กองบรรณาธิการ HD
เขียนโดย
กองบรรณาธิการ HD
ทีมแพทย์ HD
ตรวจสอบความถูกต้องโดย
ทีมแพทย์ HD

แนะนำ 9 ครีมลดรอยสิวและวิธีใช้

ตัวอย่างครีมและผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ใช้ลดรอยสิว เพื่อดูแลผิวให้ดูกระจ่างใส เรียบเนียน พร้อมวิธีใช้และคำแนะนำเพื่อให้ผิวสวยอย่างปลอดภัย
เผยแพร่ครั้งแรก 10 มิ.ย. 2019 อัปเดตล่าสุด 29 มี.ค. 2021 ตรวจสอบความถูกต้อง 3 ก.ค. 2019 เวลาอ่านประมาณ 4 นาที
แนะนำ 9 ครีมลดรอยสิวและวิธีใช้

ลำพังเป็นสิวและต้องหาวิธีรักษาสิวแบบต่างๆ นั้นก็ทำให้เกิดความเครียดมากแล้ว หลังจากสิวหายอักเสบ บางครั้งยังทิ้งรอยหลงเหลือไว้อีก วิธีดูแลให้รอยสิวหายไวและได้ผล นอกจากการยิงเลเซอร์แล้ว ในท้องตลาดยังมีครีมลดรอยสิวที่มีส่วนผสมของตัวยาแตกต่างกันวางจำหน่าย การเลือกครีมลดร้อยสิวที่เหมาะสมมาแต้ม จะทำให้รอยดำและแดงแลดูจางลงได้รวดเร็วขึ้นอีกทางหนึ่ง

ตัวยาหลักที่แนะนำในการรักษาสิว

1. Glycolic Acid

กรดไกรโคลิก (Glycolic acid) ได้จากผลไม้ และนม ทำหน้าที่กระตุ้นการสร้างผิวหนังและการสลายเมลานิน ช่วยเพิ่มกรดไฮยาลูโรนิกและคอลลาเจนโดยการเพิ่มการหลั่งของ IL-6  จึงมีประสิทธิภาพในการรักษาแผลเป็นและเป็นที่ยอมรับ แนะนำให้ใช้ต่อเนื่องทุก 2 สัปดาห์ ห้ามใช้ในผู้ที่เป็นผื่นแพ้ผิวหนัง หญิงตั้งครรภ์

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
รักษาสิว ลดรอยสิววันนี้ ที่คลินิกใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 78 บาท ลดสูงสุด 93%

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!

2. Jessner's Solution

สูตรโดย ดร.แม็กซ์ เจสเนอร์ ซึ่งมีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิก (Salicylic acid) รีซอร์ซินอล (Resorcinol) และกรดแลคติค (Lactic acid) ในเอธานอล 95% ใช้เป็นสารลอกผิว ทำให้เกิดการลอกเซลล์ผิว และช่วยลดรอยแผลเป็น ห้ามใช้ในผู้ที่ผิวหนังอักเสบ หรือมีการติดเชื้อในบริเวณที่จะใช้ และผู้ที่ใช้ยาไอโสเตรติโนอิน (isotretinoin) ซึ่งเป็นยารักษาสิว ภายใน 6 เดือน

3. Pyruvic Acid

กรดไพรูวิก (Pyruvic acid) เป็นสารลอกผิวที่มีประสิทธิภาพ ช่วยผลัดเซลล์ผิว และสามารถในการกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนใหม่ การใช้กรดไพรูวิก 40% ถึง 70% เหมาะสำหรับรักษารอยแผลเป็นจากสิวในระดับปานกลาง ผลข้างเคียงคือ อาจเกิดการกัดอย่างรุนแรง และรู้สึกแสบร้อนระหว่างการรักษา กรดไพรูวิก มีไอระเหยซึ่งระคายเคืองต่อเยื่อบุทางเดินหายใจส่วนบน จึงควรอยู่ในที่ที่มีการระบายอากาศที่เพียงพอระหว่างการใช้งาน

4. Salicylic Acid

กรดซาลิซิลิก (Salicylic acid) เป็นหนึ่งในสารลอกผิวที่ดี และมีประสิทธิภาพมากที่สุดสำหรับการรักษารอยแผลเป็นจากสิว แนะนำให้ใช้ความเข้มข้น 30% ทา  3-5 ครั้ง ต่อสัปดาห์  เป็นเวลา 3 ถึง 4 สัปดาห์ ผลข้างเคียงของกรดซาลิซิลิกนั้นไม่รุนแรงและเป็นเพียงชั่วคราว เช่น การเกิดผื่นแดง และผิวแห้งกร้าน หายใจเร็ว หูอื้อ สูญเสียการได้ยิน เวียนหัว ตะคริวในช่องท้อง และอาการที่เกี่ยวข้องระบบประสาทส่วนกลาง

5. Trichloroacetic Acid

การรักษาด้วยการแต้มกรดไตรคลอโรอะซิติก (Trichloroacetic acid) เหมาะกับหลุมสิวชนิด ice pick scar ซึ่งมีลักษณะเป็นหลุมสิวลึก และแคบ โดยทั่วไปรักษาค่อนข้างยาก การรักษานี้จะทำให้เกิดสะเก็ดอยู่ประมาณ 5-7 วัน แล้วผิวหนังจะสร้างคอลลาเจนที่ดีขึ้นมาใหม่ เมื่อสะเก็ดหลุดจะได้ผลการรักษาคือหลุมสิวที่ตื้นขึ้น

ตัวอย่าง 9 ครีมแต้มสิวมีดังนี้

1. Mederma Intense Gel

ครีมแต้มสิวตัวนี้ประกอบไปด้วยสารสกัดจากหัวหอม (Cepalin) และอัลลานโทอิน (Allantoin) ซึ่งมีส่วนช่วยในการลดเลือนรอยแผลเป็นหลังผ่าตัด จึงช่วยลดรอยสิวได้ค่อนข้างดี แนะนำแต้มให้เรื่อยๆ ตั้งแต่สิวเริ่มลดการอักเสบลง

2. Skinoren

ประกอบไปด้วยตัวยา กรดอะซีลาอิก (Azelaic acid) ที่มีผลช่วยลดการสร้างเม็ดสีเมลานินในผู้ที่มีรอยสิวและฝ้า ช่วยลดการเกิดสิว ลดรอยแดงบนใบหน้า และทำให้หน้าดูขาวใสได้อีกด้วย ที่สำคัญเป็นตัวยาสิวที่แนะนำให้ผู้กำลังตั้งครรภ์ใช้ได้ เพราะไม่มีผลข้างเคียงอันตรายกับทารกในครรภ์

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
รักษาหลุมสิว ลดรอยสิว วันนี้ ที่คลินิกใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 97 บาท ลดสูงสุด 74%

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!

3. Eucerin anti spot corrector

ครีมลดรอยสิวตัวนี้ประกอบไปด้วยสารรีซอร์ซินอล (Resorcinol) ซึ่งเป็นสารช่วยลดการสร้างเม็ดสีเมลานินตัวใหม่ที่เพิ่งค้นพบได้ไม่นาน จุดเด่นของผลิตภัณฑ์นีคือหัวแปรงที่จุ่มตัวครีมขึ้นมา สามารถทำให้แต้มสิวเฉพาะจุดได้ดีขึ้น

4. Eucerin ultraWHITE + spotless

ครีมลดรอยสิวตัวนี้มีสารไทอามิดอล (Thiamidol) ที่ช่วยลดการเกิดเม็ดสีเมลานินได้ดีกว่าตัวรีซอร์ซินอล (Resorcinol) และไฮโดรควิโนน (Hydroquinone) ช่วยลดจุดด่างดำจากสิวได้ดี รวมไปถึงฝ้าบนใบหน้าอีกด้วย เหมาะสำหรับทาทั่วใบหน้า ทำให้ผิวขาวใสขึ้น สามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิว

5. PIXI Glow Tonic

เป็นผลิตภัณฑ์อีกตัวหนึ่งที่ได้รับการพูดถึงเป็นอย่างมากทั้งในไทยและต่างประเทศ ซึ่งประกอบด้วย AHA 5 % ช่วยเพิ่มการผลัดเซลล์ผิวให้เป็นไปตามเวลา 28 วัน เม็ดสีเข้มของรอยสิวที่อยู่ชั้นบนจะถูกผลัดออกไป ทำให้รอยสิวแลดูจางลง วิธีใช้คือให้หยดลงบนสำลีหมาดๆ และเช็ดทั่วหน้า วิธีการนี้เป็นการใช้กรดชนิดอ่อนเพื่อผลัดเซลล์ผิว จึงระมัดระวังในผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย

6. Stratamed

จุดเด่นของตัวยาชนิดนี้คือเป็นซิลิโคนทางการแพทย์ ที่จะทาแล้วเคลือบไปบนชั้นผิวหนังที่เป็นแผลเปิด โดยเฉพาะแผลสิวหนองอักเสบขนาดใหญ่ที่หนองหยุดไหลแล้ว เหลือเป็นแผลแดงอยู่ สามารถทาเคลือบชั้นผิวบริเวณนั้นได้เลย จะช่วยลดการอักเสบและติดเชื้อซ้ำ ทำให้ผิวหนังสมานตัวเร็วขึ้น ยานี้ใช้แต้มเฉพาะจุดเท่านั้น ไม่สามารถทาทั่วหน้าได้

7. Kamedis AC-Cleat spot treatment

ครีมลดรอยสิวตัวนี้มีจุดเด่นที่การใช้สารสกัดจากธรรมชาติหรือผักเบี้ยใหญ่ (Portulaca oleracea) ซึ่งช่วยลดอาการอักเสบ ลดรอยแดงของสิวได้ดี และมีสารกัดจากดอกเบญจมาศ (Crysanthemum Indicum) ซึ่งมีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย ทำให้ได้ผลทั้งด้านลดรอยและป้องกันการเกิดสิวใหม่ไปด้วยในตัว

8. No. 7 Dark spot correcting booster serum

ส่วนผสมหลักที่ช่วยลดเลือนจุดด่างดำของผลิตภัณฑ์ตัวนี้คือกลูโคโนแลกโตน (Gluconolactone) ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มของ PHA (Polyhydroxy Acid-กรดจากผลไม้ชนิดหนึ่ง) ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพแล้วและผลัดเซลล์เม็ดสีที่เป็นจุดด่างดำออกไป ผสานกับวิตามินซีที่ช่วยในเรื่องความกระจ่างใสของผิว ทำให้เซรัมนี้มีประโยชน์สำหรับคนที่มีจุดด่างดำและสามารถใช้ได้ทุกสภาพผิว เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่าย

9. Kiehl’s dark spot solution serum

เซรัมลดเลือนรอยสิวที่หลายคนติดใจ เนื่องมาจากสาร activated C ที่เป็นตัวช่วยดูแลเซลล์ผิวให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมีสารสกัดจากต้นเบิร์ชและดอกโบตั๋นที่ช่วยลดการสร้างเม็ดสีเมลานินได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ผลิตภัณฑ์นี้เป็นที่ยอมรับด้านการลดเลือนรอยดำจากสิวจากทั่วทุกมุมโลก

ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ช่วยลดเลือนรอยสิวนั้นมีอยู่หลากหลายมาก การเลือกให้เหมาะกับผิวไม่ใช่เพียงเชื่อตามการรีวิวจากตัวแทนนำเสนอเท่านั้น แนะนำให้ลองอ่านฉลากด้านหลังดูเพื่อศึกษาถึงส่วนผสมออกฤทธิ์ที่สำคัญ และเพื่อช่วยระมัดระวังสารที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ระคายเคืองบนผิวหน้า อย่าลืมทดสอบอาการแพ้ด้วยการนำผลิตภัณฑ์มาป้ายในส่วนผิวหนังบอบบาง เช่น ต้นแขนด้านใน หากมีอาการผิดปกติอย่างรู้สึกคันหรือเกิดผื่นแดง ควรงดใช้ผลิตภัณฑ์หรือปรึกษาแพทย์


9 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
พญ.ชนิกา วิฑูรชาติ อายุรแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง, ไร้กังวลรอยแผลเป็นตามหลังการอักเสบของสิว (https://www.vejthani.com/th/2018), 25 กุมภาพันธ์ 2561
Gabriella Fabbrocini, Acne Scars (https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC2958495/), 14 October 2010
Kelly McKelvey, Activated protein C: A regulator of human skin epidermal keratinocyte function. World J Biol Chem. 2014 May 26; 5(2): 169–179.

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)