธุศาสตร์” คือเป็นการปรับปรุงลักษณะทางพันธุกรรมของมนุษย์ให้ดีขึ้นโดยการผสมคัดเลือกและการทำหมัน
ยังมีตัวอย่างของการทดลองในคนที่ผิดจริยธรรมอีกหลายสิบตัวอย่าง ซึ่งบางอย่างก็เป็นการทดลองทางร่างกาย บางอย่างก็เป็นการทดลองทางจิตใจ โดยทั้งหมดนี้เป็นการวิจัยโดยที่ผู้เข้าร่วมไม่ได้มีความสงสัยหรือไม่เต็มใจ
แนวทางของรัฐเพื่อให้การคุ้มครองผู้เข้าร่วมวิจัย หรือ Common rule จะป้องกันพวกเราจากการทดลองที่ผิดจริยธรรมดังกล่าว