ปลาหมึก กินอย่างไรให้ดีต่อสุขภาพ

รวมประโยชน์ของปลาหมึก พร้อมไขข้อสงสัยเกี่ยวกับปริมาณคอเลสเตอรอล
เผยแพร่ครั้งแรก 4 มิ.ย. 2020 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 5 นาที
ปลาหมึก กินอย่างไรให้ดีต่อสุขภาพ

เรื่องควรรู้

ขยาย

ปิด

  • ปลาหมึก เป็นสัตว์น้ำไม่มีกระดูกสันหลัง และไม่ได้ถูกจัดเป็นสัตว์ประเภท “ปลา” แบ่งออกได้หลักๆ  3 ประเภท ได้แก่ ปลาหมึกกล้วย ปลาหมึกสาย ปลาหมึกกระดอง
  • ปลาหมึกมีประโยชน์ต่อร่างกาย ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงต่อกล้ามเนื้อ และเส้นผม ลดการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง สนับสนุนการทำงานของสมอง เสริมสร้างฮีโมโกลบินในเม็ดเลือด
  • น้ำหมึกจากปลาหมึกสามารถนำมารับประทานได้ แถมยังมีประโยชน์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระชั้นดี
  • คอเลสเตอรอลในปลาหมึกมีสูงก็จริง แต่เป็นคอเลสเตอรอลที่ให้ไขมันไม่อิ่มตัว จึงไม่เกิดการสะสมในเลือดอย่างที่หลายคนเข้าใจผิด อย่างไรก็ตาม คุณก็ควรรับประทานปลาหมึกแต่พอดี
  • คุณต้องระมัดระวังสารฟอร์มาลีนในปลาหมึกซึ่งเป็นสารสำหรับแช่อาหารทะเลให้คงความสด และเป็นพิษรุนแรงต่อร่างกาย โดยการสังเกตกลิ่น และเนื้อปลาหมึกก่อนเลือกซื้อ
  • เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจตรวจภูมิแพ้ และภาวะแพ้

ปลาหมึก เป็นหนึ่งในอาหารทะเลยอดนิยมที่มีการนำมาประกอบอาหารหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นรับประทานสดในรูปแบบซาซิมิ นำมาย่าง ชุบแป้งทอด ไปจนถึงผสมกับเครื่องปรุงอื่นๆ เป็นเมนูต้ม ผัด แกง

อย่างไรก็ตาม หลายคนโดยเฉพาะผู้สูงอายุมักหลีกเลี่ยงปลาหมึก โดยให้เหตุผลว่าต้องหลีกเลี่ยงอาหารคอเลสเตอรอลสูง ปลาหมึกมีคอเลสเตอรอลสูงจริงหรือไม่ ควรจำกัดการรับประทานอย่างไรจึงจะดี ปลาหมึกให้ประโยชน์อะไรต่อสุขภาพบ้างหรือไม่ HD มีคำตอบ

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ตรวจภูมิแพ้และภาวะแพ้วันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 1,376 บาท ลดสูงสุด 69%

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!

ทำความรู้จักปลาหมึก

ปลาหมึก แม้จะชื่อมีคำว่า “ปลา” แต่ไม่ถูกจัดว่าเป็นปลาแต่อย่างใด ความจริงแล้วปลาหมึกเป็นสัตว์น้ำไม่มีกระดูกสันหลัง ลำตัวนิ่ม มีเลือดเป็นสีเขียวหรือฟ้า มีหนวดหรือเรียกอีกอย่างว่ารยางค์ ประมาณ 8-10 เส้นต่อตัว

ปลาหมึกว่ายน้ำได้อย่างว่องไว สามารถพรางตัวเปลี่ยนสีผิวให้เข้ากับพื้นผิวรอบๆ เพื่อจับเหยื่อ ที่ปากของมันมีปุ่มดูดใช้สำหรับยึดเกาะ และจับเหยื่อมาเป็นอาหาร

ปลาหมึกเคลื่อนไหวโดยพ่นน้ำออกจากปาก เพื่อให้แรงดันน้ำที่ออกมาเป็นตัวผลักดันให้ลำตัวพุ่งไปข้างหน้า

ปลาหมึกทั่วโลกมีหลายสายพันธุ์ หลายรูปร่าง หลายขนาด ในสำหรับประเทศไทย ประเภทของปลาหมึกที่มักเห็นได้ทั่วไปมีอยู่ 3 ประเภท ได้แก่

1. ปลาหมึกกล้วย (Squid)

เป็นปลาหมึกลักษณะลำตัวกลม ยาว มีครีบเป็นรูปสามเหลี่ยมอยู่ด้านท้ายลำตัว หนวดอยู่ล้อมรอบปาก ประกอบไปด้วยหนวดสั้น 4 คู่ และหนวดยาวอีก 1 คู่ ที่หนวดจะมีปุ่มดูดสำหรับจับอาหาร 2 แถวหรืออาจมากกว่านั้น

ปลาหมึกกล้อยมักแอบซ่อนตัวอยู่ตามหน้าดิน หรือทรายใต้ทะเลในช่วงกลางวัน ออกหากินในเวลากลางคืน อาศัยอยู่ในทุกระดับน้ำ

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ตรวจภูมิแพ้และภาวะแพ้วันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 1,376 บาท ลดสูงสุด 69%

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!

2. ปลาหมึกสาย (Octopus)

เรียกได้อีกชื่อว่า ปลาหมึกยักษ์ มีลักษณะลำตัวรีกลมกว่าปลาหมึกพันธุ์อื่น ดูคล้ายถุงหรือลูกโป่งลอยน้ำ ไม่มีครีบ มีหนวดรอบปาก 4 คู่ แต่ไม่มีปุ่มดูด สามารถพบได้ตามหาดชายฝั่ง

3. ปลาหมึกกระดอง (Cuttlefish)

เรียกได้อีกชื่อว่า ปลาหมึกหอม ลักษณะลำตัวแบนและกว้างกว่าหมึกสองประเภทด้านบน แต่ไม่ยาวเท่าหมึกกล้วย มีครีบขนาดใหญ่อยู่ด้านข้าง หนวดอยู่ล้อมรอบปาก โดยมีหนวดสั้น 4 คู่ หนวดยาว 1 คู่ ปลายหนวดมีปุ่มดูดสำหรับจับอาหาร

หมึกกระดองมักลอยอยู่กับที่ เคลื่อนไหวช้า แต่เมื่อไรที่มันเริ่มว่าย ก็จะเคลื่อนพุ่งตัวไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็วมาก

สารอาหารในปลาหมึก

ในปลาหมึก 85 กรัม ให้พลังงานประมาณ 139 แคลอรี และยังมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมาย เช่น โปรตีน 25.35 กรัม ไขมัน 1.8 กรัม ธาตุเหล็ก 8.1 มิลลิกรัม วิตามินบี 6 0.6 มิลลิกรัม

ประโยชน์ของปลาหมึก

ปลาหมึกให้คุณประโยชน์ต่อสุขภาพของคุณมากมายหลายด้าน เช่น

1. ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและเส้นผม

ผู้ที่ต้องการสร้างกล้ามเนื้อ ออกกำลังกายหนักๆ เป็นประจำหรือต้องใช้พลังงานมากในระหว่างวัน ปลาหมึกถือเป็นอาหารตัวเลือกที่ไม่เลวในการสร้างพลังงานที่เพียงพอให้กับร่างกาย เนื่องจากปลาหมึกมีโปรตีนสูง

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ตรวจภูมิแพ้และภาวะแพ้วันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 1,376 บาท ลดสูงสุด 69%

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!

นอกจากนี้ โปรตีนในปลาหมึกยังมีส่วนช่วยบำรุงความแข็งแรงของเส้นผมอีกด้วย

2. ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง

ปลาหมึกเป็นแหล่งรวมของกรดอะมิโน (Amino acids) ซึ่งในกรดชนิดนี้ประกอบไปด้วยสายสารฮิสทิดีน (Histidine) สารลิวซีน (Leucine) และสารไลซีน (Lysine) ซึ่งมีส่วนช่วยต่อต้านการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง

นอกจากนี้ ปลาหมึกยังมีแร่ธาตุเซเลเนียม (Selenium) กับวิตามินอี ซึ่งเปรียบได้กับสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดโอกาสการเกิดโรคมะเร็ง

3. บำรุงระบบหัวใจและหลอดเลือด

ในปลาหมึกมีวิตามินบี 12 ซึ่งมีส่วนช่วยบำรุงระบบการทำงานของหลอดเลือดให้มีประสิทธิภาพ และวิตามินบี 6 ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง (Strokes)

4. ลดโอกาสเกิดโรคไมเกรน

เพราะในปลาหมึกอุดมไปด้วยวิตามินบี 2 ซึ่งขึ้นชื่อด้านการบำรุงซ่อมแซมระบบเนื้อเยื่อ เสริมสร้างเซลล์ในหลอดเลือด และลดอาการปวดหัวจากโรคไมเกรน

5. บำรุงระบบการทำงานของสมอง

วิตามินบี 12 ในปลาหมึกมีส่วนช่วยให้การทำงานของสมองมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยวันหนึ่งๆ คุณควรได้รับวิตามินชนิดนี้อย่างน้อย 1.2 ไมโครกรัมต่อวัน เพื่อสนับสนุนการทำงานของสมอง

6. ป้องกันโรคโลหิตจาง

แร่ธาตุทองแดงในปลาหมึกช่วยป้องกันโอกาสการเกิดโรคโลหิตจางได้ ทั้งยังช่วยเสริมความแข็งแรงของระบบภูมิคุ้มกันและกระดูก ทำให้อาการอักเสบบริเวณข้อต่อหรือกระดูกของคุณหายได้ไวขึ้น

7. ลดความเครียด

วิตามินบี 5 ในปลาหมึกเป็นอีกตัวช่วยบรรเทาอาการวิตกกังวล ความเครียด และซึมเศร้าได้ ผ่านการเข้าไปปรับระดับสารฮอร์โมนเกี่ยวกับภาวะอารมณ์ให้สมดุลขึ้น

อีกทั้งวิตามินบี 6 ในปลาหมึกยังช่วยเปลี่ยนสารทริปโตเฟน (Tryptophan) ซึ่งเป็นกรดอะมิโนอีกชนิดให้กลายเป็นสารไนอะซิน (Niacin) และสารเซโรโทนิน (Serotonin) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทควบคุมการทำงานด้านจิตใจและภาวะอารมณ์ให้หลั่งมากพอ จนไม่ทำให้เกิดภ

8. เสริมสร้างฮีโมโกลบิน

ปลาหมึกถือเป็นอีกแหล่งของแร่ธาตุเหล็ก ซึ่งมีคุณสมบัติเสริมสร้างฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดให้เพียงพอได้

ประโยชน์ของน้ำหมึกจากปลาหมึก (Squid ink)

คุณคงทราบกันดีว่า ปลาหมึกสามารถพ่นน้ำหมึกออกมาได้ โดยปลาหมึกจะพ่นน้ำหมึกสีดำออกมาจากรูทวาร ซึ่งเป็นสารชีวโมเลกุลชนิดหนึ่งที่มีฤทธิ์ทำให้เหยื่อ หรือศัตรูขาดประสาทรับกลิ่น และการมองเห็นไปชั่วขณะหนึ่ง

น้ำหมึกจึงมีประโยชน์ต่อปลาหมึกในการหลบหนีจากศัตรู อำพรางตัวขณะจับเหยื่อ แต่นอกจากประโยชน์ต่อตัวตนมันเอง เราก็สามารถใช้น้ำหมึกมาทำประโยชน์ได้เช่นกัน

ในอดีต น้ำหมึกจากปลาหมึกมักนำไปใช้เป็นสีย้อมผ้า สำหรับวาดภาพ หรือระบายสี แต่ในปัจจุบัน น้ำหมักมักถูกนำมาใช้เพื่อปรุงอาหารเป็นวัตถุประสงค์หลัก

น้ำหมึกจากปลาหมึกจัดเป็นอาหารที่ปลอดภัย สามารถรับประทานได้ ทั้งยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายอย่าง เช่น

  • ลดระดับความดันโลหิต
  • เสริมระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย
  • ป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร
  • อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ลดโอกาสการเกิดโรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคหัวใจ

เมนูแนะนำจากปลาหมึก

ปลาหมึกสามารถนำมาปรุงเป็นอาหารหลากหลายรสชาติได้มากมาย เช่น

  • ปลาหมึกย่าง
  • ปลาหมึกยัดไส้ย่าง
  • ไข่ปลาหมึกทอด
  • ปลาหมึกชุบแป้งทอด
  • ปลาหมึกนึ่งมะนาว
  • ยำปลาหมึกใส่วุ้นเส้น
  • ปลาหมึกผัดไข่เค็ม
  • ปลาหมึกยัดไส้ทอดกระเทียม
  • ปลาหมึกผัดฉ่าทะเล
  • ปลาหมึกผัดกระเทียมพริกไทย
  • ต้มยำทะเลรวมมิตร

ระดับคอเลสเตอรอลในปลาหมึก

คุณคงได้ยินผ่านหูมาบ้างว่า ปลาหมึกเป็นอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูง ไม่ควรรับประทานบ่อยๆ ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องถูกต้อง

เพียงแต่คอเลสเตอรอลในปลาหมึกนั้นให้ปริมาณไขมันอิ่มตัวต่ำ จึงไม่ส่งผลให้เกิดไขมัน หรือคอเลสเตอรอลสะสมในเลือดอย่างที่หลายๆ คนกลัว

ข้อควรระวังในการรับประทานปลาหมึก

มีข้อควรระวังบางอย่างที่คุณควรรู้ก่อนรับประทานปลาหมึก มิฉะนั้นอาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้ เช่น

1. อาการแพ้อาหาร

อาหารทะเลจัดเป็นอาหารอันดับต้นๆ ที่มีคนเกิดอาการแพ้มากที่สุด และในผู้ที่แพ้อาหารทะเลชนิดอื่นๆ ที่ไม่ใช่ปลาหมึก ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะไม่มีโอกาสแพ้ปลาหมึกได้เลย

ทางที่ดี หากคุณมีอาการแพ้อาหาร ก็ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารทะเล หรือปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นก่อนรับประทานจะปลอดภัยที่สุด

2. สารโลหะหนัก

อาหารทะเลมักถูกปนเปื้อนไปด้วยสารโลหะหนัก โดยปลาหมึกมักจะปนเปื้อนสารโลหะหนักชื่อ แคดเมียม (Cadmium) ซึ่งเป็นสารที่ใช้ในอุตสาหกรรมหมึกพิมพ์ ย้อมผ้า ผลิตกระดาษ มีที่มามาจากการตกตะกอนของดินใต้น้ำ

สารแคดเมียมมีโทษต่อร่างกาย โดยอาจทำให้เกิดอาการท้องเสีย คลื่นไส้อาเจียน ปวดท้อง หรืออาจมีผลระยะยาวกลายเป็นโรคกระดูกพรุนได้ อีกทั้งสารชนิดนี้จะดูดซึมได้ดีในเด็กมากกว่าผู้ใหญ่

ทางที่ดี ก่อนรับประทานปลาหมึก คุณควรล้างทำความสะอาดปลาหมึกเสียก่อน และควรควักไส้หมึกออกมาทิ้งก่อนรับประทาน

3. สารฟอร์มาลีน

บางครั้งมีการแช่อาหารทะเลลงในฟอร์มาลีนเพื่อคงความสด แต่ฟอร์มาลีนเป็นสารที่มีพิษอย่างรุนแรงต่อร่างกาย ทำให้ระคายเคืองกระเพาะอาหารจนปวดท้องอย่างรุนแรง คลื่นไส้อาเจียน อ่อนเพลีย การทำงานของสมอง ตับ ไตถูกรบกวน

ความรุนแรงของพิษสารฟอร์มาลีนนั้นอาจถึงขั้นทำให้หมดสติหรือเสียชีวิตได้ ดังนั้นก่อนซื้อปลาหมึกมารับประทาน ให้คุณลองดมกลิ่นก่อน หากปลาหมึกมีกลิ่นฉุน แสบจมูก ให้สงสัยไว้ก่อนว่าอาจมีสารฟอร์มาลีนปนเปื้อนอยู่

วิธีสังเกตอีกอย่างคือ เนื้อปลาหมึกที่แช่ฟอร์มาลีนจะไม่นิ่มหรือยืดหยุ่นตามธรรมชาติ แต่จะดูแข็ง ไม่นุ่ม หรืออาจเปื่อยยุ่ยเกินไป

แม้ปลาหมึกจะมีประโยชน์หลายอย่างต่อร่างกาย ไขมันไม่สูง แต่อย่างไรก็ตาม คุณไม่ควรรับประทานเฉพาะปลาหมึกมากเกินไป ทางที่ดีควรรับประทานอาหารทุกชนิดให้ครบ 5 หมู่ในปริมาณเหมาะสม เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์แต่พอดี ไม่มากและไม่น้อยเกินไป

เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจตรวจภูมิแพ้ และภาวะแพ้ จากคลินิกและโรงพยาบาลใกล้คุณ และไม่พลาดทุกอัปเดตเรื่องสุขภาพและโปรโมชันเมื่อกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android


7 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
สำโรงการแพทย์, ปลาหมึกกับสุขภาพ (http://www.samrong-hosp.com/ความรู้คู่สุขภาพ/ปลาหมึกกับสุขภาพ), 29 กรกฎาคม 2556.
ปศุสัตว์.คอม, ปลาหมึก (Cuttlefish, Octopus) (https://pasusat.com/ปลาหมึก/).
SUNIL LAMA, Octopus – Ingredients – Health and Benefits (https://www.meatmytreat.com/octopus-health-and-benefits/), 3 April 2019.

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)