กองบรรณาธิการ HD
เขียนโดย
กองบรรณาธิการ HD
ทีมแพทย์ HD
ตรวจสอบความถูกต้องโดย
ทีมแพทย์ HD

เมื่อฉันเริ่มตั้งครรภ์เดือนที่ 6

เผยแพร่ครั้งแรก 5 ก.พ. 2019 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 ตรวจสอบความถูกต้อง 7 มี.ค. 2019 เวลาอ่านประมาณ 2 นาที
เมื่อฉันเริ่มตั้งครรภ์เดือนที่ 6

ย่างเข้าเดือนที่ 6 สำหรับการตั้งครรภ์แล้วนะคะ ในเดือนนี้ขนาดของทารกในครรภ์จะมีขนาดประมาณ 13 นิ้ว มีน้ำหนักประมาณ 800 กรัม ผิวหนังยังบอบบางและมันวาว ยังไม่มีไขมันใต้ชั้นผิวหนัง มีการพัฒนากล้ามเนื้อให้แข็งแรงยิ่งขึ้น เริ่มมองเห็นนิ้วมือและนิ้วเท้าของทารกได้อย่างชัดเจน ทารกในครรภ์เริ่มปิดเปิดตาได้ เป็นอีกเดือนที่ต้องดูแลเป็นพิเศษเพื่อความปลอดภัยของคุณแม่ที่ตั้งครรภ์และสุขภาพที่แข็งแรงของทารกในครรภ์ค่ะ

ในเดือนที่ 6 ของการตั้งครรภ์จะมีการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่คุณแม่สามารถรู้สึกได้ดังนี้

  • เด็กดิ้นแรงขึ้นกว่าเดือนก่อนอย่างเห็นได้ชัด
  • มีตกขาวมาก
  • อาจมีอาการปวดถ่วงบริเวณท้องน้อย และสะโพกจากการรับน้ำหนักของทารกในครรภ์
  • ท้องผูกมากขึ้น ควรระวังอย่าปล่อยให้ท้องผูกนานหลายวัน
  • อาจเกิดการจุกแน่น เนื่องจากอาหารไม่ย่อย ท้องอืด
  • ปวดศีรษะเป้นครั้งคราว ตาพร่า เสียการทรงตัว และ ระวังการเป็นลมบ่อย
  • คัดจมูก อาจมีเลือดกำเดาไหล และหูอื้อบ้าง
  • เลือดออกตามไรฟันเวลาแปรงฟันง่ายขึ้น
  • หิวบ่อย
  • เกิดการบวมที่หน้า เท้า ตาตุ่ม และมือ
  • เป็นตะคริว
  • คันผิวหนังบริเวณหน้าท้อง เพราะผิวหนังบริเวณหน้าท้องเริ่มขยายใหญ่ขึ้น
  • ปวดหลังมากขึ้น
  • เต้านมขยายใหญ่ขึ้นอีก
  • อาจเกิดการขี้ลืม ระดับของอารมณ์ยังไม่คงที่ แต่ดีขึ้นกว่าเดือนก่อนๆ มาก
  • เริ่มวิตกกังวล อาจจะกลัวเรื่องการคลอด ทำให้เครียด
  • นอนไม่หลับเนื่องจากขนาดหน้าท้องใหญ่ขึ้นทำให้นอนไม่สบาย
  • ผิวหนังแห้งและมีสีเข้มขึ้นบริเวณใบหน้า และเกิดเส้นลายบริเวณผิวหนังหน้าท้องหรือเต้านม

สิ่งที่แพทย์ผู้ดูแลครรภ์จะให้คุณทำในช่วงเดือนนี้ได้แก่

  1. ชั่งน้ำหนักตัวและวัดความดันเลือด
  2. ตรวจน้ำตาลและสารไข่ขาวในปัสสาวะ
  3. ตรวจครรภ์ ประเมินอายุครรภ์ ฟังเสียงเต้นของหัวใจของทารกในครรภ์
  4. ตรวจขนาดและรูปร่างของมดลูก โดยการตรวจหน้าท้อง
  5. ความสูงของระดับยอดของมดลูก
  6. ตรวจร่างกายทั่วไป ภาวะซีด อาการบวมที่มือและเท้า และหลอดเลือดที่ขา
  7. แนะนำสังเกตการดิ้นของทารกในครรภ์
  8. อาการผิดปกติต่างๆ (ถ้ามี)

สิ่งที่คุณแม่ที่ตั้งครรภ์ต้องดูแลเป็นพิเศษในช่วงเดือนนี้คือ

  1. อาจมีอาการปวดและชาตามปลายมือ เนื่องจากเส้นประสาทมือถูกพังผืดบีบรัด แก้ไขได้โดยหลีกเหลี่ยงการนอนทับแขน หรืองอแขน ถ้ามีอาการปวดมากควรปรึกษาแพทย์ และควรกินวิตามินบี 6 ให้มากขึ้น ห้ามกินยาปวดข้อโดยเด็ดขาด ควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้งก่อนจะทานยาใดๆ ทั้งสิ้น
  2. อาการท้องผูกมากจนอาจถ่ายมีเลือดปน ปกติมักจะพบได้ร้อยละ 20-50 ของหญิงที่ตั้งครรภ์ อย่างไรก็ดีควรได้รับการตรวจจากแพทย์ และดูแลด้วยตนเอง โดยหลีกเลี่ยงภาวะท้องผูก ด้วยการทานน้ำและอาหารที่เป็นกากใยให้มาก นอนตะแคงและไม่ควรอยู่ในท่าเดิมนานๆ เวลาถ่ายไม่ควรนั่งเบ่งอุจจาระและควรมีเก้าอี้เตี้ยๆ ให้พักเท้าเพื่อลดแรงดันในช่องท้อง ประคบกล้ามเนื้อและลดอาการบวมบริเวณฝีเย็บด้วยการนั่งแช่ในน้ำอุ่นๆ สัปดาห์ละ 2 ครั้ง และควรทำความสะอาดและเช็ดให้แห้งหลังการถ่ายอุจจาระ หากจำเป็นต้องใช้ยาระบายควรทำตามคำแนะนำของแพทย์เท่านั้น
  3. ระวังภาวะครรภ์เป็นพิษ พบได้เมื่ออายุครรภ์ 20 สัปดาห์ขึ้นไป มักพบในคุณแม่ที่ตั้งครรภ์แล้วมีความดันเลือดสูงมาก่อน หากฝากครรภ์ไว้และมาตรวจสม่ำเสมอก็จะตรวจพบแต่เนิ่นๆ และป้องกันได้ทัน อย่างไรก็ตามหากมีอาการเหล่านี้เกิดขึ้นอย่างใดอย่างหนึ่งควรรีบปรึกษาแพทย์ที่ฝากครรภ์โดยด่วน เช่น มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่ได้กินอาหารเพิ่มขึ้น มีอาการบวมหน้าและมืออย่างมาก ปวดศีรษะโดยไม่ทราบสาเหตุ ตาพร่ามัว เป็นต้น โดยคุณแม่ควรทราบทั้งอาการที่ผิดปกติและเบอร์ติดต่อฉุกเฉินเมื่อมีอาการ
  4. ในระยะนี้หน้าท้องของคุณแม่จะขยายขนาดขึ้นมากเมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมา ดังนั้นคุณแม่จะต้องปรับตัวการใช้ชีวิตประจำวันมากขึ้น อาจใช้เข็มขัดพยุงครรภ์เพื่อพยุงหน้าท้อง ลดการสั่นสะเทือนครรภ์ และบรรเทาอาหารปวดหลังได้ 

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท


2 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
พิษณุ ขันติพงษ์, การดูแลครรภ์แนวใหม่ตามข้อแนะนำองค์การอนามัยโลก, (http://www.phraehospital.go.th...), 23 ธันวาคม 2554
P&G, 20 weeks pregnant : Your Baby's Development, (https://www.pampers.com/en-us/...)

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

บทความต่อไป
ทารกมีอัตราการเต้นของหัวใจช้า อันตรายหรือไม่
ทารกมีอัตราการเต้นของหัวใจช้า อันตรายหรือไม่

เรื่องง่ายๆ ที่คุณแม่ทุกคนต้องใส่ใจเพราะอัตราการเต้นของหัวใจสัมพันธ์กับความปลอดภัยของลูกน้อย

อ่านเพิ่ม
อะไรคือสัญญาณการฉีกขาดในภาวะตั้งครรภ์นอกมดลูก?
อะไรคือสัญญาณการฉีกขาดในภาวะตั้งครรภ์นอกมดลูก?

เรียนรู้สัญญาณการตั้งครรภ์นอกมดลูกก่อนที่มันจะฉีกขาด

อ่านเพิ่ม
ทำความเข้าใจกับภาวะตั้งครรภ์ที่ไข่ที่ปฏิสนธิไม่ฝังตัว (Chemical Pregnancy) ใช่หรือไม่ใช่?
ทำความเข้าใจกับภาวะตั้งครรภ์ที่ไข่ที่ปฏิสนธิไม่ฝังตัว (Chemical Pregnancy) ใช่หรือไม่ใช่?

การตั้งครรภ์ที่เร็วเกินไปที่จะยืนยันด้วยวิธีการทางชีวเคมี

อ่านเพิ่ม