เคยไหมกับการรู้สึกคันหูจนหยุดเกาไม่ได้ การคันที่ช่องหูสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกช่วงอายุ และอาการคันจะบรรเทาลงได้นั้น ก็ขึ้นอยู่กับว่าอะไรคือต้นเหตุที่ทำให้คุณคัน
แต่ไม่ว่ามันจะเกิดขึ้นเพราะเหตุใดก็ตาม คุณก็ไม่ควรนำวัตถุแหย่เข้าไปในหู เพราะมันอาจทำให้เกิดอันตรายต่อหูชั้นในซึ่งเสี่ยงต่อการที่เยื่อแก้วหูทะลุได้ และรวมถึงกระดูกชิ้นเล็กๆ ที่ช่วยให้คุณได้ยินเสียงด้วย
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการคันหู
1.มีขี้หู
การก่อตัวขึ้นของขี้หูถือเป็นวิธีการหนึ่งของร่างกายที่กำจัดเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วและสิ่งสกปรกออกจากรูหู แต่หากมีขี้หูมากเกินไป มันก็สามารถทำให้รู้สึกคันได้
อย่างไรก็ตาม คุณไม่ควรกำจัดขี้หูโดยใช้ก้านสำลี เพราะมันจะยิ่งดันให้ขี้หูเข้าไปลึกกว่าเดิม แต่ให้ใช้ยาละลายขี้หูแทน ถ้ายังไม่ดีขึ้น คุณก็สามารถไปพบแพทย์ เพื่อใช้อุปกรณ์พิเศษที่ช่วยกำจัดขี้หูได้อย่างปลอดภัย
2.ติดเชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อไวรัส
บางครั้งการเกิดความรู้สึกคันหูก็เป็นสัญญาณของการติดเชื้อที่หูได้ ซึ่งมีแบคทีเรียและไวรัสเป็นตัวการ และมักเกิดขึ้นเมื่อคุณเป็นโรคไข้หวัดธรรมดา โรคไข้หวัดใหญ่ หรือโรคภูมิแพ้
อีกกรณีก็คือหากมีน้ำเข้าไปในหูหลังจากว่ายน้ำมากเกินไป มันก็จะไปกลบชั้นป้องกันตามธรรมชาติของช่องหูที่มีไว้ป้องกันเชื้อโรค อย่างไรก็ดี การติดเชื้ออาจหายไปเองในบางคน
แต่แพทย์ก็อาจจ่ายยาหยอดหูให้ คุณอาจจำเป็นต้องหยอดยา 2-3 ครั้งต่อวัน เป็นเวลา 1 สัปดาห์ หรือในบางครั้งคุณอาจต้องใช้ยาปฏิชีวนะ
3.การติดเชื้อรา
การติดเชื้อราของหูชั้นนอกทำให้มีอาการคันหูได้ รักษาโดยใช้ยาฆ่าเชื้อยาหยอดหู 10-14 วัน
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
4.เป็นปฏิกิริยาแพ้ของผิวหนัง
การคันภายในหูสามารถเกิดขึ้นได้จากปฏิกิริยาภูมิแพ้ด้วย ซึ่งตัวการก็อาจเป็นผลิตภัณฑ์ความงามอย่างสเปรย์สำหรับเส้นผมหรือแชมพู
นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ เครื่องประดับที่มีนิกเกิล หรือโลหะมันวาวอย่างต่างหู พลาสติก ยาง หรือโลหะที่คุณใส่เข้าไปในหูอย่างหูฟัง หรืออุปกรณ์ช่วยฟังก็สามารถทำให้เกิดผื่นได้
ทั้งนี้วิธีที่ช่วยบรรเทาอาการคือ ให้คุณหาว่าสิ่งใดที่ทำให้เกิดปฏิกิริยาแพ้และหยุดใช้มัน นอกจากนี้แพทย์อาจให้ครีมสเตียรอยด์หรือรับประทานยาแก้แพ้ มาใช้เพื่อหยุดอาการคัน
5.ผื่นผิวหนังอักเสบ หรือโรคสะเก็ดเงิน
หากคุณเป็นโรคผื่นผิวหนังอักเสบ หรือโรคสะเก็ดเงิน คุณก็อาจมีแนวโน้มที่จะคันหู ทั้งนี้คุณสามารถแก้ปัญหานี้โดยใช้ยาหยอดหู แต่ในกรณีที่อาการรุนแรง คุณอาจต้องทานยาสเตียรอยด์
6.ทำความสะอาดหู
การใช้ไม้พันสำลีแหย่เข้าไปในหูโดยเฉพาะหลังอาบน้ำแล้วน้ำเข้าหู สามารถทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรังของหูชั้นนอก และทำให้เกิดความรู้สึกคันตามมา นอกจากนี้การใช้กิ๊บดำ ลวดหนีบกระดาษ ไม้ขีดไฟ และนิ้ว ก็สามารถทำให้เกิดรอยถลอกภายในหู ทำให้ง่ายสำหรับแบคทีเรียที่จะเข้าไป และก่อให้เกิดการติดเชื้อ
7.เป็นโรคภูมิแพ้อาหาร
ถ้าคุณเป็นไข้ละอองฟาง หรือแพ้เกสรดอกไม้ คุณก็อาจคันหูเมื่อคุณทานผลไม้ ผัก หรือถั่วบางชนิด อย่างไรก็ตาม อาการดังกล่าวควรจะหายไปหลังจากที่คุณกลืนอาหาร หรือคายอาหารออกมาจากปาก และในกรณีส่วนมาก คุณไม่จำเป็นต้องรักษา แต่ควรต้องไปพบแพทย์เพื่อทดสอบดูความรุนแรงของอาการแพ้ ส่วนคนที่แพ้อาหารอย่างรุนแรงอาจจำเป็นต้องฉีด Epinephrine auto-injector
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
8.โรคทางกาย
โรคทางกายบางชนิดที่ทําให้มีอาการคันของหูชั้นนอกได้ เช่น โรคตับอักเสบ เบาหวาน โรคเลือด โรคมะเร็ง โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง โรคไตวายเรื้อรัง
แม้ว่าอาการคันหูจะไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่โต แต่มันก็สามารถทำให้เรารู้สึกรำคาญและส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้ เมื่อทราบแล้วว่ามันเกิดจากสาเหตุใดได้บ้าง คุณก็จะได้แก้ปัญหาได้ตรงจุด แต่หากอาการไม่ดีขึ้น คุณก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม
เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจตรวจสุขภาพ จากคลินิกและโรงพยาบาลใกล้คุณ และไม่พลาดทุกการอัปเดตเรื่องสุขภาพและโปรโมชั่นเมื่อกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android