คุณคงเคยได้ยินชื่อดอกแก้วผ่านหูมาบ้าง แต่อาจไม่รู้ว่า นอกจากดอกไม้ชนิดนี้จะมีความสวยงามแล้ว ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกด้วย
ทำความรู้จักดอกแก้ว
แก้ว (Orange jasmine) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Murraya paniculata (L.) Jack เป็นพันธุ์ไม้ในวงศ์ส้ม (Rutaceae) มีถิ่นกำเนิดในประเทศแถบเอเชีย เช่น จีน ญี่ปุ่น เกาหลี อินเดีย ออสเตรเลีย
ดอกแก้วเป็นไม้ยืนต้นความสูงประมาณ 5-10 เมตร เรือนยอดเป็นทรงพุ่มสีเขียวเข้ม
ลักษณะใบของต้นดอกแก้วเป็นช่อ ผิวใบมันเป็นสีเขียวเข้ม มีใบย่อยเรียงสลับกันตั้งแต่ขนาดเล็กไปใหญ่ ปลายใบย่อยเป็นทรงรีคล้ายรูปไข่โคนแหลม ขอบใบเป็นคลื่นมนตื้นๆ ในตัวใบจะมีต่อมน้ำมันอยู่
ลักษณะตัวดอกแก้วเป็นช่อดอกสั้นสีขาว มีกลิ่นหอม มีกลีบเลี้ยงประมาณ 5 กลีบซึ่งมีขนาดเล็ก ปลายมน ฐานรองดอกเป็นรูปวงแหวน มีเกสรตัวผู้ 10 อันที่ความยาวประมาณครึ่งหนึ่งของกลีบดอก ส่วนก้านเกสรตัวเมียจะหนากว่า มียาวประมาณ 0.7 เซนติเมตร
รังไข่ของดอกแก้วจะติดอยู่กับวงกลีบดอก ส่วนฝักและผลของดอกเป็นรูปไข่ ยาวประมาณ 1 เซนติเมตร เวลาผลแก่จะมีสีแดงอมส้ม มีขนหนาและเหนียวห่อหุ้มอยู่ ข้างในมีเมล็ดและเห็นต่อมน้ำมันชัด
ดอกแก้วจะเจริญเติบโตได้ดีในหน้าฝน แต่ก็สามารถปลูกได้ในฤดูอื่นเช่นกัน โดยควรปลูกในดินร่วนซุยหรือดินร่วนปนทราย และควรปลูกในที่ที่แสงแดดจัด อากาศอบอุ่นจนถึงร้อน
ประโยชน์เกี่ยวกับสุขภาพของดอกแก้ว
ดอกแก้วถือเป็นสมุนไพรที่ถูกนำมาใช้ทางการแพทย์มาตั้งแต่โบราณ โดยแต่ละส่วนของต้นก็จะมีสรรพคุณโดดเด่นที่แตกต่างกันไป เช่น
- ยาต้ม ชา หรือน้ำสกัดจากใบดอกแก้ว ใช้รักษาอาการบวมฟกช้ำ ข้อต่อเคล็ด รักษาโรครูห์มาติก แผลถูกสัตว์มีพิษกัด บำรุงอาการท้องเสีย โรคบิด อาการปวดท้อง เป็นยาชูกำลัง ใช้เป็นน้ำยาบ้วนปากขณะปวดฟัน เป็นตัวบำรุงสครับผิวให้นุ่มชุ่มชื้น รักษาอาการอัณฑะอักเสบ แก้ปัญหาเส้นเลือดอุดตัน ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง บำรุงไต
- รากดอกแก้ว ใช้เป็นยาขับประจำเดือน แก้ฝีในมดลูก บำรุงร่างกายหญิงตั้งครรภ์ให้คลอดบุตรได้ง่าย เป็นยาพอกแก้ฟกช้ำ ข้อต่อเคล็ด แผลถูกสัตว์มีพิษกัด
- เปลือกไม้ของดอกแก้ว ใช้รักษาอาการไอ โรคฮิสทีเรีย
- ก้านดอกแก้ว นำมาแช่กับแอลกอฮอล์เพื่อทำเป็นยาชาสำหรับทาหรือฉีด ใช้ทำความสะอาดฟัน
- ผลดอกแก้ว นำมารับประทานเป็นของกินเล่นได้
นอกจากสรรพคุณที่กล่าวมาด้านบน ในต่างประเทศได้มีการนำดอกแก้วมาปรุงเป็นยาสำหรับรักษาโรคหลายโรค เช่น
- ประเทศมาเลเซีย ใช้ดอกแก้วสำหรับรักษาอาการปวดท้องหรือเป็นยาทาภายนอก
- แพทย์แผนจีนใช้ดอกแก้วสำหรับแก้อาการเป็นไข้สูง ไอ เจ็บคอและโรคไข้หวัดใหญ่ อีกทั้งในประเทศจีนยังนิยมปลูกดอกแก้วสำหรับรักษาอาการปวดท้อง ปวดฟัน โรครูห์มาติก อาการอัมพฤกษ์ อัมพาต และโรคเบาหวานด้วย
- ประเทศสิงคโปร์ ใช้ใบดอกแก้วสำหรับเป็นยาบำรุงและฟื้นฟูร่างกายให้กับกลุ่มเด็กวัยรุ่นเพศหญิง
- ประเทศเนปาล ใช้ดอกแก้วสำหรับรักษาอาการเจ็บปวดบริเวณช่องท้อง อาการปวดท้อง ท้องเสีย ปวดหัว อาการบวมตามผิวหนัง อาการเส้นเลือดอุดตัน
ประโยชน์ด้านอื่นๆ จากดอกแก้ว
นอกเหนือจากสรรพคุณทางยาที่ดีต่อร่างกายแล้ว ส่วนประกอบของต้นดอกแก้วยังสามารถนำมาปรับใช้ประโยชน์ด้านอื่นๆ ในชีวิตประจำวันได้อีก เช่น
- เนื้อไม้ของต้นแก้ว โดยเฉพาะที่ออกเป็นสีเหลือง สามารถนำมาทำเป็นไม้เท้า ไม้ตะพด กรอบรูป หรือทำเป็นเครื่องเรือนของตกแต่งภายในบ้านได้
- ดอกแก้วสามารถนำมาร้อยทำเป็นพวงมาลัย หรือจัดเป็นช่อดอกไม้ สำหรับตกแต่งได้
- ในประเทศไทยและพม่ามีการนำดอกแก้วมาทำเป็นเครื่องสำอาง โดยใช้ส่วนเปลือกไม้และราก ส่วนดอกแก้วสามารถนำไปทำน้ำหอมใส่ในผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผมได้
- ปลูกไว้เป็นไม้มงคลในบ้าน เพราะคำว่า แก้ว ก็เปรียบได้เท่ากับคำว่า ดวงแก้ว ซึ่งถือเป็นของมีค่าและศักดิ์สิทธิ์ มีความหมายถึงผู้อันเป็นที่รักของคนทั่วไป
ดังนั้นจึงมีความเชื่อว่า การปลูกดอกแก้วไว้จะนำพาสิ่งดีๆ เข้ามาในบ้าน ช่วยชะล้างจิตใจผู้อาศัยให้สะอาด ร่มเย็นเป็นสุข เหมือนกับความใสบริสุทธิ์ของแก้วนั่นเอง
ข้อควรระวังในการใช้ต้นแก้ว ดอกแก้ว เพื่อสุขภาพ
ผู้ป่วยโรคไต มีภาวะไตเสื่อม รวมถึงสตรีมีครรภ์ควรระมัดระวังในการใช้ดอกแก้วในการบำรุงร่างกาย ถึงแม้ว่าดอกไม้ชนิดนี้จะสรรพคุณมากมายก็ตาม
เมื่อไรก็ตามที่คุณต้องการใช้สมุนไพรสำหรับรักษาอาการเจ็บป่วย คุณควรปรึกษากับแพทย์ก่อนว่า สมุนไพรดังกล่าวมีความเหมาะสมกับสุขภาพของคุณหรือไม่ เพราะสภาพร่างกาย อาการเจ็บป่วย และภูมิคุ้มกันของมนุษย์แต่ละคนนั้นแตกต่างกัน
หากคุณใช้สมุนไพรผิดวิธี ใช้เกินปริมาณ หรือร่างกายของคุณมีอาการแพ้สมุนไพรชนิดนั้นๆ ก็อาจนำพาอาการเจ็บป่วยแทรกซ้อนที่รุนแรงมากกว่านั้นได้
ดูแพ็กเกจผู้หญิง ผู้ชายทุกวัย เปรียบเทียบราคา โปรโมชันล่าสุดจากโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำได้ที่นี่ หรือไม่พลาดทุกการอัปเดตแพ็กเกจต่างๆ เมื่อกดเป็นเพื่อนทางไลน์ @hdcoth และกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android