เวลาจะเริ่มฉี่มีอาการปวดๆ อวัยวะเพศ ครับละก็แสบปลายอวัยวะเพศนิดๆ ฉี่เสร็จก็เป็นปกติไม่รู้เป็นนิ่วรึกระเพาะปัสสาวะอักเสบรึเป็นอะไรกันแน่ครับ เพศชาย อายุ 20 ปีครับ ฉี่ใสปกติครับ อ่านจากหลายๆ อันดูก่อนหน้านั้นผมชอบอั้นปัสสาวะไว้นานๆ ครับ ขอคำแนะนำรึดูแลด้วยนะครับ

สวัสดีค่ะ
อาการปวดปัสสาวะบ่อยๆ ปวดแสบขัด มักเกิดจากการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะค่ะ ในบางคนอาจมีไข้ ปวดหลัง ปวดเอว หรือ ปัสสาวะมีเลือดปนได้ สาเหตุมักเกิดจากการกลั้นปัสสาวะนานๆ ดื่มน้ำน้อย หรือที่พบได้บ่อยคือหลังจากมีเพศสัมพันธ์
การรักษาเบื้องต้นคือ
ดื่มน้ำปริมาณมากๆ และไม่กลั้นปัสสาวะเมื่อปวด อาการปัสสาวะแสบขัดจะดีขึ้นเอง
หากอาการไม่ดีขึ้น แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อส่งตรวจปัสสาวะเพิ่มเติม อาจได้ยาฆ่าเชื้อมารับประทาน จำเป็นต้องรับประทานให้หมดตามแพทย์สั่ง และไม่แนะนำให้ซื้อย่าฆ่าเชื้อทานเอง เพราะอาจเกิดภาวะดื้อยาได้ในอนาคต หากใช้ยาไม่ถูกต้อง
ทั้งนี้ การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ หากเกิดขึ้นครั้งแรกแล้ว โอกาสเกิดครั้งต่อๆไป มีได้มากกว่าคนทั่วไป ดังนั้น จึงควรดื่มน้ำปริมาณมาก เป็นประจำ และไม่กลั้นปัสสาวะค่ะ

สำหรับการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะในเพศชายนั้น ถือว่าไม่ปกติ เนื่องจาก ท่อปัสสาวะมีความยาวยาวกว่าในเพศหญิง โอกาสเกิดโรคจึงน้อยกว่า แต่ถ้าเกิดเป็นอาการผิดปกติเช่นนี้แล้ว แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุเพิ่มเติมเป็นอย่างยิ่งค่ะ เนื่องจากอาจเกิดจากเชื้อที่เป็นเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ เช่นหนองใน เป็นต้น ซึ่งต้องได้ยาฆ่าเชื้ออย่างเหมาะสมค่ะ

ถ้านิ่วในทางเดินปัสสาวะ อาการคือ มีปวดท้องมากเป็นพักๆ อาจมีปวดร้าวไปขาหนีบ เเละมีปัสสาวะเป็นเลือดครับ

อาการที่เล่า
แนะนำพบเเพทย์ตรวจปัสสาวะครับ เเละตรวจดูว่าตรงอวัยวะเพศมีแผลอะไรหรือไม่
....
น่าจะเป็น กระเพาะปัสสาวะ หรือ ท่อปัสสาวะอักเสบ
อาการคือ
- ขณะถ่ายปัสสาวะ มีอาการแสบบริเวณปลายท่อปัสสาวะ
- ถ้ามีภาวะกระเพาะปัสสาวะอักเสบร่วมด้วย ก็จะมีอาการปัสสาวะบ่อยทั้งกลางวัน กลางคืน ปัสสาวะแสบ ปัสสาวะขัด กลั้นปัสสาวะไม่ได้ ปัสสาวะแล้วรู้สึกว่าไม่สุดต้องไปปัสสาวะอีกแม้เพิ่งปัสสาวะเสร็จ
- บางคนอาจจะมีอาการปวด หรือแสบบริเวณท้องน้อยร่วมด้วยทั้งตอนปวดและไม่ปวดปัสสาวะครับ

ปัจจัยเสี่ยง เช่น
1.มีเพศสัมพันธ์บ่อยครั้ง และหลายครั้งในเวลาอันสั้น
2.ดื่มน้ำน้อย
3.กลั้นปัสสาวะนาน ๆบ่อยๆ
4.ผู้ที่เคยรับการผ่าตัด หรือการรักษาด้วยการฉายแสงบริเวณกระเพาะปัสสาวะและอวัยวะเพศมาก่อนครับ
......
การรักษา คือการรับประทานยาฆ่าเชื้อครับ เช่น Ciprofloxacin
ร่วมกับ การป้องกันคือ
- ดื่มน้ำมาก ๆ อย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน
- ดูแลความสะอาดบริเวณปลายท่อปัสสาวะและอวัยวะเพศ
- มีกิจกรรมทางเพศอย่างเหมาะสม โดยหลังจากมีเพศสัมพันธ์ ควรไปปัสสาวะและทำความสะอาดบริเวณท่อปัสสาวะ รวมถึงอวัยวะเพศครับ
- ไม่ควรกลั้นปัสสาวะเป็นเวลานานเกินไปครับ

สำหรับการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะในเพศชายนั้น ถือว่าไม่ปกติค่ะ แนะนำไปพบแพทย์ เพื่อประเมินอาการ หาเชื้อต้นเหตุและสาเหตุก่อน และแนะนำว่ายังไม่ควรซื้อยารับประทานเองค่ะ

ได้ค่ะ ปัสสาวะแสบขัดก็ได้ค่ะ
แผนกคัดกรองจะช่วยดูอีกทีค่ะ