ภาวะรูท่อปัสสาวะอยู่ผิดตำแหน่ง (Malpositioned Urinary Opening) คือการที่รูปัสสาวะของอวัยวะเพศชายอยู่ผิดตำแหน่ง คือไม่อยู่ตรงกึ่งกลางของปลายองคชาตอย่างที่ควรจะเป็น ทารกที่ตกอยู่ในภาวะนี้อาจจะมีรูปัสสาวะที่อยู่ผิดตำแหน่งใน 2 ลักษณะ คือ รูปัสสาวะอยู่ด้านใต้ของท่อนองคชาต และ รูปัสสาวะอยู่ด้านบนของท่อนองคชาต
รูท่อปัสสาวะอยู่ด้านใต้ของท่อนองคชาต
รูท่อปัสสาวะอยู่ด้านใต้ของท่อนองคชาต หรือ ภาวะรูปัสสาวะเปิดต่ำ (hypospadias) เป็นความผิดปกติที่พบได้ค่อนข้างมากในทารก และมีลำดับความรุนแรงอยู่ 3 ระดับ ดังนี้
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
- ระดับที่ไม่รุนแรง: ตำแหน่งของรูท่อปัสสาวะในขั้นที่ไม่รุนแรงมักจะอยู่ไม่ไกลจากบริเวณกึ่งกลางของปลายองคชาตมากนัก จึงแทบไม่มีผลกระทบต่อการขับปัสสาวะ
- ระดับที่รุนแรงปานกลาง: ตำแหน่งของรูท่อปัสสาวะในขั้นที่ค่อนข้างรุนแรงนี้จะอยู่ใกล้กับร่างกายมากขึ้น เช่น อยู่บริเวณด้านใต้ท่อนองคชาติ หรือใกล้โคนองชาต
- ระดับที่รุนแรงมาก: ความผิดปกติในระดับที่รุนแรงมากของรูท่อปัสสาวะคือนอกจากจะอยู่ด้านใต้ของท่อนองคชาตและอยู่ใกล้โคนองชาตแล้ว ท่อปัสสาวะยังโผล่ขึ้นมาถึงบริเวณหนังหุ้ม หรือที่เรียกว่า 'ฝีเย็บ'
การอยู่ผิดตำแหน่งของรูท่อปัสสาวะในแบบที่ไม่รุนแรงมักไม่ก่อให้เกิดอันตรายหรือความลำบากในชีวิตประจำวันของเด็กแต่อย่างไร การผ่าจัดจึงไม่จำเป็น
แต่ในกรณีที่มีการอยู่ผิดตำแหน่งที่รุนแรงปานกลางถึงรุนแรงมาก จะทำให้การลำเลียงปัสสาวะไม่เป็นไปตามปกติซึ่งอาจมีผลต่อกระเพาะปัสสาวะได้และเด็กจะต้องนั่งปัสสาวะ แพทย์จึงแนะนำให้ทำการผ่าตัด โดยขลิบหนังหุ้มปลายองคชาตออกไปเพื่อนำไปใช้ในบริเวณที่จำเป็นสำหรับการผ่าตัด ซึ่งสามารถทำได้เมื่อเด็กมีอายุตั้งแต่ 6 เดือนชึ้นไป
รูท่อปัสสาวะอยู่ด้านบนของท่อนองคชาต
รูท่อปัสสาวะอยู่ด้านบนของท่อนองคชาต (epispadias) เป็นความผิดปกติที่พบน้อยกว่าในแบบแรกมาก แต่เมื่อเกิดแล้วก็มีลักษณะและระดับความรุนแรงที่คล้ายกับแบบแรก แต่การขับปัสสาวะของเด็กที่ตกอยู่ในภาวะนี้จะมีความยากลำบากกว่ามาก จึงจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัด
ในปัจจุบันทางการแพทย์ยังไม่สามารถระบุสาเหตุของภาวะรูเปิดท่อปัสสาวะอยู่ผิดตำแหน่งนี้ได้ ทราบเพียงแค่ว่าเป็นความปิดปกติที่เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงที่ทารกยังอยู่ในมดลูก และพบมากในกรณีที่มารดามีอายุมาก บางครั้งแพทย์ก็มีการสันนิษฐานว่าเป็นการถ่ายทอดทางพันธุกรรมจากบิดาที่เคยตกอยู่ในภาวะนี้เช่นกัน แต่ก็ไม่ใช่กับทุกราย
บางครั้งความผิดปกตินี้ก็ไม่มีความเด่นชัดมากในช่วงแรกเกิด แต่อาจมีความเด่นชัดขึ้นหลังจากนั้น ผู้ปกครองจึงควรศึกษาลักษณะอาการเหล่านี้ไว้และแจ้งให้แพทย์ทราบเมื่อพบลักษณะผิดปกติเหล่านี้ที่องคชาตของลูกน้อย