ข้อควรรู้เกี่ยวกับการตรวจ Activated clotting time (ACT) ทางเลือด เพื่อติดตามปริมาณของเฮปาริน พร้อมโรคที่ผู้ป่วยมักจะต้องได้รับการตรวจประเภทนี้ด้วย
การตรวจ Activated clotting time (ACT) โดยเก็บตัวอย่างจากเลือดไปทดสอบ ทำเพื่อติดตามผู้ป่วยที่ได้รับยาต้านการแข็งตัวของเลือด หรือเฮปารินในปริมาณสูง โดยแพทย์สามารถตรวจหา ACT ในผู้ป่วยได้ทันที และมักจะทำที่ข้างเตียงผู้ป่วยเลย ซึ่งสามารถทราบผลได้ในไม่กี่วินาที
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ชื่ออื่น: ACT, Activated coagulation time
จุดประสงค์ของการตรวจ Activated clotting time (ACT)
การตรวจ Activated clotting time (ACT) จากเลือด ช่วยติดตามผู้ป่วยที่ได้รับเฮปาริน (ยาต้านการแข็งตัวของเลือด) ในปริมาณสูง โดยทั่วไปแล้วผู้ป่วยจะถูกฉีดหรือได้รับยาอย่างต่อเนื่องผ่านทางเส้นเลือดดำ และอาจได้รับเฮปารินปริมาณสูงในระหว่างกระบวนการที่ต้องป้องกันไม่ให้เลือดแข็งตัว เช่น การผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ (Heart Bypass Surgery)
การติดตามเฮปารินเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยป้องกันไม่ให้เลือดแข็งตัว หากจำนวนของเฮปารินที่ให้ผู้ป่วยไม่เพียงพอที่จะยับยั้งระบบแข็งตัวของเลือด ลิ่มเลือดอาจก่อตัวขึ้นในหลอดเลือดทั่วทั้งร่างกาย ในกรณีที่มีปริมาณของเฮปารินมากเกินไป ผู้ป่วยอาจมีเลือดออกมากกว่าปกติ และอาจทำให้เป็นอันตรายถึงชีวิต
เมื่อไรที่ต้องตรวจ Activated clotting time (ACT)?
แพทย์อาจตรวจ ACT หลังจากที่ผู้ป่วยได้รับเฮปารินเป็นครั้งแรกก่อนที่จะเริ่มผ่าตัดหัวใจ หรือกระบวนการอื่นที่จำเป็นต้องใช้สารกันเลือดแข็งตัวปริมาณมาก
ผู้ป่วยจะถูกวัด ACT ในระหว่างที่ผ่าตัดเป็นระยะเพื่อรักษาระดับของเฮปารินให้คงที่ หลังจากที่ผ่าตัดแล้ว ก็จะมีการติดตาม ACT จนกระทั่งร่างกายของผู้ป่วยกลับมาอยู่ในสภาวะคงที่ ซึ่งถ้าหากร่างกายของผู้ป่วยยังมีปริมาณเฮปารินสูง แพทย์อาจใช้สารที่ทำให้ยาเฮปารินลดลง หรือมีสภาพเป็นกลาง บางกรณีแพทย์อาจวัด ACT ระหว่างที่เลือดออก หรือนำมาใช้เป็นส่วนหนึ่งของการประเมินระดับของเฮปารินที่ข้างเตียงของผู้ป่วย
วิธีเก็บตัวอย่างเลือดเพื่อตรวจ Activated clotting time (ACT)
แพทย์จะตรวจ Activated clotting time (ACT) จากเลือด โดยการแทงเข็มเข้าไปในเส้นเลือดดำในแขน ซึ่งผู้เข้ารับการตรวจไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวล่วงหน้า
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ความหมายของผลตรวจ Activated clotting time (ACT)
ACT จะถูกวัดภายในไม่กี่วินาที ยิ่งเลือดใช้เวลาแข็งตัวมากเท่าไร ระดับของสารยับยั้งการแข็งตัวของเลือดก็จะสูงขึ้นมากเท่านั้น แพทย์จะรักษาระดับของ ACT ในระหว่างที่ผ่าตัดให้มากกว่าขอบเขตช่วงล่าง (Lower time limit) ซึ่งเป็นขีดจำกัดที่เลือดของคนส่วนใหญ่จะไม่จับตัวเป็นลิ่ม โดยแต่ละโรงพยาบาลอาจกำหนดขอบเขตช่วงล่างนี้ต่างกัน ขึ้นอยู่กับวิธีที่ใช้หา ACT
การประเมินการตอบสนองต่อการมี ACT อยู่ในขีดจำกัดล่าง และการตอบสนองต่อปริมาณของเฮปารินที่ผู้ป่วยได้รับเป็นเรื่องที่สำคัญ ปริมาณของเฮปารินที่จะทำให้ ACT คงที่ (เช่น 300 วินาที) จะแตกต่างกันในแต่ละคน
หากมีปัญหาเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือดหรือมีปัญหาเลือดออก ก็อาจต้องปรับยา และ ACT หลังจากที่ผ่าตัด ซึ่ง ACT อาจคงอยู่ภายในช่วงแคบๆ (เช่น 175-225 วินาที) จนกระทั่งร่างกายกลับมาอยู่ในสภาวะคงที่
สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับการตรวจ Activated clotting time (ACT)
จำนวนของเกล็ดเลือด และการทำงานของเกล็ดเลือดอาจมีผลต่อการตรวจ ACT เพราะเกล็ดเลือดที่ถูกกระตุ้นระหว่างผ่าตัดมักจะทำหน้าที่ผิดปกติ ในบางครั้งการผ่าตัดและเฮปารินสามารถทำให้เกล็ดเลือดลดลงได้ นอกจากนี้อุณหภูมิของเลือดอาจส่งผลกระทบต่อผลตรวจ ACT ซึ่งเลือดมีแนวโน้มที่จะเย็นตัวระหว่างผ่าตัด เนื่องจากได้รับการกรอง และเติมออกซิเจนด้วยอุปกรณ์เชิงกล
ภาวะที่เกิดขึ้นภายหลังหรือภาวะที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม เช่น ภาวะขาด Coagulation Factor (ปัจจัยการแข็งตัวของเลือด) ก็อาจกระทบต่อผล ACT เช่นกัน
ที่มาของข้อมูล
Activated Clotting Time (ACT) (https://labtestsonline.org/tests/activated-clotting-time-act), 22 December 2018.