December 16, 2018 08:30
ตอบโดย
วชิรวิทย์ สุทธิศักดิ์ (แพทย์ทั่วไป) (นพ.)
1.เสียงเเหบมีหลายสาเหตุมากครับ ตั้งเเต่การติดเชื้อทางเดินหายใจไปยังกล่องเสียง การใช้เสียงมาก การได้รับสารระคายเคือง ก้อนเนื้อบางชนิดในกล่องเสียง โรคทางระบบประสาทบางชนิดครับ กรณีคนไข้คิดถึงการติดเชื้อ ให้พยายามจิบน้ำอุ่นลดการใช้เสียงอาการจะค่อยๆดีขึ้น ถ้าอาการเเย่ลง หรือกังวล เเนะนำพบเเพทย์หูคอจมูกครับ(ENT)
2. เรื่องริดสีดวง
ริดสีดวง (hemorrhoid) มักเกิดกับผู้ที่นั่งห้องน้ำนานๆ หรือมีประวัติท้องผูกบ่อยๆ แบ่งเป็นสองแบบ internal กับ external คือหัวริดสีดวงอยุ่ข้างใน กับอยู่ข้างนอก ลักษณะเลือดที่ออกจะเป็นหยดตามหลังถ่ายสุด อาจจะไม่มีอาการเจ็บปวดอะไรครับ มีแต่เลือดออกเพียงอย่างเดียวก็ได้ เวลาคลำที่ก้นจะได้ก้อนนิ่มๆ อาจจะผลุบๆโผล่ๆเวลาเบ่งถ่ายได้ ถ้ามีเลือดขอดในหัวริดสีดวงด้วย (thrombosed hemorrhoids) จะมีอาการปวดมากพบได้ในทุกอายุ แต่จะพบมากในคนท้อง หรือผู้สูงอายุ
ควรไปพบเเพทย์ครับ ถ้าเป็นระยะเเรกๆอาจรับประทานยาร่วมกับการปรับพฤติกรรม เเต่ถ้าเป็นมากจะต้องผ่าตัดครับ
ถ้าไปรพ.รัฐบาลตามสิทธิ ก็น่าจะไม่เสียเงินครับหรือเสียก็น้อยมากเช่นค่าห้องพิเศษ เเละจิปาถะอื่นๆ
เเต่ถ้าเอกชน น่าจะประมาณ30,000-40,000ครับ
ระหว่างนี้ดูแลตนเองโดย
ทานอาหารให้ตรงเวลาทั้งสามมื้อ ลดปริมาณเนื้อสัตว์ หรืออาหารที่ย่อยยาก เพิ่มอาหารที่มีกากใย เช่นผัก ผลไม้บางชนิดมีฤทธิ์ระบาย เช่นมะละกอสุก เป็นต้น ดื่มน้ำมากๆ ช่วงแรกอาจจะใช้ยาระบายช่วย หรือเพื่อให้อุจจาระอ่อนนิ่ม งดการนั่งเบ่งอุจจาระนานๆครับ
แต่ควรไปพบเเพทย์ทันทีหากมีอาการ เลือดออกมาก จนหน้ามืด ใจสั่น อ่อนเพลียมาก หรือ มีอาการปวดก้นรุนเเรงครับ
การดูแลริดสีดวงทวารด้วยตนเอง
ได้แก่ การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงต่อการเพิ่มความดันในกลุ่มเนื้อเยื่อหลอดเลือดที่เป็นสาเหตุของโรคริดสีดวงทวาร
1 ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ เช่น การใส่ยาทาบริเวณหัวริดสีดวง การเหน็บยา หรือการกินยาต่าง ๆ ตามที่แพทย์สั่ง
2 ระวังอย่าให้ท้องผูกหรือท้องเดินบ่อย ๆ ผู้ป่วยควรรับประทานผักผลไม้ที่มีกากใยสูง ๆ ให้มาก ๆ เช่น แอปเปิ้ล ฝรั่ง มะละกอสุก รวมถึงการกินผลิตภัณฑ์เสริมอาหารประเภทกากใย เพื่อป้องกันอาการท้องผูก และดื่มน้ำให้มาก ๆ อย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว เพื่อช่วยให้อุจจาระอ่อนนุ่มและขับถ่ายออกได้ง่าย ถ้ายังมีอาการท้องผูกอีกให้กินยาระบาย เช่น ยาระบายแมกนีเซียม, ดีเกลือ, อีแอลพี, สารเพิ่มกากใย
3 ฝึกขับถ่ายอุจจาระให้เป็นเวลา ไม่กลั้น และไม่เบ่งอุจจาระ
4 หลีกเลี่ยงการนั่งเบ่งถ่ายเป็นเวลานาน ๆ รวมถึงการยืน การเดิน และการนั่งแช่เป็นเวลานาน ๆ
5 พยายามฝึกไม่เบ่งอุจจาระ
6 หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารรสจัด รวมถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เพราะจะทำให้โรคริดสีดวงทวารเป็นมากขึ้นได้
7 ในผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก ควรหาวิธีลดความอ้วนอย่างเหมาะสมและหลีกเลี่ยงการยกของหนัก
8 เมื่ออุจจาระหรือปัสสาวะเสร็จ ควรล้างก้นด้วยน้ำอุ่น ๆ หรือน้ำสะอาด พยายามรักษาความสะอาดอยู่เสมอ ไม่จำเป็นต้องใช้สบู่ แต่ถ้าอยากใช้สบู่ ก็ควรเป็นสบู่เด็กอ่อนเพื่อลดการระคายเคืองของหัวริดสีดวงที่กำลังบวมหรือมีการอักเสบอยู่ (ไม่ควรทำความสะอาดด้วยกระดาษชำระแบบแข็ง แต่ควรใช้วิธีชุบน้ำ หรือใช้กระดาษชำระชนิดเปียกแทน)
9 ถ้าหัวริดสีดวงหลุดออกมาข้างนอก ให้ใส่ถุงมือแล้วใช้ปลายนิ้วชุบสบู่ให้หล่อลื่น แล้วดันหัวกลับเข้าไปใหม่ ซึ่งจะช่วยได้ดีในระดับหนึ่ง แต่ถ้าไม่ได้ผล แนะนำให้ไปพบแพทย์
10 ในกรณีที่มีอาการปวดมาก ๆ เนื่องจากเกิดการอักเสบให้กินยาแก้ปวด นั่งแช่ในน้ำอุ่นจัด ๆ ครั้งละ 15-30 นาที วันละ 2-3 ครั้ง เพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดบวม และใช้ยาเหน็บริดสีดวงทวาร โดยเหน็บวันละ 2-3 ครั้ง เช้า ก่อนนอน และหลังจากถ่ายอุจจาระเสร็จ จนกว่าอาการจะบรรเทา ซึ่งปกติจะใช้เวลาประมาณ 10 วัน
11 เมื่อมีเลือดออกมาก ให้ใช้ผ้าขนหนูสะอาดกดบริเวณก้นเอาไว้ให้แน่น แต่ถ้าเลือดยังไม่หยุดไหล ควรรีบไปแพทย์เป็นการด่วน
12 ไปพบแพทย์ตามนัดอยู่เสมอ และควรรีบไปพบก่อนนัดเมื่อมีอาการผิดปกติไปจากเดิม หรือเมื่อมีความกังวลในอาการที่เป็นอยู่ หรือเมื่ออาการต่าง ๆ เลวร้ายลง เช่น เมื่อมีเลือดออกทางก้นไม่หยุด หรือเมื่อหัวริดสีดวงไม่สามารถกลับเข้าไปในทวารได้ (อย่าพยายามออกแรงดันหัวริดสีดวงมากจนเกินไป เพราะจะทำให้หัวริดสีดวงได้รับบาดเจ็บและบวมมากขึ้น)
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
1..เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาระหว่างที่พูดอยู่ดีๆก็เสียงแหบแห้งแต่ไม่มีอาการเจ็บคอหรือน้ำหมูกนะคะ วันเสาร์เริ่มไอมีเสมหะและน้ำหมูกนิดหน่อย วันอาทิตย์เสมหะเป็นสีเขียวมีน้ำหมูกบางเวลาไม่เจ็บคอ ถ้าพูดเสียงแหบเสียงหายบ้างอยากทราบว่าเป็นอะไรมากไหมคะ 2.พอดีเป็นริดสีดวงมานานแล้วคะตอนนี้ทุกครั้งที่ขับถ่ายมีติ่งโพล่ออกมารู้สึกเจ็บมากและเลือดไหลไม่หยุด ดิฉันดันติ่งกลับเข้าไปแต่ยังรู้สึกปวดตลอดเวลาตอนนี้ซื้อยาDiosminมาทานแล้วก็ยาสอด ดูปร๊อคใล้มา3วันแล้วคะคือต้องไปผ่าตัดด่วนไหมคะ เมื่อวันเสาร์ไปหาหมอที่ราชวิถีหมอทำงานแค่วันจันทร์ถึงศุกร์ก็เลยต้องกลับแล้วดิฉันไม่มีตังไปเข้าคลีนิค ไม่มีเวลาทำงานจันทร์ถึงศุกร์อยู่ในช่วงทดลองงานยังไม่อยากลาคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)