เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ลูกจะฉลาดกว่าเลี้ยงด้วยนมผงจริงหรือ?

สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับนมแม่ สารอาหารในนมแม่ และระยะเวลาที่ทารกควรดื่มนมแม่
เผยแพร่ครั้งแรก 5 ก.พ. 2019 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 ตรวจสอบความถูกต้อง 8 มี.ค. 2019 เวลาอ่านประมาณ 2 นาที
เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ลูกจะฉลาดกว่าเลี้ยงด้วยนมผงจริงหรือ?

โฆษณานมผงสำหรับเลี้ยงเด็กทารกในปัจจุบันจะเน้นว่าได้เพิ่มเติมสารอาหารทั้ง AHA, DHA และ (อีกสารพัดชื่อที่ฟังแล้วไม่รู้เรื่อง) ลงไปในผลิตภัณฑ์ของเขา แล้วก็มีเด็กวัยน่ารักทำตัวฉลาดเกินวัย เพื่อทำให้พ่อแม่เชื่อว่าการใช้นมผงจะทำให้ลูกฉลาดจังเลย ทำให้พ่อแม่หลายคนอาจจะกังวลว่า การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่นั้นจะทำให้ลูกของเราได้สารอาหารไม่ครบถ้วนและไม่ฉลาดเท่ากับเด็กที่โตมาจากนมผงหรือเปล่า วันนี้เรามีคำตอบค่ะ

นมผงมีสารอาหารพิเศษมากกว่านมแม่จริงเหรอ?

ไม่จริงค่ะ แต่เพราะนมผงนั้นทำมาจากนมวัว นมแพะ หรือนมถั่วเหลือง ซึ่งน้ำนมเหล่านี้มีสารอาหารที่น้อยกว่านมแม่มาก ผู้ผลิตจึงต้องใส่สารอาหารอื่นๆ ลงไปในนมผงด้วย เพื่อให้ทารกสามารถเติบโตได้ไม่น้อยไปกว่าการกินนมแม่ เวลาโฆษณาจะเน้นชื่อสารอาหารและเน้นว่าถ้าเด็กได้รับสารอาหารเหล่านี้จะทำให้เด็กเจริญเติบโต โดยที่ไม่ได้บอกว่า จริงๆ แล้วสารอาหารเหล่านี้มีอยู่ครบในนมแม่อยู่แล้ว

ถ้าจะให้พูดแบบตรงๆ ก็คือ นมแม่ที่กลั่นออกมาจากอกของแม่เองนั้น มีสารอาหารที่เด็กทารกต้องการครบถ้วนทั้งหมด นมแม่มีสารอาหารมากกว่าที่นมผงทุกยี่ห้อในโลกและในจักรวาลนี้ ต่อให้ผู้ผลิตนมผงจะพัฒนาผลิตภัณฑ์นมผงไปไกลแค่ไหน ก็ยังไม่สามารถสร้างนมผงที่มีสารอาหารครบถ้วนเทียบเท่านมแม่ได้

นมแม่และนมผงมีผลต่อความฉลาดของลูกอย่างไร?

มีงานวิจัยทางการแพทย์ระบุว่า เด็กที่เติบโตมาจากการกินนมแม่จะมีความฉลาดทางด้านอารมณ์มากกว่าเด็กที่กินนมผง ความฉลาดทางอารมณ์นี้สามารถเห็นได้จากอารมณ์ของลูก ลูกจะมีความร่าเริง อารมณ์แจ่มใส ไม่หงุดหงิดง่ายมากกว่าเด็กที่กินนมผง นอกจากนั้นสารอาหารที่อยู่ในนมแม่จะสามารถถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายของทารกได้ดีกว่านมผง ทำให้ร่างกายของลูกได้สารอาหารครบถ้วนมากกว่า

การที่ลูกมีความฉลาดทางอารมณ์มากกว่า มีความร่าเริง อารมณ์ดี ทำให้พ่อแม่สามารถสอนหรือกระตุ้นพัฒนาการของเขาได้ดีกว่า นอกจากนั้นเด็กที่มีความฉลาดทางอารมณ์มากกว่าจะเป็นเด็กที่มีความกระตือรือร้นมากกว่า ทำให้เขาพร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้ดีกว่าค่ะ

นอกจากสารอาหารในนมแม่ที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดสำหรับทารกแล้ว ในนมแม่ยังมีภูมิต้านทานโรคที่ส่งผ่านน้ำนมไปยังลูกได้อีกด้วย ซึ่งภูมิต้านทานโรคเหล่านี้ไม่สามารถเติมลงไปในนมผงได้ ทำให้นอกจากลูกจะได้สารอาหารที่สมบูรณ์แล้ว ลูกยังได้ภูมิต้านทานจากแม่สู่ลูก ทำให้ร่างกายแข็งแรงมากกว่าอีกด้วย

แล้วเราควรจะให้นมแม่นานแค่ไหน?

บางคนคิดว่า การให้นมแม่ควรให้แค่ 6 เดือนแรกก็พอ พอลูกอายุ 6 เดือนเป็นต้นไป ก็ควรเปลี่ยนมาเป็นนมผงแทน แต่ทางการแพทย์ยืนยันแล้วว่า คุณแม่สามารถให้ลูกกินนมแม่ต่อเนื่องไปจนลูกอายุ 2 ขวบ หรือมากกว่า เพียงแต่เมื่อลูกมีอายุ 6 เดือนแล้ว ลูกก็เริ่มจะกินอาหารอื่นได้บ้างแล้ว พ่อแม่จึงควรเริ่มเตรียมอาหารให้ลูก และเสริมด้วยนมแม่หลังจากมื้ออาหารได้ค่ะ

อย่าไปเชื่อว่านมแม่หลัง 6 เดือนแล้วจะหมดคุณค่าอีกต่อไปนะคะ คุณค่าของนมแม่นั้นไม่ได้ลดลงแต่ลูกจะเริ่มมีฟันขึ้น ระบบย่อยอาหารของลูกพร้อมที่จะย่อยอาหารปกติได้แล้ว เราจึงควรเริ่มฝึกให้ลูกได้ลองกินอาหารปกติตั้งแต่เดือนที่ 6 เป็นต้นไปค่ะ


2 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
รศ.ดร.นพ.ดิฐกานต์ บริบูรณ์หิรัญสาร ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
พญ.สุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)