April 24, 2019 08:12
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
ยาคุมฉุกเฉินไม่ได้มีประสิทธิภาพสูงมากนะคะ การมีเพศสัมพันธ์ในวันที่ 15 เมษายน แม้จะรับประทานยาคุมฉุกเฉินแล้ว ต่อให้ใช้เร็วและครบขนาดก็ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้อย่างน้อย 15%
และไม่มีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องหลังรับประทานค่ะ การมีเพศสัมพันธ์ในวันที่ 21 จึงไม่มีผลคุมกำเนิดจากยามาป้องกันให้แล้วนะคะ
ส่วนการมีเพศสัมพันธ์ในช่วง "หน้า 7 - หลัง 7" มีโอกาสตั้งครรภ์ 5 - 24% แต่โดยทั่วไปถือว่าความเสี่ยงจะค่อนไปทางสูง คือ 24% ในขณะที่ถ้าใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกต้องและไม่รั่วซึมหรือฉีกขาด จะมีโอกาสตั้งครรภ์เพียง 2%
ดังนั้น ผู้ถามและแฟนจะต้องพิจารณาว่ารับความเสี่ยง 24% นี้ได้หรือไม่ ถ้าได้ ก็ไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเติมค่ะ
แต่ถ้ารับไม่ได้ ก็จำเป็นจะต้องคุมกำเนิดฉุกเฉินนะคะ ซึ่งมี 2 ทางเลือก ได้แก่
1. รับประทานยาคุมฉุกเฉินโดยเร็วที่สุดที่ทำได้ ยิ่งเร็วยิ่งดี อย่างช้าไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ อาจช่วยลดความเสี่ยงลงมาได้บ้าง แต่ก็ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 15 - 25% นะคะ และไม่มีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องหลังรับประทาน หากจะมีเพศสัมพันธ์ซ้ำก็ต้องใช้ถุงยางทุกครั้งค่ะ
2. ไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อใส่ห่วงอนามัยชนิดหุ้มทองแดง ภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ วิธีนี้มีประสิทธิภาพสูงมาก ผู้ใช้มีโอกาสตั้งครรภ์น้อยมาก เพียงแค่ 0.6 - 0.8% และมีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องได้นาน 3 - 10 ปี ขึ้นกับรุ่นของห่วงอนามัยที่ใช้ จึงสามารถใช้เป็นวิธีคุมกำเนิดปกติต่อได้เลยนะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
มีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกวันที่15เมษา กินยาคุมฉุกเฉิน มีอีกครั้งวันที่21เมษา ไม่ได้ป้องกัน ต้องกินยาคุมฉุกเฉินอีกครั้งมั้ย จะท้องรึเปล่า ปกติรอบเดือนมาวันที่26ค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)