March 13, 2017 13:12
ตอบโดย
นิชดา พงษ์ธัญญกรณ์ (แพทย์ทั่วไป) (พญ.)
วิธีรักษาโรคท่อปัสสาวะอักเสบ
เมื่อมีอาการของโรคท่อปัสสาวะอักเสบหรือคู่นอนมีอาการ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรับการรักษาที่ถูกต้อง ไม่ควรรักษาด้วยตัวเองค่ะ
-โรคท่อปัสสาวะอักเสบที่เกิดจากการติดเชื้อ (ซึ่งเป็นสาเหตุส่วนใหญ่) สามารถรักษาได้ด้วยการรับประทานยาปฏิชีวนะ หากเกิดจากสาเหตุอื่นก็ให้แก้ที่สาเหตุนั้น ๆ ด้วย
-รักษาแบบประคับประคองไปตามอาการ เช่น ให้รับประทานยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการปวดปัสสาวะ
-การดูแลตนเองเมื่อเป็นโรคท่อปัสสาวะอักเสบ ผู้ป่วยควรปฏิบัติดังนี้
1. รับประทานยาให้ครบ อย่าหยุดยาเอง และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
2. ต้องพาคู่นอนมาพบแพทย์เพื่อรับการรักษาไปพร้อม ๆ กัน เมื่อโรคเกิดจากการติดเชื้อ แม้คู่นอนจะไม่มีอาการก็ตาม
3. ดื่มน้ำสะอาดให้มากกว่าปกติ วันละ 8-10 แก้ว หรือ 1-2 ลิตร เมื่อไม่มีโรคที่ต้องจำกัดน้ำดื่ม เพื่อให้ปัสสาวะออกบ่อยขึ้น ซึ่งจะช่วยชะล้างเชื้อที่ติดอยู่ที่เยื่อบุท่อปัสสาวะออกไปได้อีกทางหนึ่ง
4. พักผ่อนให้เพียงพอ
5. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบ 5 หมู่ทุกมื้อ และรักษาสุขอนามัยพื้นฐาน
6. งดการมีเพศสัมพันธ์จนกว่าจะหายจากโรค ไม่สำส่อนทางเพศ และใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์
7. ในผู้ป่วยที่มีสายสวนปัสสาวะคาอยู่ก็ควรได้รับการถอดออกในระยะที่ท่อปัสสาวะยังอักเสบอยู่
8. ไม่ซื้อยาปฏิชีวนะมารับประทานเอง เพื่อป้องกันเชื้อดื้อยา
วิธีป้องกันโรคท่อปัสสาวะอักเสบ
การป้องกันที่ดีที่สุดคือการป้องกันที่สาเหตุ ซึ่งจะต่างกันไปในแต่ละสาเหตุ โดยสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดคือ การติดเชื้อจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งสามารถป้องกันได้โดย
-ไม่ส่ำส่อนทางเพศ
-ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์
-เมื่อเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ควรได้รับการตรวจรักษาที่ถูกต้องจากแพทย์ ทั้งจากตัวผู้ป่วยเองและคู่นอนด้วย
-ควรรักษาสุขอนามัยพื้นฐาน (สุขบัญญัติแห่งชาติ) อยู่เสมอ เพื่อให้ร่างกายมีสุขภาพแข็งแรงและลดโอกาสการติดเชื้อต่าง ๆ
References
1. หาหมอดอทคอม. “ท่อปัสสาวะอักเสบ (Urethritis)”. (ศ.เกียรติคุณ พญ.พวงทอง ไกรพิบูลย์). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : haamor.com. [27 มิ.ย. 2016].
2. MutualSelfcare. “โรคท่อปัสสาวะอักเสบ (Urethritis)”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : mutualselfcare.org. [28 มิ.ย. 2016].
3. Siamhealth. “ท่อปัสสาวะอักเสบ Urethritis”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.siamhealth.net. [28 มิ.ย. 2016].
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
ตอบโดย
ชัยวัฒน์ จิรานันท์สกุล (หมอเปี๊ยก) (นพ.)
โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ(Cystitis) ไม่ถือเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เกิดจากการติดเชื้อของระบบทางเดินปัสสาวะ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากทางช่องคลอดและทวารหนัก และมักเกิดกับคุณผู้หญิง ที่ชอบอั้นปัสสาวะ โดยเฉพาะผู้สูงอายุ บางคนเป็น บ่อย ๆ
โดยพบมากในผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว (อายุ 30-40 ปี) เนื่องจากมีการอักเสบในช่องคลอดบ่อย ๆ มีตกขาวมากกว่าปกติ ทำให้เชื้อแบคทีเรียเข้ากระเพาะปัสสาวะง่าย เพราะหลอดปัสสาวะผู้หญิงสั้นกว่าผู้ชาย อาจพบมีรูเปิดหลอดปัสสาวะตีบแคบด้วยในบางคน ทำให้กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ซึ่งมีอาการปัสสาวะบ่อย ครั้งวันละน้อย ๆ อาจเจ็บเสียวบริเวณปลายหลอดปัสสาวะ/บริเวณท้องน้อย หรือมีอาการปัสสาวะไม่สุด
การดูแลตนเองเบื้องต้น ต้องไม่กลั้นปัสสาวะนานเกิน 6 ชั่วโมง และถ้ากระเพาะปัสสาวะอักเสบจากการติดเชื้อ ให้ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อขับเชื้อโรคออกจากร่างกายโดยเร็ว และยังช่วยลดอาการปวดแสบปวดร้อนเวลาปัสสาวะได้ด้วย
ต้องรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ สำหรับบางรายต้องรักษาอาการตกขาวในช่องคลอด หรือขยายรูเปิดหลอดปัสสาวะด้วยจึงจะหายขาด
ดูแลสุขภาพอย่างไรห่างไกลโรคนี้
1. พยายามอย่ากลั้นปัสสาวะนานเกิน 6 ชั่วโมงโดยไม่จำเป็น
2. ดื่มน้ำมาก ๆ ประมาณ 6 - 8 แก้ว (ตั้งแต่เช้าถึงเข้านอน)
3. ควรรักษาอาการตกขาวให้หายขาด
4. ถ้าหากมีอาการปัสสาวะบ่อย ครั้งละน้อย ๆ ทั้งกลางวันและกลางคืน ต้องไปพบศัลยแพทย์ระบบทางเดินปัสสาวะทันที
หากพบว่าท่านเป็นผู้หนึ่งที่มีอาการผิดปกติดังที่กล่าวมาข้างต้น ควรรีบปรึกษาแพทย์ ไม่ควรซื้อยารับประทานเอง ในรายที่เป็น ๆ หาย ๆ และเรื้อรัง ควรไปพบศัลยแพทย์ระบบปัสสาวะเพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาด้วยวิธีที่เหมาะสม โดยเฉพาะคุณผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ โอกาสที่จะเป็นโรคชนิดนี้ค่อนข้างสูง และหากปล่อยทิ้งไว้อาจส่งผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน
ข้อมูลจาก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ขอสอบถามหน่อยค่ะ คือมีอาการคันช่องคลอดแล้ว ฉี่บ่อยบางครั้งก็ฉี่นิดเดียวทำให้รู้สึกว่าไม่สุด พอเอามือไปโดนท้องน้อยรู้สึกว่าแป๊ปๆ ช่วงที่เอามือโดน อยากทราบว่าเป็นเชื้อราหรือกระเพาะปัสสาวะอักเสบค้ะ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ฉี่บ่อย ฉี่ไม่สุดคันช่องคลอด และมีกลิ่น
ติดเชื้อที่กระเพาะปัสสาวะมีอาการคันร่วมด้วยต้องทานยาหรือแค่ใช่ยาทาก็พอหรอคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)