October 25, 2019 11:17
ตอบโดย
ชัยวัฒน์ จิรานันท์สกุล (หมอเปี๊ยก) (นพ.)
ลักษณะผิวหนังบริเวณตัวอวัยวะเพศ(ลึงค์)แดง อักเสบ เป็นขุย มีสะเก็ด (crust) บ้างเล็กน้อย
ไปพบแพทย์ และตรวจหาการติดเชื้อต่างๆก็ไม่พบ
อาจเป็นจากแพ้ถุงยางอนามัย ก็ได้ แต่ถ้าเป็นเช่นนั้นน่าจะกินบริเวณกว้างกว่านี้และน่าจะเป็นตลอดลำอวัยวะเพศ
อีกอย่างที่นึกถึงและน่าเป็นไปได้มากที่สุดคือการระคายเคืองจากสารเคมีบางอย่างหรือการล้างทำความสะอาดมากไปด้วยสบู่ธรรมดา แต่บ่อยไปหรือมากไปก็ทำให้มีอาการเช่นนี้ได้
แนะนำให้ใช้สบู่อ่อน ๆ ทำความสะอาด เช่น สบู่เด็ก หรือสบู่ที่มีความเป็นกรดด่างเท่ากับผิวหนัง ไม่ต้องฟอกเยอะหรือฟอกมากเกินไป
และลองใช้ครีมสเตียรอยด์อ่อนๆเช่น 0.1% triamcinolone Cream ทาเช้าเย็น
ถ้ามีอาการคัน อาจจะกินยาแก้แพ้แก้คันร่วมด้วยก็ได้ครับ
น่าจะหายไปได้ในระยะไม่เกิน 2 สัปดาห์ ถ้าใน 2 สัปดาห์ยังไม่หาย แนะนำให้กลับไปพบแพทย์ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ลืมแจ้งอีกอย่างหนึ่งค่ะ จะเป็นทุกครั้งหลังจากที่มีเพศสัมพันธ์กันประมาณ3-4วันค่ะ ช่วงที่ไม่มีเพศสัมพันธ์ก็ปกติค่ะ และส่วนตัวดิฉันเองพบคุณหมอ6เดือนครั้งเพื่อตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยค่ะเลยไม่คิดว่าตนเองจะมีเชื้ออะไรที่ทำให้แฟนติดค่ะ และแฟนใช้แต่น้ำเปล่าล้างทำความสะอาดไม่มีการฟอกสบู่อะไรเลยค่ะ เลยไม่รู้ว่าเกิดจากอะไรกันแน่ ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะ
ช่วงหลายเดือนมานี้หลังจากมีเพศสัมพันธ์กับแฟนทั้งใช้ถุงยางอนามัยและไม่ใช้ อวัยวะเพศชายของแฟนจะมีอาการคัน ขัดๆ บวม มีตุ่มพองเป็นแผล(ขออนุญาตแนบภาพค่ะวันที่4ก.ย.และ5ก.ย.) เกือบทุกครั้งเลยค่ะ (มีครั้งเดียวที่ไม่เป็น) แฟนเคยไปหาหมอแล้ว ตรวจเลือดแล้วไม่พบอะไร นำไปย้อมหาเริมแล้วก็ไม่พบ หมอรักษาตามอาการ ไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด ยาที่ทานมี 1.Doxycycline100mg เช้า-เย็น 2.Griseofulvin500mg เช้า-เย็น 3.Ciprofloxacin500mgเช้า-เย็น 4.Loratadine10mg เช้า และทุกครั้งที่เป็นอาการจะอยู่ประมาณ2อาทิตย์แล้วหายค่ะ(แม้ไม่ทานยา) อยากทราบสาเหตุและการรักษาจริงๆว่าคืออะไรต้องรักษา รบกวนคุณหมอด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)